“พ่อจะให้ยายดาแต่งงาน? แล้วยายดาก็ยอมแต่โดยดีงั้นหรือคะ?”
“แค่หมั้นไว้ก่อน ส่วนจะแต่งเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที แต่คุณราเมศวร์ออกจะใจร้อน อยากหมั้นวันนี้แต่งพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ”
“คุณราเมศวร์? ราเมศวร์ไหนคะ หวังคงไม่ใช่ราเมศวร์ วัศธร หรอกนะคะ?”
“เผอิญว่าใช่”
“พ่อ!” ลัลลิตาเสียงหลง
ใบหน้าแต่งไว้อย่างประณีตจนมองเผินๆ เหมือนเป็นความงามสดสวยตามธรรมชาติเผือดลงทันตา แต่พักเดียวก็กลับเข้มขึ้นด้วยความโกรธ
“ไม่นะคะ” หล่อนพูดกระด้างกับบิดา นัยน์ตาเป็นประกายวับ “ตาไม่มีวันยอมเป็นอันขาด พ่อก็รู้ว่าตาหมายตาผู้ชายคนนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ยังไงตาก็ไม่มีวันยอมให้นังดาได้เขาไปครอง ไม่เชื่อพ่อคอยดูไปละกัน!”
“อย่าให้มันมากไปนะ ยายตา”
ดำรงพูดเสียงขรึม แม้จะรู้แก่ใจและยอมรับมานานแล้วว่า เขากับลูกสาวคนนี้ไม่เคยพูดจากันเข้าใจ
ลัลลิตามีนิสัยดันทุรัง เอาแต่ใจแค่ไหนเป็นที่รู้กันดีอยู่
ที่ผ่านมา เขาพยายามตามใจเท่าที่จะตามได้ เพราะยังไงก็ลูก และถึงว่าบางครั้งลัลลิตาจะทำให้เขาโกรธและผิดหวังเกี่ยวกับพฤติกรรมเป็นสาวรักสนุกปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเป็นโจษจันของชาวสังคม เขาก็พยายามมองข้ามและอภัยให้
บางครั้งยังคิดว่าเป็นความผิดของเขาเอง ที่ไม่มีเวลาบ่มสอนเพราะมัวยุ่งอยู่กับงาน แม้ว่าเวลาที่เขามีให้กับลูกสาวอีกคนจะพอๆกัน หรืออาจน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ปูริดากลับมีนิสัยตรงข้ามกับพี่สาวอย่างสิ้นเชิง
“มากยังไงคะ? พ่อก็รู้ว่าตาสนใจคุณราเมศวร์ กำลังคิดหาทางให้ได้ใกล้ชิด แต่แล้วอยู่ๆ พ่อก็มาทำแบบนี้ ยกนังลูกสาวสุดที่รักให้เขาดื้อๆ อย่างนี้มันแกลังกันนี่คะ”
“พอแล้วยายตา และถ้าจะพูดถึงน้องก็พูดให้มันดีๆหน่อย เรียกนังนั่นนังนี่ฟังแล้วขัดหู แล้วพ่อก็ขอบอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพ่อมีลูกอยู่สองคน ไม่เคยรักใครมากกว่าใคร ถ้าแกจะพอมีใจเป็นธรรมก็ต้องรู้ว่าพ่อไม่เคยตามใจ เอาใจยายดามากไปกว่าแกเลย”
“พ่อจะพูดยังไงก็ได้ แต่เรื่องคุณราเมศวร์ก็พิสูจน์แล้วว่าพ่อรักนังดามากกว่าตา อยากให้นังดาได้สามีฐานะร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคมมากกว่า”
“พอ!” ดำรงลงเสียงหนัก สีหน้าเอาจริงผิดเคย “พ่อจะเตือนอีกหนเดียว ถ้ายังจิกหัวเรียกน้องอย่างที่เรียกอยู่ก็ไม่ต้องพูดกัน”
“อ้อ! นังลูกเมียน้อยนี่แตะไม่ได้เลยนะคะ”
แทนที่จะกลัวสีหน้าเอาจริงของบิดา ลัลลิตากลับทำเสียงหยัน
ดำรงขบฟัน พยายามนับหนึ่งถึงสิบ
“ไม่ต้องไปก้าวร้าวถึงคุณปัทมาเขา แล้วเขาก็ไม่เคยเป็นเมียน้อยพ่อ ถึงพ่ะอกับคุณปัทมาจะไม่ได้แต่งงานกันอย่างมีพิธีใหญ่โต คุณปัทมาก็เป็นเมียถูกต้องที่กฎหมายรับรองสิทธิทุกประการ จำเอาไว้!”
“ค้า! ตารู้ว่าพ่อจดทะเบียนกับน...แม่นังดา แต่ยังไงก็ไม่พ้นข้อหาแย่งผัวคนอื่นไปได้หรอกนะคะ”
“แย่งยังไง ในเมื่อแม่ของแกตายไปแล้วพ่อถึงได้จดทะเบียนสมรสรับรองฐานะคุณปัทมาเขา?”
“แต่ช่วงที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อกับนัง...ผู้หญิงคนนั้นก็คงลักลอบมีอะไรๆ กันลับหลังแม่ของตาก่อนแล้วแน่ๆ”
“ลัลลิตา ฉันจะพูดกับแกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังขืนจะพูดจาดูถูกดูหมิ่นปัทมาเขาอีกครั้ง ครั้งเดียวเท่านั้น แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ แล้วจะไปหัวหายตะพายขาดทำตัวเป็นผู้หญิงเสเพลสำส่อนให้เสื่อมเสียวงศ์สกุลอย่างที่แกทำมาตลอดหลายปีมานี้ที่ไหนก็ไป แต่จำไว้นะ ไปแล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก!”
“พ่อ!”
ลัลลิตาหน้าเผือดแทบจะไม่มีสีเลือด ความรู้สึกขณะนั้นนอกจากตกใจ ยังระคนไปด้วยความน้อยใจ เจ็บใจ และท้ายที่สุดคือความคับแค้นใจ
ยังไม่ทันคิดคำโต้ตอบเผ็ดร้อนด้วยแรงโทสะ เสียงที่ฟังว่าผู้พูดพยายามข่มความโมโหที่พุ่งขึ้นมาของผู้เป็นพ่อก็ตามมาอีก
“ฉันจะบอกอะไรให้ เผื่อจะทำให้แกเข้าใจอะไรถูกต้อง ที่ฉันจำต้องยกยายดาให้คุณราเมศวร์ ก็เพราะคุณราเมศวร์เขาขอมา เขาระบุชื่อมาชัดเจนว่าเจ้าสาวของเขาต้องเป็นยายดาเท่านั้น”
“ไม่จริง!”
“จริง!” ดำรงย้ำ
“ตาไม่เชื่อ!”
ลัลลิตาค้านเสียงสั่นดวงตาเบิกโพลงศีรษะส่ายไปมา
หล่อนเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าผู้ชายเพียบพร้อมอย่าง ราเมศวร์ วัศธร จะเลือกผู้หญิงที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาอย่างปูริดาน้องสาวคนละแม่ที่หล่อนชังน้ำหน้า ให้เป็นเมียตกเมียแต่ง
จริงอยู่ ปูริดาไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็ไม่ได้สวยสะดุดตาพอที่เรียกร้องความสนใจจากผู้ชายระดับราเมศวร์ ซึ่งคุ้นชินอยู่กับสาวสวยชั้นแนวหน้า
ที่สำคัญ ราเมศวร์จะรู้ได้อย่างไรว่าดำรงยังมีลูกสาวอีกคน นอกเหนือจากลัลลิตา ในเมื่อยายน้องสาวร่วมพ่อคนลละแม่ของหล่อน ไม่เคยได้มีโอกาสเผยอหน้าเข้าสังคม แล้วราเมศวร์จะมารู้จักมักคุ้นกับนังตัวดีถึงกับจะเลือกให้เป็นเจ้าสาวได้อย่างไรกัน หล่อนเชื่อไม่ลงจริงๆ
บิดาต้องโกหก ยังไงหล่อนก็ไม่เชื่อว่านังเด็กเมื่อวานซืนจะได้เป็นเจ้าสาวของราเมศวร์ วัศธร นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในยามนี้
“ราเมศวร์เคยมาที่บ้านนี้”
ดำรงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเหมือนจะรู้ว่าบุตรสาวคนโตกำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ได้พบกับยายดาเข้าโดยบังเอิญ แต่นั่นก็นานมาแล้ว พ่อเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าบทคิดสละโสดขึ้นมาเขาจะเลือกเจ้าสาวที่เคยพบหน้าค่าตาเพียงแค่ครั้งเดียว”
“นังดาคงเสนอหน้าล่ะสิ พอรู้ว่าใครมาบ้านก็คงเต้นริกๆ ออกมาต้อนรับขับสู้”
ดำรงได้แต่ส่ายหน้า รู้สึกอ่อนใจในบุตรสาวคนโตที่ดูจงเกลียดจงชังน้องต่างแม่นัก จึงพูดอย่างเตือนสติแม้จะรู้ดีว่าคงไม่ได้ผลอะไรนัก
“คนที่แกกำลังพูดถึงมันก็น้องของแกนะยายตา”
“แต่ตาไม่เคยเต็มใจรับมันเป็นน้องของตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พ่อก็รู้”
“ถึงจะไม่ยอมรับ แกจะทำอะไรได้ ในเมื่อยายดาก็มีเลือดฉันอยู่ครึ่งหนึ่งในตัวพอๆกับแก”
“ตาเกลียดมัน!”
การลงเสียงหนักประกอบแววตาวาววับเหมือนจะประกาศ ว่าไม่มีวันเลยจริงๆที่จะเห็นปูริดาเป็นน้องไปได้
“ตาเกลียดทั้งนังดา และนังแม่ของมัน!”