ตอนที่ 5 ของโปรดทั้งนั้น

1582 Words
ตอนที่ 5 ของโปรดทั้งนั้น “คุณหนูหลิวไม่อยู่จวนเจ้าค่ะ”อินจูหลีเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักลาย นางมองอาชิงที่เข้ามารายงานด้วยความสงสัย “ไม่อยู่หรือ”นางเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดขึ้น จะไม่อยู่ได้อย่างไร เมื่อวานก็ไม่อยู่ เมื่อวันก่อนก็ไม่อยู่ หลายวันแล้วที่นางให้อาชิงไปหาหลิวอวี่หนิงที่จวนแต่ก็ไม่เคยพบเลยสักครั้ง ส่งเทียบเชิญไป นางก็ผิดนัดเสียทุกครั้ง และหากเป็นเช่นดังปกติวันนั้นที่นางแอบออกไปพบองค์ชายสี่ที่ชานเมือง ต่อให้แม่ทัพหลิวตามใจน้องสาวอย่างไร อย่างน้อยเรื่องวันนั้นหลิวอวี่หนิงก็จะต้องถูกกักบริเวณอยู่ในจวนไม่ให้ออกมาข้างนอกอย่างแน่นอน หรือว่าจะหนีออกมากัน “ไม่อยู่เจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่าเมื่อเช้าองค์ชายสี่มาหาคุณหนูหลิวตั้งแต่ต้นยามซื่อ” “องค์ชายสี่มาหาตั้งแต่ยามซื่อเลยหรือ” อาชิงเห็นสีหน้าคุณหนูที่ดูงงงวย นางจึงรีบขยับเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น สาวใช้มองซ้ายมองขวาก่อนจะกระซิบบอกเสียงเบา “บ่าวได้ยินเช่นนั้นจึงเรียกสาวใช้จวนสกุลหลิวมาสอบถามเจ้าค่ะ ตอนแรกสาวใช้คนนั้นก็ไม่ยอมบอก แต่บ่าวยัดถุงเงินใส่มือ เพียงแค่นี้นางก็รีบคายออกมาหมดแล้วเจ้าค่ะ” อาชิงเบ้ปากดูถูกบ่าวสกุลหลิว เห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อยก็ขายความลับของเจ้านายหมดแล้ว ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก และที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่าก็คือคุณหนูหลิว เป็นถึงคุณหนูจวนแม่ทัพ แต่กลับออกไปเที่ยวเล่นกับบุรุษ “แล้วนางบอกว่าอย่างไร องค์ชายสี่มาที่จวนแม่ทัพหลิวทำไม แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่อาหนิงไม่อยู่จวนด้วยเล่า” “ทำไมจะไม่เกี่ยวเล่าเจ้าคะ ก็คุณหนูหลิวนัดกับองค์ชายสี่ให้มารับไปซื้อชาดที่ร้านกวนฮวา หึ!!..บ่าวบอกคุณหนูแล้ว ว่าคุณหนูหลิวผู้นี้นิสัยร้ายกาจ ดูเอาเถิดปากบอกว่าคุณหนูเป็นสหายของนาง นัดกันไว้เสียดิบดีว่าจะไปซื้อชาดด้วยกัน ก็ทิ้งกันไปล่าสัตว์กับองค์ชายสี่ แล้ววันนี้ยังหนีคุณหนูไปกับองค์ชายสี่อีกด้วย นางเห็นคุณหนูของบ่าวเป็นอะไรกัน และไม่ใช่เพียงแค่นั้น วันก่อน ๆ องค์ชายสี่ก็มารับนางออกไปข้างนอกทุกวันเลยเจ้าค่ะ” อินจูหลีเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวหรี่ลงลมหายใจสะดุด “โอ๊ย!!..”นางเผลอกำมือตนเองเข็มที่กำลังปักผ้าจึงแทงเข้าที่นิ้ว เลือดสดไหลลงไปบนผ้าสีขาว “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” อาชิงรีบแย่งเอาเข็มและผ้าออกจากมือ อินจูหลีสั่นไปทั้งตัว “ข้าไม่เป็นไรเจ้าไปเอายามาใส่แผลให้ข้าเถอะ” อาชิงรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไป อินจูหลีสูดลมหายใจเข้าเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ดวงตานางวาวโรจน์จ้องมองออกไป หมายจะมองให้เห็นหญิงชั่วผู้นั้น ช่างน่าไม่อายนัก ให้ท่าองค์ชายสี่ทุกครั้งที่เจอ ทั่วทั้งเมืองหลวงหากนางไม่คบหาแล้ว ก็คงไม่มีคุณหนูจวนใดอยากยุ่งด้วยอีก ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย “หลิวอวี่หนิง...นังจิ้งจอกร่านราคะ!! กล้าดีอย่างไร” “หนิงหนิงทำไมถึงได้เหม่อเช่นนั้นเล่า หรือว่าชาดเหล่านี้สีไม่สวยถูกใจเจ้า หากเจ้าไม่ชอบเราก็ไปดูร้านอื่นกันเถอะ หรือหากทั้งเมืองหลวงหาชาดที่ถูกใจเจ้าไม่ได้ ข้าจะทูลขอจากเสด็จแม่มาให้เจ้าดีหรือไม่ ข้าเห็นว่าชาดทาปากของเสด็จแม่สีสวยนักติดทนนานอีกด้วย ขนาดวันก่อนเสด็จแม่เสวยยังไม่หลุดเลย” “อย่าทรงลำบากเลยเพคะ อาหลีบอกหม่อมฉันว่าร้านกวนฮวาขึ้นชื่อเรื่องเหล่านี้ เช่นนั้นเอาอันนี้ก็แล้วกันเพคะ” หลิวอวี่หนิงหยิบชาดสีชมพูอ่อนขึ้นมาหนึ่งอัน หลงจู๊เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปรับของมาจากนางด้วยความดีใจ เมื่อสักครู่เขาอดจะแอบปาดเหงื่อไม่ได้ คำพูดขององค์ชายสี่ช่างกดดันเกินไปแล้ว กู่เหว่ยหยวนเห็นหญิงสาวหยิบชาดไปเพียงชิ้นเดียว เขาก็หันไปหยิบสีอื่น ๆ อีกสองสามสี รวมทั้งผงข้าวและผงคิ้วอีกอย่างละหนึ่งอันอีกด้วย ครั้นเสร็จจากร้านกวนฮวา ชายหนุ่มก็มิได้พานางกลับไปส่งที่จวน เขาพานางมานั่งกินอาหารที่เหลาสุรา หลิวอวี่หนิงขมวดคิ้วมองอาหารแต่ละจานที่อยู่บนโต๊ะ อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นของโปรดนางทั้งสิ้น องค์ชายสี่จงใจหรือว่าบังเอิญกันแน่ “ทำไมเจ้าทำหน้าเช่นนั้นเล่าหรือว่าอาหารเหล่านี้ไม่ถูกใจเจ้า” กู่เหว่ยหยวนยิ้มออกมา มองท่าทางสงสัยของนางอย่างเบิกบานใจ คิ้วเรียวที่ขมวดจนเป็นปม ถึงจะดูยุ่งเหยิงแต่กลับงดงามในสายตาเขา “ล้วนเป็นของโปรดหม่อมฉันทั้งสิ้น องค์ชายก็ชอบอาหารเหล่านี้หรือเพคะ” หากเป็นเพียงสองสามอย่าง นางก็ยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่กลับเป็นของโปรดนางถึงสิบอย่างจะไม่บังเอิญเกินไปหรอกหรือ เมื่อก่อนกูเหว่ยหยวนมิชอบอาหารรสจัดจ้านเช่นนี้ เขาชอบอาหารที่ชาววังปรุงขึ้น เป็นอาหารรสอ่อนเสียส่วนใหญ่ แต่เพราะนางชื่นชอบรสจัดจ้านเขาจึงหันมากินอย่างเดียวกับนาง “ใช่หากมิได้กินพริกกินเกลือ ชีวิตคงจะจืดชืดน่าดู หากต้องกินแต่ของจืด ๆ เช่นนั้นกระเพาะก็คงน่าสงสารยิ่ง”หลิวอวี่หนิงเบิกตาขึ้น นางเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย นับว่านางหลงรักคนไม่ผิดจริง ๆ คำพูดของเขาช่างตรงกับใจนางยิ่งนัก เหมือนกับว่าคำพูดเหล่านั้นกลั่นออกมาจากสมองของนางอย่างไรอย่างนั้น “เชื่อหรือไม่เพคะ หม่อมฉันก็คิดเช่นเดียวกัน เหมือนกับว่าคำพูดของพระองค์ออกมาจากใจของหม่อมฉันเลย” “ฮ่า ๆ ๆ..ดี ๆ ๆ หนิงหนิงเช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้เกรงใจ มากินเยอะ ๆ นอกจากอาหารเหล่านี้แล้ว ข้ายังสั่งให้ทางร้านนำเอาสุราเฝินจิ่ว จากหมู่บ้านซิงฮวาออกมาอีกด้วย” กู่เหว่ยหยวนหัวเราะออกมาเสียงดัง ดูก็รู้ว่าเขาถูกใจคำพูดนางมากเพียงใด เหล่าองครักษ์ต่างก็ก้มหน้าแต่แววตาก็แฝงไปด้วยความดีใจ ตั้งแต่ติดตามรับใช้องค์ชายสี่มา ก็ไม่เคยเห็นว่าองค์ชายจะเบิกบานใจเช่นนี้ นับว่าคุณหนูหลิวมีความดีความชอบยิ่งนัก “เฝินจิ่วหรือเพคะ สุราชั้นดี องค์ชายสี่เพคะวันนี้เป็นวันดีวันใดหรือ” “แน่นอนว่าต้องเป็นวันดี วันที่หนิงหนิงยอมออกมาเที่ยวเล่นกับข้า ล้วนเป็นวันดีที่สุดแล้ว” หลิวอวี่หนิงก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะมองสบสายตาคมที่มองนางอย่างแรงกล้า หากนางไม่เข้าข้างตนเองเกินไปนัก สายตาคู่นั้นเหมือนจะกลืนกินนางไปทั้งตัว ดูอย่างไรก็เหมือนหมาป่าที่จ้องกระต่ายตัวน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้น่ากลัวสักนิด แต่กลับน่าหวั่นไหวเสียมากกว่า กู่เหว่ยหยวนเห็นนางเขินอายก็ไม่ได้เปิดเผยความในใจอีก เขารินสุราลงจอกและยื่นไปให้นาง หลิวอวี่หนิงรับมา “เช่นนั้นหนิงหนิงก็ขอคารวะสุราจอกนี้เป็นการขอบพระทัยองค์ชายเพคะ” หลิวอวี่หนิงสาดสุราลงไปในลำคอจนหมดจอก กู่เหว่ยหยวนเห็นดังนั้นก็ยกขึ้นดื่มจนหมดจอกบ้าง น้ำสุราไหลรินลงมาตามมุมปากบาง องค์ชายสี่เห็นดังนั้นก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่อกเสื้อยื่นไปซับที่มุมปากของนาง ร่างอรชรตัวเกร็งขึ้น ทว่ามิได้ขยับหนี ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายปรารถนา เขาโน้มตัวลงไปที่ตรงหน้านาง ก่อนจะก้มหน้าลงจุมพิตไปบนกลีบปากเรียวของนาง ลิ้นหนาตวัดเลียไปตามกลีบปาก เขาดันซี่ฟันนางขึ้นก่อนสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นเล็ก ๆ ไม่ให้หลบหนี เขาดูดดื่มเอาน้ำหวานในโพรงปากนางเสียจนเหือดแห้ง ครั้นรู้สึกว่าร่างอรชรอ่อนระทวยลง ก็ขยับปากออกมาอย่างไม่ยินยอม ทว่าก็ตวัดเลียไปที่ริมฝีปากนาง ราวกับว่าไม่อยากจะออกห่างจากนางเลยแม้แต่น้อย หลิวอวี่หนิงหันหน้าหนีและก้มหน้าลง ใบหูนางขึ้นสีแดงราวกับโลหิต กู่เหว่ยหยวนดูอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก “กินข้าวเถอะ เจ้าต้องกินให้เยอะเสียหน่อย”เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมา พร้อมกับคีบกับข้าวใส่ไว้ในถ้วยของนางจนเต็มถ้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD