[TIW TALK]
“วันนี้ดูอารมณ์ดีนะครับนายน้อย” อืม… นี่เสียงของรุ่นน้องผมครับ ห่างกับผมก็… หลายปีอยู่นะ
“เป็นคนของป๊าเหรอ ถึงเรียกแบบนี้” ผมบิดยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้จริงจังกับคำที่ถามไป
ก็แค่วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“อย่าพูดเหมือนน้อยใจสิครับเฮีย เรซก็แค่ลองเรียกดูเองนะครับ เห็นคนอื่นเรียกแล้วเท่ดี”
“ไม่ได้น้อยใจ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
‘เรซ’ คนนี้จะถูกจัดอยู่ในระดับคนพิเศษ เพราะเป็นลูกชายของอาเนมคนสนิทของป๊าเสือ ป๊าเสือเป็นพ่อของผม เรซเป็นลูกของอาเนมกับน้าโรส น้าโรสเป็นเพื่อนของมี้อ้าย
อายุจึงห่างจากผมมากเลยล่ะ อ้อ! เท่านาฟน้องชายของผม
“วันนี้แอบได้ยินพ่อคุยกับนายใหญ่เรื่องเฮียด้วยครับ” ชอบแอบฟังอาเนมแล้วมาเล่าความเคลื่อนไหวของป๊าเสือให้ผมฟังครับ
“ก็เรื่องปกติ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“รอบนี้ไม่ปกติครับเฮีย นายใหญ่จะให้เฮียแต่งงาน”
“หืม?” น่าตกใจอยู่นะครับเรื่องนี้ เพราะผมเพิ่งเคยได้ยิน
“น่ะ เห็นมั้ยครับ เรซบอกแล้วว่าไม่ธรรมดา เรื่องนี้เฮียต้องอึ้ง” เห็นท่าทางที่เหมือนว่าผมสนใจก็ได้ทีเอาใหญ่เลยครับ
“ได้ข้อสรุปยัง?” ผมไม่ค่อยชอบอะไรที่มันต้องอธิบายยาว ๆ เอาแบบรวบรัดเลยจะดีกว่า เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมามันก็เหมือนกัน
“นายใหญ่จะเรียกเฮียไปคุยพรุ่งนี้ครับ เริ่มจากถามความสมัครใจ และบังคับในที่สุด พ่อเห็นแย้งนะครับ แต่นายใหญ่บอกว่าเฮียแก่แล้ว ควรมีลูกได้แล้ว เป็นหลานคนโตของตระกูลแต่ยังไม่มีลูก…”
“สต๊อป” ผมเบรกคำพูดของเรซ แล้วหยิบกระจกที่พกติดตัวตลอดขึ้นมาส่อง “แก่ตรงไหนครับ ยังเด็กหนุ่มอยู่เลย อายุก็แค่ตัวเลข ว่ามั้ยเรซ”
เรื่องอื่นว่าผมได้ ผมไม่ใส่ใจหรอก แต่มาหาว่าผมแก่นี่ผมเคืองนะครับ
“ครับ เฮียทิวยังเด็กกว่าเรซเยอะเลย”
“ป๊าเสือคงแก่จนตาฟ่าฟางถึงได้หาว่าเฮียแก่” ผมวางกระจกแล้วยิ้มอย่างสุขใจ วันนี้มีเรื่องให้ดีใจมากกว่าเรื่องเครียดครับ
แต่รู้สึกว่าเรื่องเครียดจะมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่แหละ
“เรซไม่ออกความเห็นครับ” เด็กน้อยคนนี้กลัวป๊าเสือของผมครับ
ผมก็กลัวนะ แบบแกล้งกลัวอะไรประมาณนั้น คนจะได้รู้ว่าผมกลัวป๊าอยู่
ครืด ครืด…
“นั่นไง นายใหญ่โทรมาแล้ว เตรียมตัวเลยครับเฮีย” หึ สงสัยป๊าเสือจะกลัวน้อยหน้าคนอื่นจริง ๆ ถึงได้รีบร้อนแบบนี้
“ชู่ว์ เดี๋ยวป๊ารู้ ไก่จะตื่น” ผมบอกเรซแล้วกดรับสายของป๊าเสือ “ฮะป๊า” มันคงเป็นคำพูดติดปากมาตั้งแต่เด็กมั้งครับ
(พรุ่งนี้เข้ามาหาป๊าที่บ้านหน่อยนะทิว)
“ใครเป็นอะไรฮะ”
(แล้วมันต้องมีใครเป็นอะไรหรือไงทิวถึงจะเข้าบ้านได้)
“ทิวไม่ไปฮะ”
(ทิว)
“ป๊าอารมณ์ไม่ดี ไม่ไปดีกว่าฮะ ทิวไม่อยากเครียด เดี๋ยวรอยตีนกาขึ้น”
(ธีรวัฒน์)
“พรุ่งนี้มีคลองถมใหญ่ ต้องไปตั้งแต่บ่ายฮะ เสียดายที่ทิวไม่ว่างนะฮะป๊า เอาไว้โอกาสหน้านะฮะ”
(พรุ่งนี้เข้าบ้าน ไม่งั้นกางเกงยีนส์ไร้สาระของคุณธีรวัฒน์มอดไหม้ครับ แค่นี้นะครับลูกชาย)
“คุณเรซว่าคุณธนวัฒน์เหมือนใครครับ” ป๊าเสือวางสายไปอย่างดื้อ ๆ ผมจึงหันมาถามเรซ
“เฮียไม่น่าถามคำถามนี้นะครับ” ตอบพร้อมสายตาที่อ่านโคตรง่ายว่าผมน่ะได้พ่อ พ่อน่ะเหมือนผม
“วันนี้ให้อภัย อารมณ์ดี” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “นาฟไปไหนช่วงนี้” น้องชายของผมหายหน้าไปครับ ไม่รู้ไปโผล่ที่ไหน ปกติจะมาโผล่ที่ผม
“มันกำลังหลอกเด็กอยู่เฮีย เฮียเตรียมตัวไปประกันตัวมันเถอะ” เรซกับนาฟเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทกันมากด้วยนั่นแหละครับ
“สรรหาปัญหา” ผมโคลงหัวเบา ๆ
“แล้วพรุ่งนี้เฮียเข้าบ้านชะ” เรซชอบพูดภาษาวัยรุ่นครับ และผมเข้าใจนะครับ เพราะผมยังไม่แก่
“ไม่ครับ พรุ่งนี้ขายของ” ใครจะไป ผมไม่ไปหรอก แล้วป๊าเสือก็ไม่กล้าเผากางเกงยีนส์ของผมหรอกครับ
“หนีมากสุดได้แค่ 3 ครั้งนะเฮีย หลังจากนั้นต้องยอม” อ้า ใช่ ๆ อันนี้เรื่องจริง ผมหนีการเจอป๊าเสือได้แค่ 3 ครั้ง ต่อหนึ่งเรื่อง แล้วหลังจากนั้นป๊าเสือเอาจริง
“ต้องโทษพี่น้องที่พากันมีลูกกันหมดครับ” ไวไฟกันเหลือเกิน ไม่รู้จะรีบมีกันไปทำไม คราวนี้ผมไม่มี ผมก็แย่สิครับ
“ก็เฮียหวงตัว”
“ไม่มีใครเพอร์เฟกต์พอจะมายืนเคียงข้างต่างหาก” ว่าแล้วก็ควรส่องกระจกสักหน่อยจะดีกว่า
เนี่ย ดูดีขนาดนี้ จะเอาผู้หญิงแบบไหนมายืนเคียงข้างได้ ถ้าเอาก็ขอแบบไม่ทรยศ เป็นข้อแรกเลยแล้วกัน ผมว่าแค่ข้อนี้ก็ไม่มีใครผ่านแล้วครับ
“บางทีคุยกับเฮีย เรซก็เครียดนะ กลับมานั่งคิดดูแล้วแบบ เฮ้ย! คุยกันได้ไงวะ”
“แล้วสรุปคุยรู้เรื่องมั้ยครับ” ผมวางกระจกลง
“ก็ต้องรู้แหละครับ งั้นจะตอบโต้กันได้เหรอ เฮียทิวหล่อเพอร์เฟกต์แบบนี้ใคร ๆ ก็อยากคุยด้วย โดยเฉพาะสาว ๆ” เดินมานั่งข้างกายผม มาแนวนี้มีเรื่องจะขอแน่ ๆ
“อย่าอ้อมค้อม” ผมพูดอย่างรู้ทัน
“นัดสาวไว้ตอน 5 ทุ่ม ยืมรถกับขอตังค์หน่อยครับ เรซโดนพ่อยึดหมดเลย บอกว่าใช้เงินเกินตัว” อาเนมก็เลี้ยงผมมา ก็เหมือนพ่ออีกคนของผมนั่นแหละครับ เรซก็เลยเหมือนน้องชายของผม
เจ้าชู้ที่หนึ่งเลยล่ะรายนี้
“กุญแจรถอยู่ที่เดิม เลือกเอาจะเอาคันไหน ตังค์จะเอาเท่าไหร่” ผมหยิบกระเป๋าเงินเตรียมควักจ่าย
“แปดพัน ไม่ ๆ ของเรซแปดพันของไอ้นาฟห้าพัน ไอ้นาฟฝากขอ” ผมวางข้อศอกค้ำที่ต้นขาเอามือจับที่ข้างขมับแล้วหันหน้ามองน้องชาย
“โถ่เฮียทิวครับ อย่ามองเรซซี่แบบนั้นสิครับ นาฟฟี่ฝากขอมาด้วยไงครับ ไม่งั้นก็ไม่เยอะหรอกครับ” นี่แค่มองยังเข้าใจ แถมยังเรียกตัวเองแบบหน่อมแน้มอีก เป็นแบบนี้ประจำ
“พรุ่งนี้ไม่ให้นะ หัดประหยัดหน่อย อย่าโง่ให้ผู้หญิงหลอก” ผมวางเงินลงที่โต๊ะสองหมื่นบาท “เสร็จแล้วเอารถไปล้างด้วย”
“เนี่ย ๆ เพอร์เฟกต์ใจดีแบบนี้ไงเรซซี่ถึงรัก เฮียทิวอย่าให้พ่อรู้นะครับ เดี๋ยวพ่อโวยวาย”
“อืม”
“อ้อ เรซจะล้างให้สะอาดเลยครับ เรซรู้ว่าเฮียทิวไม่ชอบให้ผู้หญิงขึ้นรถ”
“อืม”
“แล้วเรซก็จะรีบลากหัวไอ้นาฟมาหาเฮียเลยครับ”
“อืม”
“งั้นไปนะครับเฮีย เดี๋ยวจะเที่ยวเผื่อ”
“อืม” เดินผิวปากไปเลือกกุญแจรถ แล้วออกจากบ้านไปแล้วครับ ก่อนจะพ้นประตูบ้านก็หันมาโบกมือให้ผม
ผมให้สองหมื่น ให้แบ่งคนละหมื่น ถ้าจะให้ต้องให้เท่ากัน จะได้ไม่เกิดการครหา
แต่ไม่พ้นพรุ่งนี้มานั่งหน้าเศร้าเอ่ยขอใหม่ เป็นแบบนี้ประจำ
“แต่งงานเหรอ?” ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมสักครั้งตั้งแต่ที่หญิงชั่วนั่นทิ้งผมไป
แต่ตอนนี้ต้องมีในความคิดแล้วล่ะ เพราะผมหนีเรื่องนี้ได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น
“ใครหนอจะเป็นเจ้าสาวของผู้ชายเพอร์เฟกต์แบบธีรวัฒน์คนนี้” ผมพึมพำคนเดียวพร้อมยกกระจกขึ้นมาส่องตามใบหน้า หล่อกว่าผมคงหาได้ แต่หล่อแบบผมน่ะหายาก
“เวรละ!” ผมสบถและรีบลุกขึ้นยืน นี่ 3 ทุ่ม 45 นาที ผมต้องรีบนอนช่วง 4 ทุ่ม โกรทฮอร์โมนจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ หน้าของผมจะได้เต่งตึง ดูเด็กกว่าวัย
นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ คนหล่อ ๆ ดี ๆ แบบผมต้องรักษาร่างกาย
ว่าแล้วผมควรไปนอนครับ