ตอนที่ 6 เกือบถูกม้าชน

1274 Words
ตอนที่ 6 เกือบถูกม้าชน กู่เหว่ยหยวนมองหลิวอวี่หนิงกินอาหารก็ได้แต่ยิ้มออกมา หากนางมองกับข้าวถ้วยไหน เขาก็จะต้องรีบยื่นตะเกียบไปคีบเอามาใส่ในถ้วยนาง นางไม่จำเป็นจะต้องคีบเองเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงนางเหล่มองเท่านั้น ครั้นกินได้สักพักหญิงสาวก็พลันรู้สึกตัว นางเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่มองนางอย่างรักใคร่ ใบหน้าก็แดงขึ้นมา นางกระแอมไอเบาๆก่อนจะยื่นตะเกียบออกไปคีบอาหารแล้วใส่ลงไปในถ้วยข้าวเขาบ้าง ที่ทำไปเพราะต้องกลบเกลื่อนความเขินอายเท่านั้น มิได้ตั้งใจจะเอาใจเขาแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจเป็นอย่างมากแล้ว “เหตุใดองค์ชายจึงเอาแต่มองหม่อมฉันเล่าเพคะ พระองค์ก็เสวยบ้างเถอะ” หลิวอวี่หนิงเงยหน้า จมูกรั้นเชิดขึ้นมา ช่างทำให้คนหลงใหลเกินไปแล้ว กู่เหว่ยหยวนยกถ้วยขึ้นพุ้ยข้าวและกับข้าวที่นางคีบให้เข้าปาก ริมฝีปากชายหนุ่มประดับไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา “อาหารที่หนิงหนิงคีบให้ช่างรสชาติดียิ่ง ข้าชอบมาก” หลิวอวี่หนิงเขินอายเสียจนไม่รู้จะเขินอายไปมากกว่านี้อีกได้หรือไม่ หลายวันมานี้องค์ชายสี่แปลกประหลาดนัก เอาใจใส่นางมากจนเกินไป ครั้งแรกนางก็ดีใจอยู่หรอก แต่นี่องค์ชายสี่พานางออกมาเที่ยวเล่นทุกวัน ไปล่องเรือตกปลาเล่นบ้าง ไปชมละครบ้าง พระองค์ดีเสียจนนางนึกหวาดกลัว กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่น หากความเป็นจริงแล้ว เขายังคงรังเกียจนางเช่นเดิม จะทำเช่นไรดี นางจะทำใจได้อีกหรือ “หืม..ข้าพูดอะไรผิดหรือไม่ เหตุใจเจ้าจึงได้มองข้าเช่นนั้น” ร่างอรชรพลันสะดุ้งได้สติขึ้นมา หันไปมองก็เห็นรอยยิ้มและดวงตาที่รักใคร่ของเขาเช่นทุกครั้ง หญิงสาวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “เปล่าเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกว่าหม่อมฉันฝันไปหรือไม่ เหตุใดองค์ชายถึงได้ดีกับหม่อมฉันถึงเพียงนี้ พระองค์ไม่ได้รังเกียจหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ เมื่อก่อนพระองค์...” กู่เหว่ยหยวนยื่นแขนออกไปรั้งท้ายทอยนางให้แหงนขึ้นและก้มหน้าจุมพิตปิดกั้นคำพูดของนางจนหมดสิ้น เขาลิ้มรสความหวานจากปากนางทว่าในอกกับขมปร่า นางจะไม่สงสัยได้อย่างไรกัน เขาเปลี่ยนไปราวคนละคนเช่นนี้ อย่าว่าแต่เจ้าที่สงสัยเลย ขนาดองครักษ์ข้างกายข้าก็มึนงงกันไปหมดแล้ว “เมื่อก่อนเป็นข้าที่ดวงตามืดบอด มองไม่เห็นความจริงใจของเจ้า แต่วันนี้ข้ารับรู้แล้ว หนิงหนิงต่อจากนี้ไปข้าจะยิ่งดีกับเจ้าให้มากขึ้นไปอีก เจ้ารีบทำตัวให้ชินเสียเข้าใจหรือไม่” “ขะ..เข้าใจเพคะ” หลิวอวี่หนิงตอบรับอย่างเขินอาย นางแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาพูดสิ่งใดออกมาบ้าง ยามนี้หัวใจนางเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกกายอยู่แล้ว “ดีเช่นนั้นก็ดื่มกับเราอีกสักจอกเถอะ” องค์ชายสี่รินสุราส่งให้นางอีกครั้ง ครั้นดื่มจนหมดจอก นางก็ยกแขนเสื้อขึ้นซับไปที่ริมฝีปากตนเอง เขาเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้าพลางหัวเราะร่า นางคงกลัวเขาจะจูบอีกกระมัง “เฝินจิ่วนี่หม่อมฉันเคยดื่มอยู่ครั้งหนึ่ง หม่อมฉันแอบดื่มของพี่ใหญ่ รสชาติดียิ่งนัก ทั้งหอมทั้งหวาน หม่อมฉันดื่มไม่ระวังจึงได้เมาหลับคาไหสุรา พี่ใหญ่โกรธมาก พระองค์รู้หรือไม่พี่ใหญ่ทำเช่นไรเพคะ” “แม่ทัพหลิวคงให้เจ้าคัดหลักสตรีหนึ่งร้อยจบกระมั้ง" หลิวอวี่หนิงเบิกตาขึ้น จ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ร้ายกาจเกินไปแล้ว “ในจวนสกุลหลิวมีสายลับขององค์ชายหรือไม่ เหตุใดจึงรู้กันเล่า” “จะมีได้อย่างไรเล่า ข้าก็เพียงแค่เดา สตรีทำผิดบทลงโทษจะมีกี่อย่างกันเชียว แม่ทัพหลิวคงไม่ใช้กฎทหารกับเจ้ากระมัง” นางพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเขา แน่นอนว่าพี่ใหญ่ย่อมไม่ใช้กฎทหารลงโทษนาง เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่จึงให้นางคัดหลักสตรีหนึ่งร้อยจบ กว่าจะคัดเสร็จแขนนางก็แทบจะยกไม่ขึ้นแล้ว กู่เหว่ยหยวนเห็นนางไม่ได้สงสัยคำพูดเขาก็ถอนหายใจออกมา เขารีบคีบอาหารส่งไปในถ้วยนางอีกครั้ง นางเองก็กินเข้าไปอย่างยินดี องค์ชายสี่มองนางกินก็มีความสุขแล้ว เขาย่อมรู้เรื่องราวของนางเป็นอย่างดี อาหารเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเขาตั้งใจ สุราเฝินจิ่วนี่ก็เช่นกัน เขารู้ว่านางชื่นชอบ ถ้าไม่เช่นนั้นจะกินจนเมามายได้อย่างไรกัน เขาใส่ใจเรื่องของนางยิ่งกว่าเรื่องของตนเองเสียอีก ทั้งสองใช้เวลาในเหลาสุราราวครึ่งชั่วยาม ก็พานางออกมาเดินเล่นที่ตลาด ข้าวของมากมายที่เหล่าแม่ค้านำออกมาขาย เรียกความสนใจของนางเป็นอย่างดี “ตลาดในเมืองหลวงคึกคักยิ่งนัก ที่เหอตงมิได้คึกคักเช่นนี้ ข้าวของก็น้อยกว่านี้อีกเพคะ องค์ชายเคยเสด็จไปที่เหอตงหรือไม่” เขาส่ายหน้าช้า ๆ และหยุดที่ร้านขายอาวุธข้างหน้า “ไม่เคย แต่สักวันข้าจะต้องไปดูบ้าง วันนั้นเจ้าก็พาข้าเดินชมให้ทั่วเหอตงก็แล้วกัน หนิงหนิงเจ้าชอบแส้มิใช่หรือ ลองดูอันนี้สิเหมาะมือดีหรือไม่” นางยื่นมือไปรับแส้ขึ้นมาจับดู ครั้นเห็นว่าถนัดมือ นางก็ถอยหลังออกมาและลองตวัดขึ้นกู่เหว่ยหยวนยืนเอามือไพล่หลังมองนางตวัดแส้ด้วยท่วงท่าที่งดงาม นางออกท่าทางอย่างสง่าผ่าเผย ผู้คนต่างก็หันมาสนใจดูนางอย่างชื่นชมบ้าง กระซิบกระซาบบ้าง หลิวอวี่หนิงเพลิดเพลินกับแส้เส้นนี้เป็นอย่างมาก นางถอยออกมาอยู่ที่กลางถนนอย่างไม่รู้ตัว แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนให้หลบดังขึ้นมา กว่าที่นางจะทันรู้ตัว ม้าตัวใหญ่ก็วิ่งควบมาที่นางเสียแล้ว หลิวหวี่หนิงยกมือขึ้นหลับตาลง กู่เหว่ยหยวนรีบทะยานออกไป เขาดึงนางออกไปให้พ้นจากใต้เท้าของม้า ทว่าร่างอรชรกับหลุดมือจากเขาล้มลงกระแทกพื้นสลบลงไปทันที กู่เหว่ยหยวนตกใจใบหน้าซีดเซียว เขาวิ่งไปอุ้มนางขึ้นมา “ไปตามหมอหลวงโจวด่วน” ร่างหนาออกคำสั่งเสียงสั่น เขาอุ้มนางวิ่งไปที่รถม้า และกลับไปที่จวนสกุลหลิวอย่างเร่งรีบ พ้นจากเหตุการณ์ชุลมุนชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปจนหมด ร่างอรชรของสตรีนางหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมร้านค้า ใบหน้าถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าแพรชั้นดี ทว่าดวงตานางที่ไม่ถูกบดบังฉาย แววความอำมหิตขึ้นมา นางจ้องมองตามแผ่นหลังของคนทั้งคู่ไปด้วยความเกลียดชัง มือเล็กกำเข้าหากันแน่น “รีบ ๆ ตายไปเสีย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD