สื่อนำทาง

1565 Words
ณ เมืองตอนใต้ของแผ่นดินใหญ่ ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างคึกคักเมืองหนายโจที่เป็นแหล่งรวมทุกสิ่งก่อนที่จะเข้าเมืองหลวงเมืองหน้าด่านที่ขึ้นชื่อถึงกองทัพอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีศัตรูหน้า ไหนผ่านเข้ามาได้นานนับสิบปีเจ้าเมืองหนายโจมีนามว่าตงโฉเป็นเจ้าเมืองที่ปกครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่เคยคิดโกงกินแผ่นดินสักครั้งทำให้เป็นที่นับถือของชาวบ้านยิ่งนัก เมื่อหลายวันก่อนได้เกิดเหตุการณ์อันแปลกประหลาดหลังจากที่เขาได้เข้าไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลในหุบเขาแสงจันทร์ก็ได้พบกับร่างของหญิงสาวสองนางที่นอนไม่ได้สติอยู่ด้วยความที่ฮูหยินยังไม่มีบุตรพอได้พบกับหญิงสาวกลับชอบใจถึงขนาดขอให้พากลับจวนด้วยทางตงโฉนั้นยังแคลงใจแต่ก็หาขัดใจฮูหยินไม่ คิดว่าดีเสียอีกเก็บไว้ใกล้ตัวดีกว่าปล่อยให้จากไปถ้าหากเป็นศัตรูคิดร้ายเขาคงต้องลงมือจัดการทันทีเมื่อได้ข้อสรุปเขาค่อยเบาใจไปหลายส่วน "ท่านพี่"เสียงฮูหยินดังมาจากหน้าห้องทำงานของเขาคงมารายงานอาการของหญิงสาวทั้งสองคนเป็นแน่ "มีอะไรหรือไม่น้องหญิง" "ข้าได้ไปตรวจสอบอาการของนางทั้งสองอาการดีขึ้นยิ่งนักคงจะฟื้นคืนมาอีกไม่นาน เมื่อถึงตอนนั้นท่านพี่คงได้ถามไถ่ถึงที่มาของทั้งสองคน" "เจ้ากังวลเรื่องอันใดหรือน้องหญิง" สีหน้าของฮูหยินช่างไม่สู้ดีนัก "ข้าไม่แน่ใจแต่ข้าชอบพวกนางมากแม้พบกันเพียงแค่ไม่กี่วันแต่ข้ารู้สึกผูกพันกับทั้งสองมากนัก" ฮูหยินได้ส่งสีหน้าอันเว้าวอนให้สามีไม่รู้มีอะไรมาดลใจนางเพียงแค่เจอครั้งเดียวนางกลับต้องการนางทั้งสองให้มาอยู่ข้างกาย ทั้งที่เมื่อก่อนนางไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง "เจ้าอยากบอกอะไรข้าหรือหาได้เกรงใจกันความรู้สึกของเจ้าสำคัญกับข้ายิ่ง" "ท่านพี่ช่างดีกับข้ายิ่งนักหากพวกนางฟื้นแล้วหลังจากที่ท่านพี่ได้สอบสวนถ้าพวกนางสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ที่ได้ลอบเข้าไปสุสานตระกูลของเราท่านพี่อนุญาตให้ข้ารับทั้งสองเป็นบุตรีได้หรือไม่เจ้าคะ" สิ่งที่ได้ยินไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้เท่าไหร่นักเดิมทีฮูหยินของเขาก็อยากที่จะมีบุตรสักคนแต่จนล่วงเลยเวลานานก็ไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์ทั้งฮูหยินและตนต่างเสียใจมากในเรื่องนี้ เมื่อนั่งคิดอย่างถี่ถ้วนในใจตงโฉก็หาอยากขัดใจไม่ เพียงแต่ยังมีเรื่องที่ไร้ที่มาที่ไปเกินไป "เรื่องนี้ยังมีหลายส่วนที่ยังไม่น่าไว้ใจไว้ให้พวกนางฟื้นก่อนเถิดฮูหยินข้าจะทำการให้แล้วเสร็จและหาคำตอบมาให้อีกที ดีหรือไม่" ถึงจะบอกให้รอแต่ก็ไม่อาจหักหาญน้ำใจของนาง ได้แต่พูดให้นางสบายใจไปก่อน "เจ้าค่ะท่านพี่งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนข้าจะไปเตรียมสำหรับเย็นนี้ให้ท่านพี่นะเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินคำกล่าวของสามีนางก็แย้มยิ้มอันงดงามออกมาน้อยๆก่อนจะจับแขนของสามีอย่างออดอ้อนก่อนจะรีบกลับไปตระเตรียมสำหรับอาหารยามเย็น "ขอบใจเจ้ามากฮูหยินของข้า" ร่างบอบบางสองร่างกำลังกระสับกระส่ายเหงื่อออกท่วมตัวความฝันหรือ เสียงร่ำร้องในหัวตอนนี้คงมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะเป็นไปได้ ที่นี่ที่ไหนกันสวยงามอย่างกะอยู่ในสวรรค์กลิ่นหอมของดอกไม้นี่มันดอกอะไรกันนะเดี๋ยวต้องหาไปปลูกที่บ้านแล้ว ซีคิดอย่างรื่นเริง 'ยัยซี' เสียงเรียกที่มาจากด้านหลังนี่คุ้นจังเลยเหมือนเสียงของยัยเหมยเลยแฮะ แรงกอดจากข้างหลังทำให้ซีถึงกับล้มลงพื้นหญ้าเมื่อตั้งหลักได้ก็รีบมองหาตัวการทันที 'ยัยเหมยแกมาได้ยังไงนี่มันความฝันฉันนะ' โป๊ก!! โอ๊ย!!เจ็บแฮะทำไมฝันมีความรู้สึกล่ะ 'ยัยซีแกลองนึกดูดีๆซิ' ก่อนที่มะเหงกจะลงที่หัวอีกครั้งซีก็ค่อยนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นใช่แล้วเธอถูกรถชนนี่แล้วยัยเหยมก็มาแถมยังเอากำไลที่พวกเธออยากได้เมื่อตอนเด็กมาใส่ให้ขณะที่ลมหายใจของเธอจะหมดก็เกิดแสงสีเหลืองนวลขึ้น 'แสงนั่น!!' 'ใช่และตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันจะว่าฝันก็คงไม่ใช่' สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าเหลือเชื่อเกินไปซีได้แต่มองดูตัวเองที่ไม่มีแม้แต่รอยถลอกทั้งที่ก่อนหน้านี้อาการของเธอสาหัสนักพอมองไปรอบๆเธอก็มองออกว่าไม่ใช่สิ่งที่ปรกติแน่ ๆ โลกที่เธออยู่ไม่มีที่แบบนี้ 'ฉันตายแล้วเหรอแต่แกมาอยู่นี่ได้ยังไงยัยเหมยหรือว่าแกตายตามฉันเอ๊ะ!' 'พอเถอะแกฉันเดินแทบจะอ้อมเนินนี่แล้วแต่สถานการณ์แบบนี้มันเหมือนในหนังสือที่ฉันชอบอ่านมากๆเลยล่ะ' สาวช่างฝันอย่างเหมยทำท่าเคลิ้มในเมื่อสิ่งที่เจอคงเดาได้อย่างเดียวคือพวกเธอได้หลุดเข้ามาในมิติกาลเวลาอย่างแน่นอนหรือถึงไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียงกลับสิ่งที่เธอคิด 'ยัยเหมยแกจะบอกฉันว่านิยายเล่นล่ะสองบาทของแกเป็นจริงหราหะ' น่าตบกะโหลกจริงๆคนยิ่งเครียดอยู่สิ่งที่เหมยพูดถึงจะมีส่วนเป็นไปได้มากแต่เธอก็ไม่อยากยอมรับจริงๆเธอกลัวการสูญเสียแม่ที่เธอรักยังไม่ทันได้เจอหน้ากันก็ต้องมาจากแถมจากครั้งนี้เธอก็ไม่มีโอกาสกลับไปเสียด้วยซิ เสียขลุ่ยหวานเบาปลิวมาตามสายลมนี่ที่ตรงนี้ยังมีคนอีกหรือเธอและเพื่อนของเธอรีบวิ่งอ้อมไปด้านหลังโขดหินที่บังอยู่ 'สะ..สวยจัง'ภาพตรงหน้าของพวกเธอคือสตรีนางหนึ่งที่สวยหยาดฟ้าที่สุดราวกับภาพวาดก็ว่าได้เกิดมาไม่เคยเห็นใครสวยเท่านี้แล้ว สตรีนางนั้นหันมามองพวกเธอก่อนจะยิ้มบางๆอย่างอบอุ่นมาให้ 'ซี เหมย พวกเจ้าเดินเข้ามาหาข้าซิ' แม้แต่เสียที่เปล่งออกมาก็ไพเราะที่สุดทั้งสองสาวค่อยๆก้าวไปข้างหน้าเหมือนโดนมนต์สะกด 'ข้าเสียใจที่ภพนั้นเวลาของเจ้าได้หมดลงแต่เพราะเพื่อนของเจ้าที่ช่วยให้กรงล้อของโชคชะตาโลกนี้หมุนใหม่อีกครั้งเจ้าต้องขอบคุณเพื่อนของเจ้านะ' นางฟ้า(?)แย้มยิ้มที่งดงามออกมาก่อนจะกล่าวราวกับเสียใจอย่างที่สุดและมาบอกให้ดีใจคืออะไร 'ช่วยอธิบายให้พวกเราเข้าใจอีกสักนิดได้หรือไม่'ซีเอ่ยออกมาเสียงสั่นนางยังไม่อาจยอมรับได้ที่เธอต้องมาตายอย่างนี้ทั้งยังไม่ทันได้ทดแทนบุญคุณของมารดาเลยสักครั้ง 'ซีเวลาของเจ้าที่นั่นหมดลงแล้วชะตาของเจ้าได้สิ้นสุดลงเมื่อเจ้ากลับแผ่นดินเกิดของเจ้าแต่สิ่งที่นำพวกเจ้าทั้งสองกลับมาที่นี่นั้นคือกำไลสองวงนี้' สตรีนางนั้นได้ยื่นกำไลทั้งสองวงให้พวกเธอทั้งสองลังเลที่จะรับมันแต่ก็เหมือนมีบางสิ่งดึงดูดใจให้คว้าเอากำไลมา 'เธอ!! เอ่อท่านคือเทพธิดาองค์ใดหรือเจ้าค่ะ' เหมยลองเสี่ยงถามเพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เจอคงมีแต่เทพหรือพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำได้ 'เหมยเข้าใจอะไรง่ายดีนะ ข้าคือเทพหนี่วาพระแม่ที่เป็นผู้กำเนิดทุกสิ่งอย่าง. คิกคิก' เสียงหัวเราะที่เหมือนระฆังกังวานใสนี้ช่างเหมาะกับรูปลักษณ์ที่เห็นเสียจริง 'กำไลสองวงนี้คือตัวแทนของคำสัญญารักในอดีตของพวกเจ้าทั้งสองคนเมื่อมาอยู่ในวันเวลาที่กำหนดก็สำแดงผลของคำสาบานที่มีให้กันจะกี่ภพกี่ชาติก็จะต้องมาครองคู่รักกันเสมอ' สิ้นคำอธิบายภาพก็ปรากฏต่อหน้าพวกนางเป็นคนในครอบครัวที่รักของพวกเธอที่กำลังจัดงานศพให้เธอทั้งสองคนบรรยากาศในงานช่างเศร้าเหลือแสนพวกเธอทั้งสองต่างหลั่งน้ำตากับภาพที่เห็นแต่มีสิ่งหนึ่งที่ซีไม่เข้าใจ 'เหมยแกเป็นอะไรตายฉันจำได้แค่ว่าฉันถูกรถชนนี่' ซีรีบหันไปถามเพื่อนรักของเธอเหตุใดในภาพถึงมีงานศพของเหมยด้วย 'ฉันไม่แน่ใจ ' เหมยกำลังสับสน เธอยังไม่ตายนิตอนยัยซีโดนรถชนเธอยังวิ่งเข้าไปดูอยู่เลย 'เหมยเจ้าตายก่อนหน้าที่ซีมาถึงแผ่นดินเกิดหนึ่งวันนะ' ฮะ เสียงอุทานที่ดังขึ้นจากสองสาวนี่มันช่างดังแสบหูเสียจริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD