“ฮึก ฮืออ~” อยู่ ๆ หนูปันปันก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ทำเอาลัลนาตกใจมากเลยทีเดียว ยกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกสาวปอย ๆ
“เป็นอะไรลูก หืม...” อันที่จริงก็พอดูออกว่าลูกสาวคงไม่อยากมีน้อง แต่จะทำอย่างไรได้ตอนนี้ก็ท้องแล้วด้วย
“ฮึก มีน้องแล้วแม่จะรักหนูไหม ฮึก”
“รักสิ ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ” ลัลนาค่อย ๆ ยกฝ่ามือเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของลูกสาว รั้งตัวเล็กเข้ามาสวมกอดแน่น ๆ
“ไม่ว่ายังไง แม่กับพ่อก็รักหนู ไม่ว่าจะมีน้องหรือไม่มี หนูไม่ต้องห่วงนะปัน”
“ฮึก จ...จริงนะ อึก หนูรักแม่กับพ่อ”
“หึ ไม่งอแงนะคะ กลับบ้านกันนะ” ลูกสาวเลิกงอแง เด็กหนอเด็ก ไร้เดียงสาอย่างกับอะไรดี คงคิดว่าถ้าแม่มีน้องจะไม่รักตัวเอง แต่ความรักที่เธอมีให้ลูกอย่างไรก็ไม่มีทางหมด ถึงจะต้องลำบากเลี้ยงแค่ไหน ก็ยังจะรักลูกเหมือนเดิมมิคลาย
...พอกลับมาถึงบ้านก็เตรียมทำกับข้าวให้กับลูกสาวเป็นข้าวผัดเมนูโปรด เธอมักทำกับข้าวเองด้วยความที่ต้องการประหยัดเงินช่วยสามีและอยากให้ลูกสาวได้ทานอาหารที่รสไม่จัดเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต
“คุณแม่ คุณพ่อไม่กลับบ้านเหรอคะ” ลูกสาวพูดชัดมาแล้ว ยกเว้นตัวร. ที่ยังกระดกลิ้นไม่ได้ แถมยังพูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อ ก็ได้เธอนี่แหละเป็นคนสอนให้
“กลับเมื่อเช้าจ้ะ”
“อ้าว...” หนูน้อยทำหน้าตาตกใจ ก่อนจะทำปากยู่ใส่คนเป็นแม่ “ละ แล้วทำไมพ่อไม่รอหนู”
“พ่อต้องไปทำงานไงคะ”
“ไม่จริง พ่อต้องรอหนู” งอแงอีกครั้ง นี่แหละความเหนื่อยของเธอ ที่ต้องนั่งเดาใจลูกมาโดยตลอด
“ไว้เดี๋ยวเราวิดีโอคอลโทรหาพ่อกันนะ” กระนั้นหนูปันปันก็พยักหน้ารับ ลูกสาวเจอหน้าผู้เป็นพ่อผ่านวีดีโอคอลมากกว่าเจอตัวจริงเสียอีก ก็ได้แต่หวังว่าลูกจะเข้าใจยามโตขึ้นแล้ว
...ไม่นานข้าวผัดร้อน ๆ ก็มาเสิร์ฟตรงหน้าลูกสาว หนูน้อยเตรียมช้อนพร้อมตักกิน ขาก็แกว่งไปมาที่เก้าอี้ ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นทำให้ลัลนาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“ค่อย ๆ กินนะ”
“ค่ะ อร่อยที่สุด”
“หึ ขอบคุณนะ” เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเอ่ยคำนี้ออกมา แต่ก็อยากขอบคุณที่ลูกสาวเติบโตมาได้น่ารักแบบนี้ แม้นจะงอแงไปบ้างตามประสาเด็ก แต่ก็หายไวไม่ร้องไห้นาน จนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ
“ใกล้ถึงเวลาพักของพ่อแล้วล่ะ เดี๋ยวแม่โทรหาพ่อนะ”
“หนูอยากคุยกับคุณพ่อ!”
“เอ...ระวังด้วยนะ เดี๋ยวข้าวติดคอ แม่บอกแล้วไงว่าให้กลืนข้าวก่อน ค่อยพูด” ดุแล้วแต่ลูกสาวก็ส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก ลัลนาส่ายหน้าเบา ๆ พลางโทรหาคนเป็นสามีไปด้วย
ติ๊ด!
รอไม่นานเขาก็รับสาย
“ฮัลโหลค่ะ พักยังคะ”
[กำลังพักพอดีเลยครับ ว่าจะโทรหาพอดี] ได้ยินอย่างนั้นลัลนาก็ฉีกยิ้มพร้อมกับกดเปิดวีดีโอคอลให้ลูกสาวได้คุยกับคนเป็นพ่อ
“คุณพ่อ!!”
[ว่าไงคะ คนเก่ง]
“กำลังกินข้าวค่ะ คุณพ่อกินข้าวยังคะ” ลัลนาตั้งโทรศัพท์ที่โต๊ะกินข้าวให้ลูกสาวได้คุยกับผู้เป็นพ่อ
[ยังเลยครับ พ่อกำลังไปโรงอาหารนะ]
“เหรอคะ คุณพ่อ ๆ เหนื่อยไหม” เสียงแจ้ว ๆ นี้ทำให้ลัลนาฉีกยิ้ม ลูกสาวก็ช่างพูด แถมยังขี้อ้อนอีกด้วย
[ไม่เหนื่อยเลยครับ]
“จริงเหรอ~”
[พอได้เห็นหน้าหนูพ่อก็หายเหนื่อยเลย] ได้ยินอย่างนั้นลัลนาก็โผล่หน้าเข้าไปในโทรศัพท์
“แล้วหน้านาล่ะคะ”
[หึ หายเหนื่อยนิดหน่อย] เห็นไหมว่าเขาน่ะขี้แกล้งแค่ไหน
“ชิ งั้นไม่ต้องมาเจอหน้ากันเลยนะคะ”
[ง่ะ ผมล้อเล่นครับ ว่าแต่แม่กินข้าวยัง]
“ไม่ต้องมาห่วงหรอกค่ะ”
“คุณแม่ยังไม่ได้กินค่ะ คุณพ่อ!” ถึงเมียจะไม่ได้ตอบ แต่ลูกสาวก็ตอบให้เสร็จสรรพ ลัลนาอดที่จะถลึงตาใส่ลูกสาวไม่ได้
[หึ อย่าโกรธลูกเลยครับ ผมล้อเล่นนะ หายงอนนะ ๆ]
“ชิ...” เธอหน้างอ แต่ก็น่ารักในสายตาของเขาเสมอ
[ขอโทษครับ จะไม่แกล้งแล้ว] พอเห็นสีหน้าของเขาก็โกรธได้ไม่นานนักหรอก เธอไม่อยากให้เขาเครียดเสียด้วยซ้ำ
“นาก็ล้อเล่นเหมือนกันค่ะ หึ”
[อีกแล้วไง นาก็ชอบทำผมใจไม่ดีอยู่เรื่อย]
“แหม ทีคุณหมอล่ะ ชอบแกล้งนัก”
[ก็บอกแล้วไง ว่าเวลานางอนน่ารักมาก] เธอยิ้มมุมปาก ภูมิใจสามีชมน่ารักไม่หยุด [แล้วทำไมยังไม่กินข้าวเย็นครับ]
“ยังไม่หิวเลย รู้น่าว่าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว เดี๋ยวกินเดี๋ยวนี้เลย” เขายังไม่ได้อ้าปากดุเธอเลย สาวเจ้าก็เอ่ยดักคอเขาเสียก่อน
[ครับ งั้นเรามากินด้วยกันนะ] สามีหนุ่มเดินไปสั่งข้าวมานั่งทานที่ม้านั่งภายในโรงอาหาร เขาตั้งกล้องโทรศัพท์ไว้พร้อมกับใส่หูฟังบลูทูธไว้ในหูตลอดเวลา เกรงว่าเสียงพูดคุยโทรศัพท์จะดังรบกวนคนอื่น
“อ้อ นามีเรื่องอยากบอกพอดีค่ะ พอดีนาคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว”
[ว่าไงครับ อะไรที่ว่าดี ๆ]
“คือนาคิดว่านาอยากเปิดสอนพิเศษให้กับเด็กเล็กค่ะ จะได้ช่วยค่าใช้จ่ายให้บ้านเราด้วย” เธอว่าน้ำเสียงสดใส
[หืม...ความคิดดีนะ แต่จะไม่เหนื่อยเอาเหรอ ท้องอยู่ด้วย] เขาก็เป็นห่วง ที่ผ่านมาสาวเจ้าสอนลูกสาวอยู่บ้านอยู่แล้ว เขาเองก็เห็นวิธีสอนของเธอ เห็นด้วยที่เธอจะทำแก้เบื่อแก้เหงา แต่มันก็คงทำให้เหนื่อยมากพอตัว
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ นาอยากช่วยคุณหมอนะ”
[หึ โอเคครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ]
“โอเค ๆ” เธอตอบรับไปงั้น แต่เชื่อเถอะว่าจะไม่รบกวนเขาเด็ดขาด
[ไปตักข้าวมากินได้แล้ว นาน่ะตีเนียนไม่กินข้าวหรือเปล่า เปลี่ยนเรื่องคุย]
“ไม่เลยนะ ไม่ได้มีความคิดนั้นสักหน่อย”
[แล้วใครกันที่อดข้าวอดน้ำจนเป็นลมน่ะ] เธอหัวเราะเบา ๆ ตอนนั้นเธอต้องการลดน้ำหนักหลังคลอดเอาใจเขาด้วย ผลสุดท้ายก็หิวข้าวจนตาลาย เป็นลมต่อหน้าเขาเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องมาแซวเลย ก็กลัวผัวจะไปมีเมียน้อยไงคะ เลยต้องดูแลตัวเองหน่อย” เธอว่าพร้อมกับเดินไปตักข้าวมากิน ส่วนลูกสาวนั้นก็นั่งกินข้าวเงียบ ๆ หลังจากที่พ่อแม่คุยกัน
[หึ ผมไม่มีเรื่องนั้นหรอกครับ ไม่ต้องห่วง]
“ก็ลองมีสิคะ เดี๋ยวได้เจอดีแน่” คราวนี้ปลายสายหัวเราะเสียงดังเลยก็ว่าได้ ใครจะไปกล้ากับสาววิศวะฯ อย่างเธอ ตอนเจอกันใหม่ ๆ จำได้ว่าตนนั้นทำหน้าทำตาทะเล้นใส่ไม่ได้เลย โดยข้อศอกเป็นประจำ แถมเธอจะเตะเขาตลอดเวลาอีกด้วย กว่าจะจีบติดล่อไปเป็นปีเลย
[ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ มีคุณกับลูก ๆ ก็พอแล้วครับ คิดถึงนะ...ผมอยากกลับบ้านไปหาคุณใจแทบขาดแล้ว]
“หึ ปากหวานเชียว”
[คิดถึงสุด ๆ เลยครับ] เธอเห็นแววตาแห่งความคิดถึงที่เขาถ่ายทอดออกมา สื่ออารมณ์ให้เธอได้รู้ซึ้งว่าคนเป็นสามีคิดถึงเธอกับลูกมากแค่ไหน
“ไว้เจอกันนะ คิดถึงคุณมากเหมือนกัน รักมาก ๆ ค่ะ”
“รักพ่อมาก ๆ ค่ะ” ลูกสาวเลียนแบบคนเป็นแม่ไม่ยอมน้อยหน้า ก่อนที่คนเป็นพ่อจะตอบรับ
[ค้าบ~ รักทั้งสอง ไม่สิ...ทั้งสามคนมาก ๆ นะ] ลัลนาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนที่ไม่นานจะหมดเวลาพักของคนเป็นสามี เขาทำให้เธอมีความสุข ขณะเดียวกันก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เธออยากช่วย อยากแบ่งเบาภาระต่าง ๆ จากเขามาก ซึ่งตอนนี้ก็หาวิธีได้แล้ว...
เช้าวันต่อมา...
ห้องพักแพทย์ของเขานั้นมีการอำนวยความสะดวกให้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ แม่บ้านคอยทำความสะอาดจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ ชายหนุ่มตื่นจากการหลับนอนเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น เขาหัวฟู และงัวเงียมากเลยทีเดียว
ปุณณกันต์อาบน้ำแต่งตัวก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าของลูกเมีย ลัลนากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ลุ้นมากเลยทีเดียวว่าลูกคนที่สองจะเป็นชายหรือหญิง ซึ่งเขายังไม่อยากบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้
...เดิมทีเขาเป็นที่คาดหวังของคนเป็นพ่อ ธนธาดาคือสกุลที่มีชื่อเสียง เป็นเจ้าของธนาคารที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงทำธุรกิจกับธนาคารในต่างประเทศอีกมากมาย มูลค่าทางการตลาดนั้นสูงลิบลิ่ว เป็นอีกหนึ่งธนาคารที่มีนักลงทุนให้ความสนใจและมั่นใจมาโดยตลอด แต่เขากลับเลือกที่จะเรียนแพทย์ ซึ่งคนเป็นพ่อก็ยื่นคำขาดว่าส่งเรียนได้ แต่หลังจากเรียนจบเขาจะไม่ได้มรดกและจะไม่ได้เงินอะไรจากทางบ้านอีก เพราะความมั่นอกมั่นใจของตัวเองนั้นทำให้ตอบรับไปแบบนั้น ชีวิตช่วงนี้จึงตึงมือไปหมด ภาระหน้าที่ทำให้ต้องห่างลูกเมีย
ปุณณกันต์มาที่ห้องพักอาจารย์บริเวณชั้นแปดของมหา’ลัยแพทย์ โชคดีที่ตนนั้นทำงานในโรงพยาบาลเดียวกันกับมหา’ลัยที่ตนสอนอยู่ ซึ่งเป็นทั้งมหา’ลัยและโรงพยาบาล ทว่าพอจะเดินเข้าไปในห้องพักอาจารย์
กึก!
“อาจารย์ปุณณ์ไม่สนใจตามนักศึกษาของตัวเองเลย ถ้าฉันให้เอฟไปก็คงไม่สนใจล่ะมั้ง เฮ้อ...สงสารอนาคตเด็กที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างนี้”
“นั่นสิ เมื่อวานเห็นพาเมียมาฝากครรภ์ด้วย ทำหน้าที่ผัวได้ดีแต่หน้าที่อาจารย์ละเลยแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ”
เสียงนินทาของเพื่อนร่วมงานนั้นทำให้ฝ่าเท้าหนาหยุดชะงักทันที เขากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ จำเสียงนี้ได้แม่น คนเราต่อหน้าพูดดี ลับหลังกลับนินทากันสนุกปาก แต่ก็ไม่ผิด...เขาทำหน้าที่ได้ไม่ดีอย่างที่หล่อนพูด ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตนนั้นละเลยไปจริง ๆ แทบจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่านักศึกษาในที่ปรึกษาอย่างรินลดานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ด้วยความที่หนึ่งวันเขาพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก หวังว่าวันนี้เธอจะเข้ามาพบเขาอย่างที่โทรบอกไปเมื่อวาน...แต่ถ้าไม่ก็คงต้องตามหาถึงที่บ้าน