3 ผมปกติดี

1225 Words
“มาทำไม” การเห็นหน้าคนของป๊าเสือในยามเช้ามันทำให้ผมค่อนข้างอารมณ์เสีย ทั้งที่วันนี้อากาศดี มาทำบรรยากาศยามเช้าของผมเสียหมด ไม่ ๆ ผมจะเครียดไม่ได้ ผมต้องขจัดความเครียดทิ้ง “มารับนายน้อยครับ” “แกล้งไม่เห็น” ผมแนะนำวิธี ควรแกล้งไม่เห็นผม และกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง “ไม่ทันแล้วครับ นายใหญ่อยู่ในสาย” อืม ดี ดีมาก ดีมากจริง ๆ “ก็วางสิ” ผมพูดแบบไม่มีเสียง นี่คิ้วอันดกดำสวยงามของผมเริ่มจะขมวดแล้วนะครับ แค่งานแต่งงานป๊าเสือจะมาทำรอยตีนกาขึ้นที่ใบหน้าอันสวยงามของผมไม่ได้ “ไปกับพวกผมเถอะครับนายน้อย นายใหญ่รออยู่” กำลังจะเดินเข้ามาประชิดตัวผม ผมเบื่อพวกพูดไม่รู้เรื่องจริง ๆ “อย่าแตะตัว” น้ำเสียงของผมนิ่งขรึม ผมรู้ทันทีว่าดวงตาของผมมันเปลี่ยนไปแล้ว “และถ้าไม่หนีผมจะฆ่าให้หมดเลยครับ กลับไป!!!” ผมตวาดดังลั่น เริ่มจะเอาจริงขึ้นมาทุกที นี่ถ้ายังช้าจะไม่ไว้หน้าใคร “บอกป๊าด้วยว่ากู 28 ปีแล้ว จำทางกลับบ้านได้” ผมเดินกลับเข้าบ้าน หันหลังให้คนของป๊าเสือ ผมควรดื่มเหล้าสงบอารมณ์เครียด แม้ว่าตอนนี้จะยังเช้าอยู่ก็ตามที แค่เหล้า ดื่มตอนไหนก็เหมือนกัน ผมเดินเข้ามาในบ้าน ยกสองมือลูบขึ้นที่ใบหน้าของตัวเอง พยายามผ่อนคลายอารมณ์ หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออก หันมองทางผนังด้านซ้ายที่ประจำ เดินไป 5 ก้าว แล้วหยุดตรงนั้น “โอเค ยังดูดี ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น เฮ้อ… ถ้ามีรอยย่นสักนิดนะ ป๊าก็ป๊าเถอะ” ยิ้มสิครับ แบบนี้ต้องยิ้ม ยิ้มกับตัวเองในกระจกนี่แหละ เพราะผมไม่ชอบยิ้มให้คนอื่นนัก มันอาจจะฟังดูประหลาดเล็กน้อย แต่ผมชอบยิ้มให้ตัวเองมากกว่า นาน ๆ ครั้งถึงจะยิ้มให้คนสำคัญ ผมว่าผมปกติดีครับ ไม่น่าจะผิดแผกจากคนอื่น เมื่อ 3 วันก่อนที่ป๊าเสือสั่งให้ผมเข้าไปหา บอกมีเรื่องอยากจะคุย แต่ว่าผมไม่ไป มาถึงวันนี้จึงส่งคนมารับผมถึงหน้าบ้าน ตลกสิ้นดี ผมจำทางกลับบ้านได้หรอกน่า ครืด ครืด ครืด… “ใครมันโทรมาขัดจังหวะตอนกูอยู่กับตัวเองวะ” นี่มันวันอะไร ทำไม ทำไมมีแต่เรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดี ผมเดินไปยังโต๊ะที่มือถือวางอยู่ หวังว่าสายที่โทรเข้ามาจะเป็นเรื่องดี แต่เมื่อเดินมาถึงแล้วมองหน้าจอนั่นทำให้ผมเผลอขบฟัน “หืม?” เนี่ยแหละครับวิธีรับสายของผม แล้วแต่อารมณ์ คนที่โทรประจำจะรู้ (เธอมีคนใหม่แล้วครับเฮีย) จิ๊ มันหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงผู้ชายเนี่ย เรื่องนี้จะขอนับว่าเป็นเรื่องสนุกแล้วกันนะครับ เพราะเวลาจบงานนี้ทีไรผมมักอารมณ์ดีเสมอ “ใคร?” ใครที่ผมถาม หมายถึงเหยื่อรายใหม่ที่ถูกหญิงชั่วคนนั้นตกไปไงครับ (ลูกชายนักการเมืองครับ คนนี้วงในบอกมาว่าพ่อที่เล่นการเมืองอาจจะกำลังเตรียมลู่ทางหนีออกนอกประเทศ) อ้า สาเหตุอะไรเป็นอันรู้กัน “ก็จัดการแบบเดิม” (คนนี้ไม่เหมือนหลายคนก่อน ๆ ครับเฮีย) “ยังไง” (เขาจะหมั้นกันเย็นนี้ครับ หมั้นแบบเงียบ ๆ ที่บ้านสกุลภักดี บ้านที่เธออาศัยอยู่ครับ) “ไวไฟ” หมั้นเหรอ? หึหึหึ น่าขำสิ้นดี “ปล่อยให้มันหมั้นไป ไปจัดการขุดข่าวพ่อไอ้เหยื่อคนนั้น ขุดมาให้หมด ขุดไอ้เหยื่อนั่นด้วย เอาให้หมดทุกอย่าง แล้วปล่อยออกไป” (ครับเฮีย) “เดี๋ยว ๆ ไม่ ๆ ขุดแล้วเอาส่งมาให้เฮีย เดี๋ยวรอบนี้เฮียจัดการเอง” ผมกดวางสายและเทเหล้าดื่ม หลังจากสั่งงานคนของผมเรียบร้อย ที่ต้องกลับคำเพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าสาวเหรอ? ‘เราช่วยกันขาย ช่วยกันทำมาหากินเดี๋ยวเราก็มีตังค์ ช่วยกันเก็บเงิน ทีละเล็กทีละน้อย พอเรามีเงินเก็บพี่ทิวมาขอวิวนะ วิวอยากเป็นเจ้าสาวของพี่ทิว’ ‘อยู่กับพี่ พี่ทำวิวลำบากใช่มั้ยคะ’ ‘ลำบากที่ไหนคะ ไม่เลย แค่พี่ทิวมีรอยยิ้มให้วิว แค่รักวิวคนเดียววิวก็สุขใจแล้วค่ะ วิวรักพี่ทิวจัง พี่ทิวก็รักวิวใช่มั้ยคะ’ ‘รักสิ รักวิวคนเดียว วิวจะเป็นเจ้าสาวของพี่ วิวเป็นของพี่รู้มั้ยคะ’ ‘งื้อ เขินจังเลยค่ะ พี่ทิวพูดคะค่ะด้วยเสียงอ้อน ๆ ทีไรวิวเขินทุกที ถ้าวิวเป็นของพี่ทิว งั้นพี่ทิวก็เป็นของวิวนะคะ ของวิวคนเดียว’ ‘ค่ะ พี่เป็นของวิว ของวิวคนเดียว พี่รักวิว รักวิวคนเดียว ไหนขอแก้มหน่อยสิคะ’ ‘ชื่นใจมั้ยคะ’ ‘มากที่สุด ไปค่ะไปขายของกัน’ เพล้ง!!! ฉึบ! “เสแสร้ง สารเลว หญิงชั่ว!!!” “เฮีย!!!” น้องชายของผมทั้งสองคนดึงรั้งผมไว้ คนหนึ่งดึงตัวผม อีกคนดึงเศษแก้วออกจากมือ “ใจเย็นดิไอ้เฮีย” นี่เสียงของไอ้นาฟที่เป็นคนดึงตัวผมไว้ “เฮียมึงปล่อยเศษแก้ว ไม่เอาดิ ไม่ทำร้ายตัวเอง ใจเย็น ตั้งสติ ถ้าเฮียมึงเครียด หน้าเฮียมึงมีรอยตีนกานะ” ไอ้เฮีย เฮียมึง เป็นเรื่องปกติที่คุยกัน ผมไม่ถือ ผมไม่สน แต่ไอ้ที่ดึงสติของผมได้คือ… รอยตีนกา “ตีนกานะเฮีย มึงแก่นะเฮีย มึงอยากแก่ออ” อะ ไอ้นาฟก็ย้ำข้างหู “เฮ้ย! นาฟ กูว่าหน้าผากเฮียทิวแม่งมีรอยว่ะ” ได้ยินแบบนี้ผมก็สะบัดไอ้สองตัวนี่ออกสิครับ “ไอ้เฮีย มีจริงว่ะ เนี่ย ๆ เฮียมึงเครียดริ้วรอยเลยขึ้น” “ถอยครับคุณนาฟคุณเรซ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พูดอย่างใจเย็น ผลักสองคนนี้ออก แล้วเดินไปที่มุมกระจกที่เดิม มุมด้านซ้ายของบ้านคือกระจกบานใหญ่ที่ผมสั่งคนมาติดไว้ ผมแค่ชอบกระจก ไม่เห็นผิดตรงไหน ไม่ประหลาดหรอกครับ การมองตัวเองในกระจกมันช่วยย้ำเราได้หลายอย่างนะครับ อย่าโง่บ่อย นี่คือข้อแรก อย่าใจอ่อน นี่อีกข้อ อย่าเครียด เดี๋ยวไม่หล่อ ข้อนี้สำคัญที่สุด และยังมีอีกหลายข้อที่ผมยังคิดไม่ออก ผมเกลียดที่สุดคือพวกที่พูดแล้วทำไม่ได้ พวกปากพล่อยไม่รักษาสัญญา เกลียดพวกทรยศหักหลังทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมยังมีอีกหลายอย่างที่เกลียด ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ชอบ และยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ แต่ไม่ได้ทำ มีหลายอย่างที่กำลังทำ และบางอย่างมันสำเร็จ บางอย่างยังไม่สำเร็จ เพราะต้องใช้เวลา แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดมากเช่นกันคือ ‘อดีต’ ที่คอยตามหลอกหลอนผม อดีตที่เหมือนจะดี แต่สุดท้ายมันกลับเป็นอดีตที่จัญไรที่สุด! [END TIW]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD