ตอนที่ 13
ยังเร็วเกินไป
อินจูหลีกลับจวนสกุลอินด้วยความโมโห ครั้นเข้ามาถึงในห้อง นางก็หยิบกล่องใส่ชาดสีชมพูอันนั้นโยนลงพื้นเท่านั้นยังไม่พอ นางยังยกเท้าถีบเตะกระเด็นออกไป
“คุณหนูระงับโทสะด้วยเจ้าคะ” อาชิงรีบโบกมือไล่สาวใช้อีกสองคนให้ออกไปจากห้อง นางมองซ้ายมองขวาก่อนจะปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนา
“คุณหนูเจ้าคะ ดื่มชาก่อนดีหรือไม่ จะได้ใจเย็นลง” อินจูหลีคว้าจอกชาที่อาชิงนำมาให้ นางรับมาได้ก็สาดไปที่ใบหน้าของสาวใช้ ชาร้อนๆ ลวกไปที่ผิวหน้า อาชิงร้องออกมาทันที
“ว๊าย!!..คุณหนู”อาชิงยกมือปิดใบหน้าตนเอง ความปวดแสบปวดร้อนลามไปทั้งหน้า สาวใช้ช้อนสายตาขึ้นมองด้วยความน้อยใจ
“ข้าอยากดื่มชาหรือ นังบ่าวชั่วข้ายังมีกะจิตกะใจจะดื่มชาได้อีกหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ นังป่าเถื่อนนั่น มันพูดเช่นไรกับข้า มันถือดีอย่างไรถึงได้กล้าเอ่ยชื่อองค์ชายสี่ขึ้นมาอย่างนั้น มันกล้าดีอย่างไร มันคิดหรือว่าเพราะพี่ใหญ่มันได้รับคำชมที่หน้าท้องพระโรง จึงกล้าอวดดีใส่ข้าหึ!!..ข้าอินจูหลี เป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้าย มีหรือจะด้อยกว่าน้องสาวแม่ทัพเช่นมัน!!..คิดจะมาเทียบกับข้าอีกสิบปีก็ยังเร็วไป”
“จริงเจ้าค่ะ คุณหนูหลิวนะหรือจะมาเทียบคุณหนูของบ่าวได้ไม่มีทางเสียหรอก เช่นนั้นคุนหนูก็อย่าได้มีโทสะไปเลยนะเจ้าคะ ส่วนชาดอันนี้ เราเก็บเอาไว้ก่อนดีหรือไม่ หากวันไหนคุณหนูบังเอิญเจอองค์ชายสี่ จะได้เผลอหยิบขึ้นมาให้องค์ชายสี่เห็นดีหรือไม่เจ้าคะ” อินจูหลีเบิกตาขึ้น นางคิดตามคำพูดของอาชิง ก่อนจะยิ้มออกมา
“อาชิงเจ้าฉลาดยิ่งนัก ความคิดนี้ไม่เลว เช่นนั้นเจ้าก็เก็บขึ้นมา วันหน้าข้าจะต้องเผลอหยิบมันออกมาต่อหน้าพระพักตร์อย่างแน่นอน”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบเก็บเดี๋ยวนี้” อาชิงเห็นคุณหนูคลายโทสะลงก็ดีใจเป็นอย่างมาก นางรีบเดินไปหยิบเอากล่องนั่นขึ้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าอินจูหลีจะไม่มีทางใช้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเอาไว้ใช้เล่นงานหลิวอวี่หนิงไม่ได้
“อาชิงเจ้าเจ็บหรือไม่ เป็นข้าที่ผิดเอง ไม่ควรระบายโทสะที่เจ้า”
อาชิงรีบเดินมาคุกเข่าตรงเท้าของอินจูหลี นางเงยขึ้นใบหน้าที่บวมแดงปรากฏออกมา หากจะบอกว่าไม่เจ็บจะเป็นไปได้อย่างไร ผิวหนังของมนุษย์ส่วนที่บอบบางที่สุด มิใช่ใบหน้าหรอกหรือ ทว่าต่อให้เจ็บปวดสักเพียงใด อาชิงสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็อดทนได้เสมอ
“บ่าวไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ขอเพียงคุณหนูคลายโทสะ ต่อให้จะต้องเจ็บกว่านี้ บ่าวก็ยินดีเจ้าค่ะ” อินจูหลีอาจจะไม่ได้ซาบซึ้งใจกับสาวใช้คนอื่น ๆ แต่ไม่ใช่กับอาชิงผู้นี้ เพราะสาวใช้ผู้นี้อยู่กับนางมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นมือเป็นเท้าให้นางเสมอ จะหาบ่าวรู้ใจนับว่ายากยิ่งนัก
“เอาเถอะ เจ้าไปเอายาที่ห้องยา แล้วไปพักเถอะ วันนี้ไม่ต้องมาคอยรับใช้ข้าแล้ว เอานี่ไปด้วย ข้าให้” ถุงเงินใบใหญ่ถูกวางลงบนมือ อาชิงรีบก้มศีรษะกล่าวขอบคุณและถอยออกไปจากห้อง ทว่าก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้อาซานและอาหุยดูแลรับใช้คุณหนูให้ดี
หลังจากที่แสดงท่าทีออกมาวันนั้น อินจูหลีก็เคยคิดจะกลับมาเยี่ยมนางอีก แต่แล้วอย่างไรเล่า หากนางอยากคบหากับอีกฝ่ายอีก นางจะเปิดเผยตัวตนออกมาเช่นนี้หรือ สตรีร้ายกาจเช่นนั้น อย่าได้เปิดโอกาสให้ได้เข้ามาใกล้นาง อย่าให้อีกฝ่ายหาช่องทางเล่นงานนางได้อีก
“อาฉินปีนี้ปีอะไรนะ” อาลี่และอาฉินหันมาสบตากัน ก่อนจะเป็นอาลี่ที่พยักหน้าเบา ๆ ขึ้นมา
“คุณหนูลืมหรือเจ้าคะ” หลิวอวี่หนิงตากระตุกขึ้น ก่อนจะไอแห้ง ๆ ออกมา พลางเสตามองไปทางอื่น
“ดื่มชาก่อนเจ้าค่ะ จะได้ชุ่มคอ” หลิวอวี่หนิงรับจอกชาจากมืออาลี่ขึ้นมาดื่ม
“โถ่..ก็ข้านอนหลับไปเสียหลายวัน จะแปลกอะไรหากข้าจะมึนงงไปบ้าง ตกลงปีนี้อะไรกันแน่ รัชศกไท่กู่ปีที่เท่าไร”
“เป็นรัชศกไท่กู่ปีที่สามสิบสามเจ้าค่ะ แต่แปลกเหลือเกินปีนี้ ฝ่าบาทครองราชย์มานานถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังไม่ตั้งองค์รัชทายาทเสียที แม้แต่บรรดาองค์ชายก็ยังไม่มีผู้ใดได้อวยยศเป็นอ๋องสักคน เพราะเหตุใดกันเจ้าคะ”
เพราะเหตุใดนะหรือ หึ!!..ฮ่องเต้กู่เหว่ยซูทรงโปรดปรานรักใคร่องค์ชายสี่มากที่สุด แต่เพราะตามความเหมาะสมแล้ว องค์ชายใหญ่กู่เหว่ยเหยาต่างหากเล่าที่จะต้องได้เป็นองค์รัชทายาท เสียดายเหลือเกินที่ชาติที่แล้วองค์ชายใหญ่ถูกลอบปลงพระชนม์ ทำให้กู่เหว่ยหยวนจึงขึ้นเป็นรัชทายาทเองแทนที่ และที่น่ารังเกียจยิ่งไปกว่านั้น กู่เหว่ยหยวนถึงกับกล้าใส่ร้ายพี่ใหญ่นาง ข้อหากบฏ ลอบปลงพระชนองค์รัชทายาท!!..ดวงตาเรียวพลันแข็งกร้าวขึ้น ความเจ็บแค้นปรากฏอยู่ในดวงตา อาฉินผงะถอยหลังออกไปอย่างตกใจ
“คุณหนู...” หลิวอวี่หนิงพลันได้สติขึ้นมา นางรีบหันมายิ้มปลอบประโลมสาวใช้ขวัญอ่อนผู้นี้ นางเผลอแสดงถึงความเคียดแค้นออกมา หากมาเป็นนางจะไม่แค้นได้หรือ
“อ่า..อาฉินของข้าขวัญอ่อนเสียจริง ข้าทำให้เจ้าตกใจหรือ เป็นข้าที่ผิดไปแล้ว”
“คุณหนูแกล้งบ่าวอีกแล้วนะเจ้าคะ คอยดูเถอะหากบ่าวตกใจจนตาย ใครจะคอยนวดขาให้คุณหนูกัน”
“ก็ยังมีอาลี่อีกคนไม่ใช่หรือ”
“คุณหนู!!..อึกอึก..บ่าวไม่คุยกับคุณหนูแล้ว” อาฉินยกมือขึ้นปาดน้ำตาตนเอง นางลุกขึ้นหนีออกไปนอกห้อง หลิวอวี่หนิงกลั้นขำพลางส่ายหน้าออกมา ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง ก็คงจะเป็นสาวใช้ผู้นี้กระมัง
“คุณหนูก็รู้ว่าอาฉินขี้ขลาดตาขาว ยังจะไปแกล้งนางอีก คุณหนูเจ้าคะ เพราะเหตุใดตอนที่อาฉินพูดถึงเรื่ององค์รัชทายาท คุณหนูจึงได้มีสีหน้าเช่นนั้น”อาลี่เองก็ตกใจเช่นกัน ทว่านางเก็บความรู้สึกได้เก่งกว่านี้อาจเพราะเช่นนี้ชาติที่แล้วอาฉินจึงได้ถูกโบยจนตาย เพราะความรู้สึกต่าง ๆ ของอาฉินมักจะแสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็สงสัยเช่นเดียวกัน แต่อาจเพราะฝ่าบาททรงยังแข็งแรง พระวรกายมิได้ดูแก่เลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นจะต้องรีบแต่งตั้งรัชทายาทไปทำไม เรื่องนี้คงต้องรอไปก่อน แต่ไม่เกินสองปีนี้กระมัง” ริมฝีปากบางแสยะยิ้มขึ้น อีกสองปีฮ่องเต้กู่เหว่ยซูจะทรงแต่งตั้งรัชทายาท ก่อนหน้านั้นในวังหลวงจะปล่อยข่าวว่าองค์ชายสี่ได้รับการแต่งตั้ง ทว่าเหล่าขุนนางต่างก็ยื่นฎีกาคัดค้าน
หลังจากนั้นกู่เหว่ยหยวนก็แสดงจุดยืน สนับสนุนกู่เหว่ยเหยาผู้เป็นพี่ ฝ่าบาทจึงได้ทรงออกราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท ถึงแม้จะแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว ทว่าเหล่าองค์ชายก็ยังไม่ได้รับการอวยยศเป็นอ๋องอยู่ดี ส่วนจะอวยเป็นอ๋องเมื่อใดนั้น นางก็อยู่ไม่ทันเสียแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องกับนาง สิ่งที่เกี่ยวกับนางคือ อีกหกปีข้างหน้านี่ต่างหาก
“อาลี่เจ้าเอาต่างหูคู่นี้ไปให้อาฉินแทนข้าทีเถอะ ถือเป็นการไถ่โทษจากข้าก็แล้วกัน”