5

1192 Words
5 น้ำเสียงของเขาทำให้นางสะดุ้งและเผลอหยิบถ้วยกระเบื้องที่แตกและถูกมันบาดนิ้วเข้าให้ หย่งคังชะงักรีบปล่อยม่านชิงออก และจับปลายนิ้วของนางขึ้นมาอย่างหลงลืมตน เมื่อสบตาเข้ากับฟางหรงเห็นนางระบายยิ้มอ่อน ก็คิดไม่ดีใส่นางอีก ฟางหรงเมื่อครู่ดีใจนักหนา จนทำให้หัวใจอันเจ็บปวดได้รับการเยียวยา นางจึงได้ยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าเขาก็ยังรักนางอยู่ ไม่ถึงอึดใจเดียว จ้าวหย่งคังกล่าวขึ้นมาด้วยถ้อยคำสะเทือนใจอีกครั้ง “นี่ก็เป็นแผนลวงข้าอีกสินะ” ความรักของนางที่มีต่อเขามันช่างดูไร้ค่าเสียจริง นางยิ้มเยาะให้กับความโง่งมและดื้อดึงของตนเอง ฟางหรงช้อนสายตามองคนทั้งคู่ที่ตระกองกอดกันอย่างอบอุ่น แต่นางกลับกอดความอ้างว้างเหน็บหนาวเอาไว้ตลอดระยะเวลาเกือบหกปี ฟางหรงยืนตัวตรง วางท่าทีเย็นชาทันใด แม้จะเจ็บปวดแทบกระอักเลือดออกมาก็ตามที และน้ำเสียงที่นางใช้กับเขาก็ดูห่างเหินนัก นางระบายยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวขึ้นมาด้วยหัวใจแหลกสลายไปแล้ว ดวงตาคู่สวยของนางกำลังสั่นระริกวูบไหวอัดแน่นไปด้วยความทรมานอย่างลึกซึ้ง นางกลืนก้อนความเจ็บปวดเอาไว้ แต่ทว่ามันจุกอยู่ลำคอของนาง กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ก็ทรมานนัก “หลังจากเดือนเอ้อร์เยว่ไปแล้ว ท่านแม่ทัพยืนกรานจะแต่งแม่นางถังเข้ามาเป็นภรรยา ข้าล้วนไม่ขัดข้อง ข้าไม่ควรขัดขวางความรักของพวกท่านทั้งสอง อย่างไรข้าก็ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะ หลังจากนี้ไปแล้วก็คงจะมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้า” ‘และยกเว้นเพียงแค่ข้าคนเดียวที่เจ็บช้ำพอแล้ว ข้าเจ็บพอแล้ว ข้าจะไม่ฝืนแล้ว ต่อไปนี้ข้าควรจะหยุดเอาไว้ หยุดหัวใจเอาไว้เพียงเท่านี้’ จ้าวหย่งเล่อขมวดคิ้วนัก นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เหตุใดน้องสาวจึงไม่กลับจากจวนของท่านยายอีก น้องสาวฝาแฝดของเขาเป็นเด็กผู้หญิง น่ารักพริ้มเพรานัก มักจะไปอยู่ที่จวนท่านยายเสมอ ดูเหมือนว่ามีใครบางคนยังไม่รู้ ว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกเขาเป็นแฝดที่เกิดมาเวลาไล่เลี่ยกัน จวนของท่านยายอยู่อีกเมืองหนึ่ง คิดว่าหิมะก็คงจะตกหนักไม่แพ้กัน ไม่รู้ว่าเดินทางมาจะหนาวหรือไม่ จะมีใครดูแลใส่ใจนางเท่าพี่ชายคนนี้หรือเปล่า หรือว่าตอนนี้กำลังเดินทางมา ยิ่งค่ำมืดเช่นนี้ก็เป็นห่วงนัก สีหน้าของเขากำลังครุ่นคิด ไป๋ฟางหรงเห็นว่าลูกชายยังไม่นอน นางจึงได้เข้ามาในห้องนอนของเขาอีกครั้ง หย่งเล่อรับรู้การมาของมารดา ด้วยเพราะเขาเองก็ฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่อายุเพียงแค่สามหนาว ผ่านมาสองปีก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ค่อนข้างจะรุดหน้าไปเร็วเสียด้วยซ้ำไป จ้าวฟางหลินน้องสาวฝาแฝดนางก็ฝึกวรยุทธ์เช่นเดียวกันกับเขา และนางก็รุดหน้าเร็วด้วยเช่นกัน ที่ไปยังจวนของท่านยายบ่อย ๆ ก็เพราะว่าท่านยายคิดถึงหลานสาว อายุของท่านยายก็มาก ดังนั้นจึงได้ขออนุญาตก่อนไปเสมอ และเป็นข้อตกลงระหว่างตระกูลไป๋และตระกูลจ้าว ในหนึ่งเดือนคุณหนูน้อยจะต้องไปพักยังจวนของท่านยายแซ่ไป๋เป็นเวลาสิบวัน “ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก” ฟางหรงเดินเข้ามาพร้อมกับนมอุ่น ๆ มอบให้ลูกชายก่อนนอน เมื่อช่วงหัวค่ำเขารับอาหารเพียงแค่ไม่กี่คำก็อิ่มแล้ว เห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ก็ปวดใจนัก “ท่านแม่ล่ะ ดึกป่านนี้แล้ว มัวทำอะไรอยู่ เหตุใดจึงไม่พักผ่อน ปล่อยให้ลูกกังวลใจเรื่องของท่านอยู่ได้” คำพูดของเขายังกับชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาแล้วเสียอีก ฟางหรงระบายยิ้มอ่อนหวานให้ลูกชาย “แม่ยังต้องดูบัญชีอีก และยังต้องจัดเตรียมอาหารให้ท่านปู่ท่านย่าในตอนเช้า อีกเดี๋ยวแม่ก็เข้านอนแล้ว อ้อ ยังมีห้องของหลินเอ๋อร์ แม่เอาเตาเข้าไปไว้ในห้องของน้องแล้ว หากหลินเอ๋อร์กลับมาอย่าลืมให้ใส่เสื้อคลุมขนจิ้งจอกแดงเล่า ตัวนั้นสวยนัก” “ท่านแม่อย่าห่วงท่านปู่ท่านย่านักเลย บ่าวไพร่ในเรือนก็ตั้งมาก เหตุใดจะต้องเป็นท่านที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด ยามเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะเช่นนี้ ใครจะเฝ้าไข้ท่าน ก็มีเพียงแค่ข้ากับหลินเอ๋อร์เท่านั้น” จ้าวหย่งเล่อไม่เข้าใจนัก “บางเรื่องก็มีเรื่องที่พูดยาก เอาไว้ให้เจ้าโตก่อนแล้วจะรู้ว่าเราควรต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่” ฟางหรงยื่นนมอุ่น ๆ ให้ลูกชาย เขารับมาแล้วดื่มลงคอไปอย่างไม่อิดออดสักนิด ดวงตาของเขาจดจ้องมองท่านแม่และกล่าวขึ้นมา “ท่านแม่ พวกเราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ อย่างไรแล้วท่านพ่อก็ไม่เห็นข้าและน้องรองเป็นลูก อยู่ที่อื่นสบายใจกว่า ดีกว่าอยู่ที่นี่แล้วไม่มีใครเห็นค่า” “เจ้าก็คิดเช่นนี้รึ” ที่นางยังไม่อยากจากไป ก็คงจะมีเรื่องของลูก ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากลูกชายยืนกรานจะอยู่กับนาง มีหรือนางจะไม่ดีใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ก่อนที่นางจะจากไปก็ขอให้จัดเตรียมของเขาไว้ให้ดีเสียก่อน “ลูกแม่เจ้าโตขึ้นแล้วจริง ๆ” ถ้อยคำของลูกชายทำให้นางอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน จ้าวหย่งเล่อเหลือบเห็นว่านิ้วมือของมารดาถูกพันด้วยผ้า “ท่านแม่เป็นอะไร เหตุใดจึงได้บาดเจ็บเล่า” ด้วยเพราะเขามักเป็นห่วงมารดาเสมอ เกรงว่าจะเจ็บป่วยล้มไข้เอาได้ทุกเมื่อ ร่างกายอ่อนแอและบอบบางเช่นนี้ ไม่รู้ว่าบิดาจะรู้หรือไม่ ท่านแม่ป่วยใจมาหลายปี นับตั้งแต่ที่คลอดลูกชายและลูกสาวออกมา ก็ไร้ซึ่งเงาของบิดา และไร้ซึ่งจดหมายตอบกลับมา หลังจากนั้น มารดาก็ไม่คิดจะส่งจดหมายแจ้งข่าวอันใดอีก และทุก ๆ คนในจวนก็ไม่เคยคิดจะส่งจดหมายหาเขาอีกเลย “แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าอย่าห่วงเลยนะ” ฝ่ามือหยาบของมารดาลูบไล้เส้นผมสีน้ำหมึกของลูกชาย ก่อนที่นางจะเดินออกจากห้องนอน ไปยังเรือนของนางที่ไม่ห่างไกลสักเท่าไหร่ ท่านแม่ทัพเดินออกมาจากห้องของตนเอง เพราะอยากพูดคุยกับลูกชาย ใบหน้าของเขาคล้ายกับตนนัก ยังไม่ทันได้พูดจากันก็มีเรื่องที่ทำให้เขาลงมือเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขามีลูกแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดีนัก แต่ทว่าคำพูดจากของเขาทำให้ตนเองนึกโมโห จึงได้พลาดพลั้งตีเข้าให้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD