สนามบิน
ดาวลดาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเดินทางถึงสนามบินแล้วพบว่าคนที่รออยู่ก่อนแล้วคือวาสนา
“ก้อยเป็นอะไรหรือเปล่าคะป้า”
“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะน้องแยม” วาสนาเลิกคิ้ว ยู่ปากเล็กน้อย
“ก็ทัวร์นี้หนูต้องไปกับก้อยเขานี่คะ”
“ก็ไอ้ก้อยมันบอกพี่ว่าคุณเต้ให้มันไปดูแลทัวร์ที่เกาะช้าง แล้วให้ป้าไปทัวร์นี้แทนมันน่ะ มันยังบอกอีกว่าเรารู้เพราะคุณเต้จะบอกกับเราเอง” วาสนาทำหน้าแปลกใจ “สรุปว่าเราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ แล้ววันนี้ได้เจอคุณเต้เขาหรือเปล่า”
“เจอค่ะป้า เขาแวะไปกินข้าวที่ร้านแต่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย.. สงสัยจะลืม” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมาก
“อือ สงสัยเขาคงลืมจริงๆ นั่นแหละ ไปเถอะ ไปเตรียมตัวรอรับลูกทัวร์กันดีกว่า” วาสนาตัดบทเพียงเท่านั้น
“ค่ะ” ดาวลดารับคำแล้วเดินตามไกด์สาวรุ่นใหญ่ไปติดๆ
“ถ้าไม่แน่ใจจะโทรถามคุณเต้เขาก็ได้นี่แยม” วาสนาแนะนำขณะเดินคู่กันไป
“ไม่เป็นไรค่ะพี่หนา แยมยังไงก็ได้” ดาวลดาปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่...
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ดาวลดาเปิดประตูออฟฟิศเข้าไป ส่งยิ้มให้พนักงานทั้งหลายที่ทักทายมาอย่างเป็นกันเอง
“ของฝากจากญี่ปุ่นจ้ะ แบ่งกันนะ” เธอยื่นถุงลูกอมให้พนักงานสาวคนหนึ่งก่อนเดินไปที่แผนกและนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่โต๊ะประจำตำแหน่งของใคร ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้หมด
“มาแต่เช้าเลยนะหนูแยม” วาสนาเดินเข้ามาพร้อมกาแฟหอมกรุ่น ควันลอยฉุย
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างและยกมือไหว้อีกฝ่าย “ก็ยังช้ากว่าป้าอยู่ดี”
“กาแฟสักถ้วยไหมหนู”
“ไม่เอาค่ะป้า ป้าก็รู้ว่าหนูไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟ”
“ดีแล้วที่ไม่ดื่ม ป้าขาดไม่ได้เลยหนูเอ๊ย มือไม้สั่น อาการวูบถามหาอย่างกะวัยทอง” วาสนาทำท่าทางให้ดู
“ถ้าหนูง่วงจริงๆ นั่นแหละถึงจะเอาสักหน่อย แต่ต้องมีพวกขนมปังแกล้มด้วยนะคะ หรือไม่ก็ต้องกินข้าวตามไป ไม่งั้นปากสั่น มือสั่นไปหมดเลยค่ะ”
“สวัสดีค่ะป้าหนา พี่แยม” พนักงานสาวที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทนามว่าหนึ่งฤทัยเยื้องกายเข้ามาทักทายด้วยการไหว้พร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีจ้ะ” ทั้งสองทักทายและยกมือไหว้รับเกือบพร้อมกัน
“น่ารักเนอะป้า” ดาวลดาพูดกับวาสนาเมื่อหนึ่งฤทัยเดินจากไปแล้ว
“อือ” วาสนาพยักหน้าเห็นด้วย
“ไอ้ก้อยยังไม่มาอีก” หญิงสาวถามถึงเพื่อนร่วมงานคนสนิทด้วยความเคยชิน
“มันจะมาได้ยังไง มันเพิ่งไปเกาะช้างเมื่อวานนี้เองนะ” วาสนาซึ่งมีหน้าที่ดูแลตารางงานของไกด์ทั้งหมดกล่าวขึ้น
ก๊อกๆๆ
กระจกที่กั้นไว้ง่ายๆ ระหว่างแผนกถูกเคาะให้สัญญาณเล็กน้อยก่อนที่จะมีเสียงถาม
“เที่ยงนี้แผนกเราจะออกไปเยี่ยมคุณก้อยพี่ทั้งสองจะไปด้วยไหมคะ”
“ก้อยเป็นอะไร!” ดาวลดาถามด้วยเสียงที่แสดงความแปลกใจ
“พี่ก้อยโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อวานนี้ค่ะ”
“ทำไมถึงโดนล่ะ ไหนบอกว่าไปเกาะช้างไง” วาสนาถามบ้าง
“โดนตอนเช้าค่ะพี่ก่อนเดินทาง”
“แล้วใครไปแทนไอ้ก้อยล่ะ” วาสนายังซักต่อ หยิบตารางงานขึ้นมาดูเพื่อเปลี่ยนรายชื่อ ทำสรุปผลตอนสิ้นเดือน
“พี่ปุ้มค่ะ แล้วพี่ทั้งสองจะไปกับพวกเราไหมคะ”
“พี่ไม่ไปจ้ะ เพราะอีกเดี๋ยวพี่จะออกไปเลย ขอบใจนะจ๊ะที่ส่งข่าว”
“ป้าก็ไม่ไป เพราะป้าจะไปพร้อมกับพี่แยมเขาเลย”...
ก๊อกๆๆ
นนทิยามองไปที่ประตูห้องพักของโรงพยาบาลที่ตนนอนรักษาตัวอยู่เมื่อได้ยินเสียงเคาะ มันถูกเปิดออกช้าๆ ก่อนที่ใครบางคนจะก้าวเข้ามา
“แยม!” นนทิยาอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด แทนที่จะดีใจเมื่อได้เจอเพื่อนสาวร่วมงานคนสนิท
“จ๊ะเอ๋!” วาสนาที่เดินตามดาวลดาอยู่ เอียงหน้าไปทักทายหญิงสาวเจ้าของห้อง
แอ๊ด.. ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับเสียงถาม
“ใครมาเหรอก้อย?”
จากอาการตกใจในตอนแรกกลายเป็นหน้าซีดขาว เหมือนคนที่ทำความผิดร้ายแรง แล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม เธอได้แต่นิ่งงัน
ดาวลดาและวาสนาก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นพิษณุที่นี่.. ในลักษณะที่ดูคล้ายสนิทชิดเชื้อมากเป็นพิเศษ มากกว่าเจ้านายกับลูกน้องแบบที่ควรจะเป็น
“แยม!” พิษนุอุทานชื่อคนรักออกมาเบาหวิวด้วยความตกใจ ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการคลี่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปหา โอบบ่าของเธอหลวมๆ “ทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อนคะ ว่าจะมาเยี่ยมคุณก้อยเขา พี่จะได้ไปรับ พี่ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน มาถึงก็ขอคุณก้อยเขาเข้าห้องน้ำนี่แหละ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มละมุน ส่งยิ้มให้เธออย่างรักใคร่.. ใครจะคาดคิดว่าจะมีคนมาเยี่ยมไข้แต่เช้าแบบนี้ พวกพนักงานในบริษัทที่รู้ข่าวน่าจะมาอย่างเร็วก็คือช่วงเที่ยงหรือตอนเลิกงานแล้ว
“ค่ะ” ดาวลดารับคำสั้นๆ ฉีกยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจนั้นเจ็บปวด เธอมั่นใจว่าเขาโกหก เสื้อผ้าของเขามีรอยยับ.. เวลาพูดมีกลิ่นหอมของยาสีฟันลอยออกมา ใบหน้าของเขาก็เหมือนเพิ่งล้าง ตามไรผมยังมีน้ำเกาะอยู่ให้เห็นบ้าง
“ของฝากจากป้ากับไอ้แยมจ้ะ” วาสนาพูดแทรกด้วยเสียงแจ่มใสและดังกว่าปกตินิดหนึ่ง เพื่อให้คลายความตึงเครียดลงบ้าง ยื่นกระเช้ารังนกให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความสงสัยที่เกาะกินอยู่ในใจจะเป็นเรื่องจริง แล้วดาวลดาล่ะ.. กำลังคิดอะไรอยู่
“ขอบคุณค่ะป้า ขอบใจมากนะแยม ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาฝากเลย แค่มาเยี่ยมก้อยก็ดีใจแล้ว”
“ไม่ได้หรอก ต้องบำรุงเยอะๆ จะได้หายไวๆ ตอนนี้ไกด์ยิ่งน้อยๆ อยู่” ดาวลดาตอบเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้มก่อนหันไปทางคนรักอีกครั้ง “แล้วพี่เต้ล่ะคะซื้ออะไรมาเยี่ยมลูกน้องคะ” เธอถามออกไปเพราะแอบมองทั่วห้องแล้วยังไม่เห็นอะไรที่เป็นของฝากสักชิ้น ตอนนี้ความไม่สงสัยมันล้นปรี่อยู่ในอก แต่คนอย่างพิษนุถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาเขาไม่เคยยอมรับ
“... ไม่ได้ซื้อเลยค่ะ พอดีพี่ทราบข่าวก็รีบแวะมาเยี่ยมเพราะอยู่แถวนี้พอดี ตั้งใจว่าจะซื้อให้ทีหลัง ไม่ว่ากันนะครับคุณก้อย”
“คะ.. ค่ะ.. ไม่ต้องซื้อของมาเยี่ยมให้เปลืองเงินหรอกค่ะคุณเต้ แค่มาเยี่ยมก้อยก็ขอบคุณมากแล้ว” นนทิยาพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดออกไปโดยไม่ให้เสียงสั่น น้อยใจในตัวชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่ยังเห็นดาวลดาสำคัญกว่าเธออยู่เสมอ