บทที่ 4 ชีวิตเปลี่ยน

1147 Words
“ป้าแดงต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ รินเองก็จะดูแลตัวเองเหมือนกันค่ะป้าไม่ต้องเป็นห่วง รินฝากคุณพ่อด้วยนะคะป้าแดง ท่านเป็นโรคหัวใจแต่ก็ดื้อไม่ชอบทานยาเท่าไหร่” นางแดงคงทำได้เพียงแค่รับปาก อยากให้นายผู้ชายได้มาเห็นเหลือเกินว่าลูกสาวที่ท่านไม่เคยเหลียวแลทุกลมหายใจเข้าออกมีเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรบิดาอยู่เต็มไปหมดเผื่อว่าท่านจะแบ่งปันความรักมาให้เธอบ้าง            แม้เพียงสักเล็กน้อยของเศษเสี้ยวใจที่ด้านชาก็ยังดี…            “คุณหนูไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าสัญญาว่าจะดูแลคุณท่านให้ดีเองค่ะ คุณหนูเองไปอยู่ที่นู้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ป้าล่ะห่วงจริงๆ” ปภาวรินทร์ยิ้มรับให้กับทางเดินที่เธอได้เลือกแล้วว่าจะขอเป็นคนไปเพื่อทดแทนบุญคุณบิดา ชีวิตของเธอมันผิดพลาดตั้งแต่วันแรกที่เกิดมาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ไม่ว่าดีหรือร้ายก็คงไม่แตกต่างกับที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ นั่นคือความจริงที่แม้อยากจะหนีก็คงทำไม่ได้อยู่ดี            หญิงสาวก็ได้แต่หวังว่าชีวิตเธออาจจะเจอแสงสว่างในสักวัน            สามวันต่อมา            ภาพของว่าที่ลูกสะใภ้คนสวยที่กำลังยืนร่ำลาแม่นมของตัวเองไร้ซึ่งแม่เลี้ยงหรือแม้แต่พี่สาวที่น่าจะออกมาส่งยิ่งสร้างความรู้สึกสงสารขึ้นภายในของคุณมานพเมื่อได้เห็น เขาเองก็หลังจากที่กลับไปก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ด้วยสงสัยถึงท่าทีของเพื่อนรักและภรรยาที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบพอใจตัวของเด็กสาวตรงหน้าเท่าไหร่ จนเมื่อความจริงเปิดเผยถึงได้เข้าใจในหลายๆ เรื่องมากขึ้น            ที่แท้หนูปภาวรินทร์ก็เป็นลูกคนใช้ที่ไอ้ทรงพลเพื่อนเขาเผลอไปหลับนอนด้วยจนแม่ของเธอตั้งท้องเธอขึ้นมา มิน่าเล่าสายตาของเพื่อนเวลาที่มองลูกสาวคนเล็กมันถึงได้มีแต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความรัก ความรักที่เด็กควรได้รับจากพ่อซึ่งเป็นญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่            เด็กสาวต้องอยู่ในบ้านของผู้เป็นพ่อแท้ๆ แต่ทว่าสถานะนั้นกลับเทียบได้แค่คนใช้ที่ต้องทำงานทุกอย่างตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่ได้ต่างอะไรจากคนใช้เลยสักนิด แต่กระนั้นความเป็นมาของเธอมันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกอยากที่จะเปลี่ยนใจรับเธอมาเป็นสะใภ้แม้แต่น้อย            กลับกันเขากลับรู้สึกอยากพาเธอไปจากที่นี่ ไปมีชีวิตใหม่ที่ทุกๆ คนจะให้เกียรติ ให้ความเคารพเธอในฐานะที่เธอสมควรจะได้รับ ว่าที่สะใภ้ที่เขาเลือกแล้วว่าเหมาะสมกับลูกชายเขามากที่สุด!            “ฉันฝากยัยรินด้วยนะไอ้นพ” คุณทรงพลที่ยืนเงียบอยู่นานตัดสินใจเอ่ยขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากลากันจริงๆ เสียที หากจะไม่ลงมาส่งเลยก็เกรงว่าจะถูกเพื่อนรักตำหนิเอาได้ว่าละเลยต่อลูกสาวคนเล็ก แม้ว่าความจริงแล้วที่อุตส่าห์ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อลงมาส่งปภาวรินทร์ด้วยตัวเองมันจะเป็นความต้องการของเขาในฐานะพ่อก็ตามที!            “เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงไปเลยไอ้พล หนูรินเป็นลูกสาวแกตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุดแกไม่ต้องห่วง” นั่นไม่ใช่แค่คำสัญญาเท่านั้น แต่คุณมานพตั้งแต่จริงๆ ว่าต่อจากนี้ไปจะดูแลเด็กสาวคนนี้ให้ดีที่สุด เธอจะได้มีทุกสิ่งที่สะใภ้ของเขาควรจะมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความสุข            “ขอบใจแกมาก ฉันเชื่อว่าแกทำได้ดีกว่าฉัน…” ปภาวรินทร์เดินมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของบิดา เธออยากจะเอ่ยลาท่านแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปมากนัก เพราะก็ไม่รู้ว่าท่านอยากจะฟังมันรึเปล่า            “ไปกันเถอะหนูริน เดี๋ยวจะไม่ทันเครื่องออกกันพอดี” หญิงสาวพยักหน้ารับคุณลุงผู้ใจดีก่อนจะหันไปเอ่ยลาแม่นมเป็นครั้งสุดท้าย เธอปรายตามองบิดาอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้ท่านพร้อมเอ่ย            “รินไปก่อนนะคะคุณ…พ่อ” ไม่มีเสียงใดตอบกลับนอกจากฝ่ามืออันหยาบกร้านที่ค่อยๆ ยกมือลูบหัวบุตรสาวคนเล็กเบาๆ แทนคำพูดทั้งหมดที่อยากจะพูดให้ตายแค่ไหน ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้อยู่ดี แต่เพียงเท่านั้นมันก็ทำให้อีกคนที่โหยหาความรักความอบอุ่นจากบิดามาตั้งแต่แรกน้ำตาไหลพราก เธอรวบรวมความกล้าโผเข้ากอดท่าน ด้วยรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นกอดแรกและกอดสุดท้ายที่ได้สัมผัส            “รินรักคุณพ่อนะคะ รินจะทำตัวดี ไม่ทำให้คุณพ่อต้องผิดหวัง คุณพ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ รินคงไม่ได้อยู่ปรนบัติคุณพ่อแล้ว แต่รินจะหมั่นคิดถึงคุณพ่อบ่อยๆ นะคะ” ปภาวรินทร์เอ่ยลาบิดาทั้งน้ำตา ก่อนจะผละตัวออกเดินตามคุณลุงมานพขึ้นรถในที่สุดเพราะหากขืนเธอยังอยู่ตรงนี้นานกว่านี้อีกหน่อยอาจเปลี่ยนใจเอาได้            ปภาวรินทร์หันกลับไปจ้องมองบิดาและบ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้เป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตาจนทุกสิ่งเบื้องหลังค่อยๆ หายลับสายตาเธอไปในที่สุดหญิงสาวถึงได้หันกลับมาหาว่าที่พ่อสามีในอนาคตอันใกล้ของตัวเองซึ่งท่านก็เอื้อมมือมาบีบมือเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสาร            “ไม่ต้องห่วงนะหนูริน ฉันรับรองได้เลยว่าหนูจะต้องมีความสุข ที่เหมืองเราทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความรัก จะไม่มีใครทำร้ายหนู ฉันให้สัญญา” ปภาวรินทร์ยิ้มรับด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ท่านเมตตาเธอ หญิงสาวไม่อาจรู้ได้เลยว่าความสุขที่ท่านเอ่ยถึงนั้นมันจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร เธอรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอเดินมาไกลมาก  ไกลเกินกว่าที่จะหันหลังเดินกลับไปทางเดิมในชีวิตอีกแล้ว            ในเมื่อไม่รู้ก็ต้องข่มใจเดินหน้าต่อไปเพราะถอยไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งที่รออยู่จะดีหรือร้าย เธอก็ต้องทำใจยอมรับและอยู่กับมันให้จงได้!            ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางนานนับครึ่งวันก่อนที่รถยนตร์คันหรูที่ขับมารอรับที่สนามบินจะขับออกมาไกล ลัดเลาะข้ามป่าเขาลูกแล้วลูกเล่าก่อนที่มันจะเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตของเหมืองพลอยขนาดใหญ่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD