เหนือความคาดหมาย

2254 Words
สองสาวกลับมาถึงก็เห็นพ่อบ้านมายืนรอที่หน้าจวนด้านขวาแล้ว ไอหยาาาาาาาท่านแม่คงจับได้แล้วสองสาวหน้าซีดเผือดทันทีแม้จะเก่งกาจแค่ไหนแต่พวกนางก็ยังรักและเคารพท่านแม่เสมอ "คุณหนูฮูหยินเรียกพบขอรับท่านรอพบคุณหนูอยู่ที่สวนดอกไม้ข้าว่าคุณหนูรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิดไว้ข้าจะรับหน้าไว้ให้" พ่อบ้านตงที่แต่เดิมก็เอ็นดูคุณหนูอยู่แล้วขันอาสาที่จะรับหน้าให้พวกนางต่างซึ้งใจและรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่ท่านพ่อบ้านบอกก่อนที่จะเดินตามหลังพ่อบ้านไปพบฮูหยินที่สวนดอกไม้ "คารวะท่านแม่" สองสาวย่อกายคำนับให้ท่านแม่อย่างอ่อนช้อยหากมีใครรู้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คงไม่มีใครคิดว่าผู้ที่สังหารคนทั้งกองทัพจะเป็นเพียงแค่หญิงสาวสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม "ฮูหยินคุณหนูมาแล้วขอรับ" ท่านพ่อบ้านบอกกล่าวฮูหยินก่อนที่จะหลบฉากออกมายืนข้างๆเพื่อหลีกทางให้คุณหนูทั้งสองเดินเข้าไปที่ศาลาที่ฮูหยินกำลังปักผ้าอยู่ "ท่านแม่เรียกลูกๆมามีสิ่งใดที่ต้องการกล่าวเจ้าค่ะ" ซีซีเดินมาโอบกอดฮูหยินพลางอ้อน ในใจก็นึกหวั่นว่าท่านแม่ของพวกนางจะรู้นี่คงเรียกได้ว่ามีชะงักติดหลังนั่นเอง "ข้าแค่ไม่เห็นพวกเจ้าก็นึกห่วงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าทั้งสองหายไปไหนมาละ" "เรียนฮูหยินคุณหนูทั้งสองคนฝึกวิชาที่ห้องข้าน้อยได้เข้าไปเรียกแล้วแต่คุณหนูไม่ได้ยินนะขอรับข้าน้อยจึงรอให้คุณหนูทั้งสองออกจากสมาธิ" พ่อบ้านรีบออกตัวให้เหมือนอย่างที่พูดไว้เขารู้ดีว่าคุณหนูทั้งสองต่างหวังดีและเป็นห่วงฮูหยินอาจจะทำอะไรที่ทำให้ฮูหยินเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนั้นขอแค่คุณหนูกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ "พวกเจ้าคงจะหิวแล้วงั้นมากินข้าวก่อนอย่ามัวแต่ฝึกหนักอยู่เลยมันอาจทำให้พวกเจ้าทั้งสองไม่สบายก็ได้นะจงพักเสียบ้างนะลูกแม่" "เจ้าค่ะท่านแม่" ทั้งสองสาวต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ดีที่ท่านแม่ไม่สงสัยอะไรอย่างนั้นการที่จะปกปิดฝีมือและพลังคงเป็นทางที่ดีกว่า ยามบ่ายพวกนางทั้งสองก็ไปส่งฮูหยินเข้าห้องเพื่อพักผ่อนพวกเธอได้ออกตรวจยามระวังภัยจากการลอบโจมตีของศัตรูถึงจะกำจัดคนที่หุบเขามรณะแล้วแต่อาจมีส่วนที่สั่งให้มาจัดการพวกเธอและฮูหยินโดยเฉพาะ "ท่านพี่ข้ารู้สึกว่ามีคนแอบมองดูเรา" ซีเหมยรู้สึกถึงการมีตัวตนของคนที่มีฝีมือมากๆและพลังคงจะไม่ด้อยกว่านางเลยแต่ถ้าเป็นท่านพี่ของนางก็ไม่แน่ "คงเป็นพวกที่ถูกสั่งมาให้มาดูความเคลื่อนไหวในการโจมตีเมืองจากพวกทหารรับจ้างนะแค่มาดูเพื่อส่งข่าวรายงานเจ้าไม่ต้องไปใส่ใจหรอก" พวกนางทั้งสองยังทำเหมือนเดินเล่นไปโผล่มุมโน้นทีมุมนี้เพื่อหลอกล่อให้คนที่แอบดูอยู่ตามใจและสับสนถึงกองกำลังที่ยังไม่เข้าเมืองมาสักที คนที่อยู่ในเงามืดเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองโดนจับได้จึงรีบหนีออกจากจวนของเจ้าเมืองเพื่อไปสืบที่หุบเขามรณะว่าป่านนี้กองกำลังถึงยังไม่บุกเข้าเมือง "วิ่งหางจุกตูดไปแล้วล่ะท่านพี่ท่านจะปล่อยไปจริงๆหรือ" "ใช่เราต้องล่อให้เสือโกรธจะได้หลงเดินมาติดกับดักเองโดยที่เราไม่ต้องออกแรง" "ข้าเข้าใจแล้วพี่หญิงสมกับที่เป็นท่านจริงๆ" ซีเหมยกดรอยยิ้มที่มุมปากเธอรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นเช่นไรนิสัยที่ชอบแกล้งให้คนอื่นโกรธจนแทบเสียสตินี่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที "เราก็ไปฝึกวิชากันดีกว่าหากเกิดอะไรขึ้นเราจะได้รับมือถูก" เมื่อเห็นพ้องกันทั้งสองสาวมุ่งหน้าไปที่ลานกว้างเพื่อใช้ฝึกเพลงดาบถึงตอนนี้มันจะเละเทะมีแต่ร่องรอยความเสียหายพวกนางก็หาสนใจดีเสียอีกจะได้มีอุปสรรคที่เหมือนจริงมาเพิ่มเป็นด่านทดสอบพวกเธอ ทางด้านคนสอดแนมที่ออกมาจากจวนเจ้าเมืองเพื่อมาดูกองกำลังทหารที่หุบเขาก็ต้องตกใจอย่างไม่อยากเชื่อสายตานี่มันเป็นไปได้หรือกองทัพทหารเกือบหมื่นหายวับไปมีแต่ร่องรอยการโจมตีและซากศพที่เหลือมีแต่โครงกระดูกจากการถูกฝนกรด น่ากลัว.....ศัตรูน่ากลัวเกินไปแล้วผู้ที่จะทำได้คงจะโหดเหี้ยมไร้ปรานีที่สุด "วี๊ดดด"เสียงเป่านกหวีดไม้ไผ่เพื่อเรียกนกอินทรีก่อนที่เขาจะส่งสารไปกับนกเพื่อรายงานให้เจ้านายของตนรับรู้ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แม้สักครึ่งชั่วยามเพราะสิ่งที่เขากำลังพบเจอมันน่ากลัวมาก เหมือนตอนนี้เขายังได้ยินเสียงหวีดร้องของวิญญาณที่ต้องทนทรมานที่หุบเขาแห่งนี้ต่อไปอีกนาน คนสอดแนมได้หนีหายไปทิ้งไว้แต่ซากโครงกระดูกที่ได้ยืนยันว่าค่ายนี้ได้พ่ายแพ้ไปเสียแล้ว ถึงจะนอกเหนือจากแผนการของเจ้านายของตัวเองแต่ก็ส่งผลดีต่อแผนการอื่นๆยิ่งนัก ทางด้านตงโฉรีบเร่งให้เดินทัพอย่างรวดเร็วยิ่งไปถึงเร็วเท่าไหร่โอกาสรอดของชาวบ้านวังเมฆที่จะพ้นภัยก็มีมากยิ่งขึ้นแต่ถึงจะเร่งสุดกำลังยังไงกองทัพก็ยังต้องให้แวะพักบ่อยไม่งั้นทหารของเขาจากจะหมดแรงก่อนที่จะได้ออกรบอีกสองวันคงจะถึงที่หมายได้ทันการ "ท่านเจ้าเมืองขอรับมีสารจากหมู่บ้านส่งมาขอรับ" รองแม่ทัพรีบนำสารมาส่งให้ถึงมือของเจ้าเมืองโดยกลัวว่าหากช้าแค่เพียงเสี้ยวนาทีคนที่นั่นอาจตกอยู่ในอันตรายได้ สีหน้าของตงโฉที่แสดงออกมาดูเบาใจราวกับปัญหาที่กลัดกลุ้มเมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น "มีความว่าเช่นไรหรือขอรับ" "หัวหน้าหมู่บ้านวังเมฆส่งมาบอกว่าทางวังปีศาจได้ถอยทัพปีศาจออกจากหุบเขาแล้วแถมยังส่งทูตมาเจรจาขอยุติสงครามและยังทำหนังสือสัญญาว่าจะไม่รุกรานชาวบ้านอีกต่อไป" "อย่างนี้เราจะวางใจเชื่อได้หรือขอรับมันไม่ง่ายไปหน่อยหรือข้าน้อยเกรงว่าจะเป็นอุบายให้เราหลงกล" "ข้าก็คิดเช่นนั้นหากไม่มีสิ่งนี้มายืนยันด้วย" 'หยกรูปมังกร' นี่แสดงว่าเจ้าปีศาจกลับมาแล้วหรือ รองแม่ทัพไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไรเลยได้แต่พยายามควบคุมใจตัวเองทั้งนับถือและหวาดกลัวไปในคราวเดียวกัน "ข้าคิดว่าจะเป็นเพียงแค่ตำนานเสียอีก" "การที่เราไม่รู้ไม่เคยเห็นใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องจริงบนโลกนี้ยังมีเรื่องราวที่ไม่สามารถคาดเดาได้เจ้าอย่าได้คิดว่ามันไม่มีอยู่จริงละ" "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว" รองแม่ทัพลุกขึ้นค้อมคำนับด้วยความนับถือของท่านเจ้าเมืองที่มีความรู้ความสามารถถึงเพียงนี้ "ถึงยังไงเราก็จะเดินทางต่อเพื่อไปที่หมู่บ้านอย่างน้อยก็ไปดูว่ามีความเสียหายตรงไหนความเป็นอยู่เช่นไรและเป็นการปลอบขวัญไปในตัว" "ข้าน้อยจะสั่งเดินทัพต่อทันทีขอรับ" สีหน้าของรองแม่ทัพเบิกบานเหมือนได้ออกไปเที่ยวเขาคิดว่าการเดินทัพครั้งนี้คงเป็นการเคลื่อนทัพที่สบายใจที่สุดแล้วกระมังไม่ต้องระแวงการลอบโจมตีใดๆทั้งสิ้น ไม่นานกองทัพที่ยิ่งใหญ่ก็ได้เคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่จุดหมายเดิม คงมีแต่ความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป สองวันผ่านไปในที่สุดก็ถึงจุดหมายชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับเจ้าเมืองและทหารเกือบ5หมื่นด้วยความยินดีและความซาบซึ้งใจที่เจ้าเมืองไม่เคยละเลยพวกเขาเลย "ท่านเจ้าเมืองลำบากแล้วข้าน้อยผู้อาวุโสไป่ขอคารวะท่าน" "ไม่ต้องเกรงใจพวกท่านทุกคนเชิญตามสบายเถิดข้าเจ้าเมืองตงโฉยินดีที่จะนำเหล่าทหารกล้าออกมาช่วยเหลือพวกท่านเพราะพวกท่านคือชาวเมืองของข้า" “ขอบคุณท่านเจ้าเมือง!!!” ชาวบ้านต่างแสดงความนับถือผ่านการคารวะทั้งชายและหญิงไม่เว้นแม้แต่เหล่าเด็กน้อยทั้งหลายทั้งหลาย "ข้าขอเชิญท่านและเหล่าทหารพักผ่อนที่หมู่บ้านให้หายเหนื่อยเสียก่อนข้าได้เตรียมสถานที่รองรับไว้ให้แล้ว" "ขอบใจท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าจะให้ทหารพักที่นี่สักสามวันเพื่อพื้นกำลังพลและจะได้ดูการใช้ชีวิตของคนที่นี่หากมีสิ่งไหนลำบากเดือดร้อนก็บอกข้ามาเลยนะหาได้เกรงใจ ส่วนท่านข้าขอคุยเรื่องสัญญาสงบศึกหน่อยเป็นอย่างไรข้าอยากรู้ว่าทำไมพวกวังมารถึงได้ยอมถอยไปง่ายๆ" หัวหน้าหมู่บ้านเย่อู๋ได้ยินดังนั้นก็รีบเชิญตงไปที่บ้านเพื่อที่จะได้คุยเป็นการส่วนตัว ส่วนเหล่าทหารได้ยินก็กระจายกันออกไปกางกระโจมเพื่อเป็นที่พักและจะได้ไม่ต้องลำบากชาวบ้านให้ดูแลพวกเขา เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงวันที่เจ้าเมืองต้องกลับเขาได้ช่วยชาวบ้านบำรุงแก้ไขปัญหาต่างๆของหมู่บ้านและหาทางออกจนตอนนี้ก็สามารถวางใจได้ ‘ข้าเองก็จะได้เดินทางกลับอย่างสบายใจ’ "นี่คือผ้าที่หญิงสาวหมู่บ้านเราช่วยกันทอผ้าผืนนี้ออกมาสุดความสามารถเพื่อจะให้เป็นของขวัญกับฮูหยินและคุณหนูทั้งสองขอรับ" หัวหน้าหมู่บ้านยื่นผ้ามาสามมัดให้เขาสิ่งที่เห็นคือผ้าที่สวยงามลวดลายก็แปลกตานี่ต้องทำให้ฮูหยินตนชอบใจมากเป็นแน่ "ข้าขอขอบใจและนี่ถือเป็นการตอบแทนที่พักและอาหารที่ทำให้เราและทหารของเรา" ตงโฉผายมือให้ทหารนำหีบทองมาให้หัวหน้าหมู่บ้านชาวบ้านที่เห็นต่างแตกตื่นไม่คิดว่าเจ้าเมืองจะมีน้ำใจเพียงนี้ "ข้าไม่อาจสามารถรับได้พวกเราเต็มใจจะทำให้ไม่ต้องการหวังสิ่งใด"หัวหน้าหมู่บ้านรีบปฏิเสธทันทีพวกเขาไม่อาจรบกวนท่านเจ้าเมืองไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แค่ที่ยกทัพมาช่วยทั้งที่อาจจะเป็นแผนร้ายแต่ท่านเจ้าเมืองก็หาได้ลังเลไม่ "รับไว้เถิดท่านอาจจะต้องใช้ในการบำรุงหมู่บ้านและการซื้อยารักษาโรคมาไว้ที่นี่ก็ได้" หัวหน้าหมู่บ้านได้ฟังก็ตริตรองดูเมื่อเห็นว่าเป็นจริงตามที่เจ้าเมืองกล่าวก็ไม่ได้ขัดขึ้นอีกได้แต่ทำการคำนับแทนความขอบคุณจากใจเขาเท่านั้น กองทัพเจ้าเมืองได้ออกเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อกลับเข้าเมืองหนายโจ หัวใจของตงโฉตอนนี้ได้โบยบินกลับไปก่อนเจ้าของร่างอย่างเขาเสียแล้วช่างเป็นความคิดถึงที่ทรมารอย่างแท้จริง ป่านนี้ฮูหยินและลูกสาวทั้งสองจะเป็นเช่นไรบ้างสีหน้าอมยิ้มมีความสุขของเจ้าเมืองทำให้เหล่าทหารที่มองเห็นต่างก็พลอยมีความสุขไปด้วย พวกเขาก็เริ่มคิดถึงลูกๆและภรรยาที่บ้านของตนเหมือนกันไม่น่าเชื่อตอนนี้ทุกคนในกองทัพแทบจะวิ่งกลับเพราะอดใจรอคิดถึงคนที่รักไม่ได้แล้ว เช้านี้ฝนตกโปรยปรายทั่วฟ้ายิ่งทำให้บรรยากาศช่างเงียบเหงาชายหนุ่มรูปงามที่ยืนทอดสายตามองดูดอกบัวกลางน้ำกลับไม่ได้ชื่นชมดอกไม้นั้น เพียงแค่ทำเหมือนมองแต่จิตใจล่องลอยไปตามความคิดแต่ที่น่าแปลกไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่งบุรุษที่มีอาการเช่นนี้กลับมีอีกหนึ่งคนที่มีอาการคล้ายกันหรืออาจจะแย่กว่าก็ได้ "ข้าว่าจะลงไปเมืองตอนใต้อีกครั้ง" เสียงที่รับสั่งออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยขององค์ชายจ้าวหลงเยี่ยนทำให้หลี่ฟงตกใจเล็กน้อยแต่สิ่งที่องค์ชายรับสั่งมันช่างดีกับใจเขาเหลือเกิน "องค์ชายจะเสด็จเมื่อใด" สีหน้าขององครักษ์ทำให้จ้าวหลงเยี่ยนมีความหมั่นไส้เสียเต็มประดาหากเป็นเมื่อครั้งก่อนก็คงห้ามไม่ให้เขาออกนอกวังแต่พอมาตอนนี้กลับส่งเสริมเสียอย่างนั้น "ในอีกสามคืนวันนั้นจะเป็นคืนเดือนมืดเราจะลอบออกไป" สีหน้าของทั้งสองดีขึ้นทันทีที่วางแผนการเสร็จนี่คงเป็นเพราะพวกเขาจะได้เจอหญิงสาวที่เป็นคนช่วงชิงดวงใจของพวกเขาไปหากพวกเขาไม่กลับไปชิงหัวใจของพวกนางทั้งสองกลับมาแทนเห็นทีคงเสียชื่อสองบุรุษที่หญิงงามทั้งเมืองต่างหมายปองเป็นแน่แท้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD