บุกรังหนู

3081 Words
ตลอดทั้งวันลานกว้างของจวนเจ้าเมืองมีคลื่นพลังของเพลงกระบี่และร่องรอยการทำลายไปทั่วลานพื้นที่นี้กว้างใหญ่พอที่จะสามารถบรรจุกองทหาร500คน แต่ตอนนี้ลานแทบไม่เหลือเค้าเดิม ‘พื้นก็แตกต้นไม้ก็ถูกโค่น’ ถึงตงโฉจะกางม่านพลังป้องกันความเสียหายก็ไม่สามารถหยุดยั้งแรงทำลายของพวกนาง "ซีเหมยเจ้าต้องเร็วกว่านี้ไม่งั้นจะมีช่องว่างให้ศัตรูโจมตีกลับ" "ข้าเข้าใจแล้วค่ะท่านพ่อ" ความเข้มงวดเคี่ยวเข็ญของตงโฉนับว่าเห็นผลดีอย่างมาก บุตรสาวทั้งสองต่างฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจในเพลงกระบี่ของตน หากต้องไปในเวลานี้เขาก็วางใจว่าทั้งสองจะปกป้องทุกคนที่นี่ได้ "ซีซีเจ้าผ่อนแรงที่แขนลงอีก ต้องร่ายรำให้พลิ้วเหมือนดอกไม้ที่ลู่ไปตามยามลมพัด" ซีซีตอบรับก่อนที่จะเริ่มร่ายรำกระบี่ใหม่อีกครั้ง นางโอนอ่อนตัวไปตามสายลมที่พัดมากระทบกายงดงามเหมือนกำลังร่ายรำร่างกายที่อ่อนพลิ้วกลับมีคลื่นพลังปราณมีพลังทำลายล้างรุนแรง เพียงแค่สะบัดมือก็สามารถทำลายหินยักษ์ที่สูงสามเมตรลงเป็นเพียงฝุ่นผง ตงโฉสะท้านกายหากเป็นคนที่โดนเข้าไปคงไม่เหลือแม้เส้นผม พลังปราณของพวกนางทั้งสองช่างน่ากลัวหากถูกใช้ไปในทางที่ไม่ดี แผ่นดินนี้คงไม่มีใครต่อกรพวกนางได้ "พอแค่นี้ก่อนพวกเจ้าไปพักได้แล้ว" สองสาวได้ยินก็หยุดมือลงทันทีก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ วันนี้ถือเป็นการฝึกที่โหดที่สุดหนักที่สุดก็ว่าได้ "วันนี้พวกเจ้าทำได้ดีมากสามารถแก้ไขจุดที่บกพร่องของตัวเองได้ดี หากยอมรับว่าตนยังมีจุดที่อ่อนด้อยแล้วนำมาแก้ไขก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกเจ้าจะไม่สามารถทำได้" "ท่านพ่อลูกอยากตามท่านพ่อไปแต่ก็รู้ว่าท่านห่วงทางนี้ ข้าและซีเหมยจะอยู่ดูแลจวนแทนท่านพ่อเองไม่ต้องห่วง ท่านพ่อจงไปช่วยชาวบ้านอย่างสบายใจและรีบจบศึกกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าค่ะ" ซีซีเอ่ยบอกตงโฉอย่างหนักแน่น "ท่านพ่อถึงฝีมือข้ายังไม่ถึงครึ่งของท่านพี่ซีซีข้าก็จะช่วยท่านพี่ปกป้องคนที่จวนไม่ให้มีสิ่งใดเล็ดลอดเข้ามาทำร้ายพวกเขาได้อย่างแน่นอน" คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าทำท่าทางเหมือนบัณฑิตพล่ามกล่าวเธอไม่อยากให้ท่านพ่อของเธอต้องเป็นกังวลยามนี้พวกเธอคงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านที่อยู่ในเมืองทุกคนโดยเฉพาะครอบครัวของพวกเธอ "พวกเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีอย่าทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายแค่ดูแลท่านแม่ของพวกเจ้าก็พอ พ่อจะทิ้งทหารฝีมือดีไว้ให้จำนวนหนึ่งคงจะสามารถดูแลรอบๆจวนนี้ได้" "ข้าขอให้ท่านพ่อได้รับชัยชนะกลับมาเร็วๆนะเจ้าค่ะ" ทั้งสองสาวประสานเสียงอวยพรให้ท่านพ่อของพวกนางแม้จะไม่ใช่บุตรที่แท้จริงพวกเธอก็มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ตกเย็นช่วงเวลาที่กินข้าวฮูหยินส่งสายตาเศร้าสร้อยออกมานางไม่เคยชินกับการห่างจากสามี เมื่อมีเหตุสำคัญเกิดขึ้นแม้มันอาจจะเป็นแผนร้ายนางก็ไม่อาจฉุดรั้ง ได้แต่ทำใจและคอยภาวนาให้สามีปลอดภัยกลับมา ตงโฉและบุตรสาวทั้งสองต่างสังเกตเห็นอาการของฮูหยิน ก็พากันคอยเอาใจและพูดคุยเพื่อให้ฮูหยินไม่ต้องคิดมากจวบจนดึกก็พากันไปส่งที่ห้องนอน ท่านพ่อคงอยากมีเวลาส่วนตัวกับท่านแม่พวกนางทั้งสองเลยรีบเดินกลับมาที่เรือนฝั่งขวาก่อนจะเดินเข้าไปที่ศาลาริมน้ำเพื่อนั่งพักและนั่งมองดวงจันทร์หวังรวบรวมกำลังใจในสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ "ข้าตัดสินใจแล้วท่านพี่ ข้าจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของพวกนั้นแน่นอน" ซีเหมยพูดพลางกล่าวเป็นนัยถึงคนของตระกูลรองที่วันนี้รีบออกเดินทางออกจากจวนแต่เช้า ทั้งยังอ้างถึงธิดาที่บาดเจ็บว่าจะพาไปรักษาที่จวนของตระกูลรอง นี่มันก็แค่ข้ออ้างที่จะรีบออกจากจวนเจ้าเมือง หึ คิดว่าอ้างแค่นี้จะปกปิดพิรุธได้เหรอคนชั่วปกปิดยังไงหางมันก็โผล่ออกมาอยู่ดี "ซีเหมยข้ารู้ว่าเจ้าห่วงทุกคนที่อยู่ที่นี่ใช่ว่าข้าจะไม่ห่วง แต่เราต้องใจเย็นรอให้ท่านพ่อออกจากจวนก่อนส่วนเราก็เตรียมตัวเผารังหนูได้เลยหาได้ต้องมานั่งคิดให้หนักใจ เรามานั่งชมจันทร์ให้สบายใจค่อยไปพักเก็บแรงไว้ใช้พรุ่งนี้เถอะ" กลับเป็นซีเหมยที่อึ้งกลับคำพูดของซีซีที่พูดออกมาราวกับเป็นเรื่องที่ธรรมดาเหมือนการกินข้าวทั่วไป นี่....มันไม่ใช่พี่สาวของเธอ "บอกมานะเธอเป็นใครนี่มันไม่ใช่พี่สาวของฉันใครปลอมตัวมาหลอกฉันเผยโฉมออกมาเดี๋ยวนี้" ซีซีได้แต่กลอกตาไปมาเธอไม่คิดว่าน้องสาวของเธอจะติงต๊องได้ขนาดนี้ "ซีเหมยนี่มันไม่ใช่โลกที่เราเคยอยู่นะ โลกนี้ใครแข็งแกร่งคือผู้อยู่รอดปลาใหญ่กินปลาเล็กนะเคยได้ยินไหม หากเรายังอ่อนแอศัตรูคงได้โอกาสที่จะฆ่าเราทุกเมื่อถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราชิงลงมือก่อนจะดีกว่าหรือ" ซีเหมยได้ฟังก็คิดได้ เรื่องบางเรื่องก็หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ถ้าหากเธอไม่มองหาอนาคตแล้วเธอเอาแต่มองปัจจุบันชีวิตจะเดินหน้าได้อย่างไร พอแล้วกับจิตสำนึกแบบเดิมนี่คือโลกใหม่ใครกำปั้นใหญ่กว่าคือคนชนะถึงผลจะออกมายังไงเธอก็จะไม่สนใจ ขอแค่ปัจจุบันครอบครัวของเธออยู่อย่างสงบและปลอดภัยเป็นพอ แสงนวลของดวงจันทร์ฉายลงมากระทบร่างบางทั้งสอง มองดูแล้วเหมือนเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์ แต่หารู้ไม่ว่าทั้งสองโฉมงามนี้แหละจะกลายเป็นมือสังหารที่น่ากลัวที่สุด เช้านี้ชาวเมืองต่างออกมารอส่งเจ้าเมืองของพวกเขา ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่าเจ้าเมืองตงโฉจะนำชัยกลับมาเหล่าทหารต่างฮึกเหิมไม่ว่าใครคนไหนก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวเจ้าเมืองและศรัทธาในฐานะนักรบที่เก่งกาจที่กล้านำกองทัพออกศึกไม่เหมือนเจ้าเมืองคนอื่นๆที่จะมีแม่ทัพนำกองทัพต่างหาก "ฮูหยินไม่ต้องห่วงข้าจะรีบกลับมา อยู่ดูแลทางนี้รอข้านะดูแลบุตรีทั้งสองให้ดีอย่าให้มีชายหนุ่มที่ไหนมาใกล้ลูกๆของเรานะ" บรรยากาศที่หวานซึ้งเริ่มจืดไปทันทีที่เจ้าเมืองกล่าวถึงบุตรสาวและแสดงอาการหวงบุตรี ตงโฉกลัวว่าเหล่าคุณชายต่างเมืองจะแอบย่องมาหาบุตรสาวของเขา ‘อย่าให้ข้ารู้นะไม่งั้นเขาจะตามไปเตะก้นถึงที่’ "ท่านพี่นี่ท่านยังมาพูดเล่นอยู่ได้ห่วงตัวท่านเองก่อนเถอะอย่าพึ่งมาแสดงอาการหวงลูกสาวตอนนี้เลยไว้กลับมาเมื่อไหร่ท่านค่อยมาเป็นตาแก่ที่เฝ้าบ้านไม่ให้ชายหนุ่มที่ไหนมาเกี้ยวลูกๆของเรา" "เจ้านี่ช่างเจรจาเสียจริงน้องหญิงไว้ข้ากลับมาข้าจะคิดทั้งต้นทั้งดอกเสีย" "แฮ่มๆๆๆๆลูกและน้องยังอยู่ตรงนี้นะท่านพ่อช่วยเกรงใจเด็กๆหน่อย หากว่าข้าและน้องเกิดการนอกลู่นอกทางท่านจะมาเสียใจไม่ได้นะ" ตงโฉได้แต่อ้าปากค้างที่โดนลูกสาวย้อนให้ เอาเถอะอย่างน้อยตอนนี้บรรยากาศก็ดีกว่าที่จะมาเห็นฮูหยินของเขาเศร้าสร้อยเป็นเช่นนี้แหละดีแล้ว "ท่านจงรีบไปเถิด เดี๋ยวจะสายแล้วกว่าจะถึงหมู่บ้านวังเมฆก็ใช้เวลาสามวันไม่ใช่หรืออย่ามัวเสียเวลาอีกเลย" ท่านเจ้าเมืองกอดปลอบฮูหยินของเขาครั้งสุดท้ายก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าด้วยท่าทางที่องอาจ ขบวนเคลื่อนไปตามทางชาวบ้านก็ส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจ หญิงสาวทั้งสองก็แสดงความเคารพย่อกายให้ท่านพ่ออย่างอ่อนช้อยงดงามกิริยาที่ชาวเมืองเห็นต่างชื่นชมเสน่ห์ที่เหลือล้นพวกเธอ "ท่านแม่ขบวนของท่านพ่อก็ไปลับตาแล้ว ข้าว่าเราเข้าไปพักข้างในกันเถอะ" ซีเหมยรีบเดินมาประคองร่างของฮูหยินเข้าจวนทันทีหากช้ากว่านี้อาจไม่ทันแผนการของคนตระกูลรองที่วางไว้ก็ได้ "หลินเออร์เจ้าพาท่านแม่ไปพักผ่อนที่สวนดอกไม้ก่อนแล้วก็ให้ท่านแม่อยู่แต่ภายในเขตจวนกลางอย่าให้ออกไปไหนไกลเจ้าทำได้หรือไม่" ซีซีเริ่มสั่งการทันที หลินเออร์ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็รับปากโดยทันที "พวกเจ้าจงแบ่งทหารตามแผนที่ข้าเขียนไว้และคุมกำลังให้ดีอย่าชะล่าใจเด็ดขาดเข้าใจไหม" หัวหน้ากองทหารที่ตงโฉทิ้งไว้ให้รับคำสั่งอย่างแข็งขันเขาเปิดดูแผนการวางคนที่คุณหนูเขียนไว้ให้ นี่...มันสุดยอดการวางแผนกลยุทธ์ที่รับมือศัตรูและการวางคนที่มีจำนวนจำกัดได้อย่างไม่มีจุดอ่อนหรือช่องโหว่เลย หลังจากที่สั่งงานเสร็จซีซีก็ได้กลับมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดและหมวกที่ไว้สวมเพื่อปิดบังใบหน้า สักพักซีเหมยก็ตามมาก่อนที่จะเปลี่ยนชุดโดยเร็วเหมือนกลัวว่าซีซีจะทิ้งไว้และไปโดยไม่รอ "พร้อมหรือยัง" ซีซีหันมาถามน้องสาวตัวเล็กของเธอ พวกเธอได้วางแผนการโจมตีที่รัดกุมหลายแผนเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเธอต้องเผยตัวออกมาหากไม่จำเป็น ซีเหมยเดินปราณสักครู่ก็พยักหน้าให้ก่อนที่พวกนางจะลอบออกทางหน้าต่าง ความเร็วและสุดยอดวิชาตัวเบาที่เพิ่มขึ้นทำให้พวกนางเดินทางสะดวกยิ่งนัก แม้แต่ทหารฝีมือดียังไม่รู้สึกว่าพวกนางได้ผ่านพวกเขาไป การจัดการกับกองกำลังคงจะใช้เวลานานฉะนั้นพวกเธอต้องแข่งกับเวลาให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ท่านแม่สงสัย ทางด้านกองกำลังที่หุบเขามรณะกำลังเตรียมตัวที่จะออกมาจากภูเขา พวกทหารรับจ้างต่างคึกคักส่งสีหน้าโหดเหี้ยมกระหายการฆ่าฟันออกมา พวกนี้ไม่สนใจชีวิตคนอื่นพวกมันคิดแต่จะหาประโยชน์ของตนยิ่งตอนนี้มีชาวยุทธ์ที่รับงานนี้มาเพิ่มพวกเขายิ่งมั่นใจในศึกครั้งนี้ แววตาที่ส่งออกมามันยิ่งกว่าพวกเดนตายไอสังหารก็แผ่ออกมาจนสัตว์น้อยใหญ่ต่างวิ่งหนีเพราะทนอยู่ไม่ได้ ขณะที่ตั้งขบวนทัพท้องฟ้าก็ปั่นป่วนเมฆฝนจำนวนมากกำลังก่อตัวแผ่ขยายออกกว้างครอบคลุมไปทั่วหุบเขา พวกทหารของศัตรูต่างแปลกใจที่อยู่ดีๆก็มีเมฆฝนมาทั้งที่ไม่มีเค้าเลย ยังไม่ทันที่แม่ทัพของศัตรูจะได้เอ่ยวาจาใดฝนก็ค่อยๆตกลงมาแต่พอโดนตัวของเหล่าทหารทุกคนกลับล้มตัวลงไปร้องโหยหวนดิ้นทุรนทรายอย่างทรมาร "นี่.....มันฝนกรดทุกคนหาที่หลบเร็ว!!!" หัวหน้าแม่ทัพใหญ่ที่มีฝีมือเพียงแค่สังเกตเขาก็รู้แล้ว จึงรีบส่งเสียงเตือนคนของตัวเองแต่ก็ยังช้าไปเพราะตอนนี้เกือบครึ่งของกองทัพที่ยิ่งใหญ่เมื่อครู่ได้ล้มตายไปแล้ว นี่มันยิ่งกว่าเทพเจ้าพิโรธไม่ถึงห้านาทีกองทหารของเขาก็แตกกระเจิงแถมล้มตายจำนวนมาก น่ากลัว..............ศัตรูยังไม่เผยโฉมก็สามารถฆ่าคนไปครึ่งกองทัพได้ตอนนี้เขาไม่คิดถึงสิ่งใดแล้วเขาต้องหนีออกจากที่นี่และรีบไปแจ้งให้เจ้านายของเขารับรู้ถึงศัตรูที่น่ากลัวคนนี้ ไม่งั้นความหวังของเจ้านายคงไม่มีวันประสบผลสำเร็จแน่ ไม่คิดว่าการที่เจ้านายของเขาเลือกที่จะส่งคนมาสนับสนุนตาเฒ่าหลี่กลับทำให้กองกำลังที่เตรียมมาต้องจบชีวิตโดยที่ยังไม่ได้ออกแรงสู้สักนิด หลังจากที่ทหารหาที่หลบฝนกรดโดยอาศัยหลบตามช่องหินของภูเขาไม่นานฝนก็หยุดตก นายทหารคนหนึ่งค่อยๆชะโงกออกมาดูเกือบนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกซ้ำลงมา พวกเขาจึงรีบหาช่องทางที่จะหลบหนีตอนนี้พวกทหารรับจ้างต่างก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาไม่เคยเจอศัตรูที่น่ากลัวขนาดนี้เลย ขณะที่ทุกคนกำลังหนีตายมารวมที่ทางออก ก็ได้มีเพลิงสีดำร้อนแรงลอยมาปะทะตัวทหารก่อนจะมีเพลิงลุกเผาไหม้ทหารที่อยู่ด้านหน้า เพลิงไหม้สีดำลุกลามติดตัวของทหารเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งหนีร้องตะโกนราวคนเสียสติแต่ก็ไม่พ้นเปลวเพลิงบรรลัยกัลป์ที่ลามมาติวตัวเหล่าทหารและจอมยุทธ์ที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆกันราว50คน ทุกคนต่างใช้วิชาตัวเบาหนีออกจากหุบเขามรณะขึ้นมาที่เนินเขาได้สำเร็จ ตอนนี้พวกเขาต่างก็ต้องห่วงชีวิตของตัวเองก่อน แผนการที่ช่วยตาเฒ่าหลี่ชิงเมืองก็ต้องยกเลิกไป เพราะศัตรูที่น่ากลัวแถมยังฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นมันทำให้พวกเขากลัวอย่างสุดขีด ไม่เคยมีครั้งไหนที่จอมยุทธ์อย่างพวกเขาจะเข้าใกล้ความตายอย่างนี้ "ข้าว่าเราแยกกันหลบหนีดีกว่า หากยังเกาะกลุ่มกันเห็นทีคงไม่มีใครรอด" ท่านแม่ทัพที่องอาจเมื่อกี้ได้หายไปตอนนี้เหลือแค่คนที่กลัวตาย หน้าซีดปากสั่นขาสองข้างแทบยืนไม่อยู่ไม่เหลือเค้าของแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่เลย ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับและรีบหลบหนีทันที "พวกเจ้าจะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้น" ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ขยับตัวก็มีเสียงไพเราะของหญิงสาวที่เปล่งออกมาขัดขวางพวกตนเสียงนี้ช่างหวานหูยิ่ง หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาก็ยินดีที่จะนั่งฟังทั้งวันทั้งคืน คนที่เหลือเริ่มเดินเข้ามาเกาะกลุ่มกันสายตากวาดมองไปที่ตรงหน้า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าศัตรูที่โหดอำมหิตนี้เป็นเพียงสตรีเท่านั้นพวกเขาต่างระวังตัวเพราะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและกลิ่นอายของความตายที่ใกล้เข้ามา ที่ทำได้ตอนนี้คือใช้ปราณสร้างม่านพลังออกมาป้องกันตัวถือว่านี่เป็นการดิ้นรนสุดท้ายของพวกเขา "ท่านพี่เราอย่ามัวเล่นอีกเลยหากช้ากว่านี้เราอาจจะไม่ทันมื้อเที่ยงก็ได้" ซีเหมยเตือนพี่สาวของเธอๆกังวลว่ามารดาจะสังเกตเห็นแล้วว่าพวกนางหายไปหากยังช้าอยู่พวกเธอจะโดนท่านแม่ดุก็ได้และอาจทำให้ท่านแม่กังวลใจ ‘ไม่ได้พวกนางจะทำให้ท่านแม่ที่รักเป็นกังวลไม่ได้คงจะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว’ ซีเหมยเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่ มันช่างอ่อนหวานงดงามพวกจอมยุทธ์นิ่งงันไปชั่วขณะ แต่แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้คนที่ไม่ระวังล้มลงสิ้นใจไปเสียแล้วเพียงแค่ซีเหมยสะบัดข้อมือเท่านั้น กว่ายี่สิบคนที่หมดลมหายใจเหล่าจอมยุทธ์บางคนกลัวมากจนแทบสิ้นสติบางคนถึงกับเยี่ยวรดกางเกง ปีศาจ............พวกนางเป็นปีศาจ "แกยัยปีศาจข้าจะขอแลกชีวิตกับพวกเจ้า" ท่านแม่ทัพวิ่งเข้าใส่ซีซีเพื่อหวังแลกชีวิต เขาไม่หวังว่าจะได้มีชีวิตรอดกลับไปแต่หากจะต้องตายเขาจะลากนางปีศาจพวกนี้ลงนรกไปด้วย ซีซีแค่นเสียงหึในลำคอเบาๆก่อนจะยกดาบวาดเป็นวงกลมเพียงแค่นี้ท่านแม่ทัพก็ล้มลงก่อนที่จะทันได้ถึงตัวของซีซี "ข้าไม่ชอบที่จะเห็นคนตายแต่ถ้าหากเป็นคนที่คิดจะเอาชีวิตของชาวเมืองและคนที่ข้ารัก ข้าก็ยินดีที่จะเห็นมันล้มลงตายต่อหน้า" กล่าวจบไม่รอให้จอมยุทธ์ทั้งหลายตั้งตัวเธอยกกระบี่ไร้เงาวาดเพลงดาบไปบทหนึ่งเพียงแค่นี้จอมยุทธที่เหลือก็ล้มลงตายทั้งหมด ‘อนิจจายังไม่ทันสู้ก็ต้องตายเสียแล้ว’ "ท่านพี่เรารีบกลับกันเถอะข้ากลัวท่านแม่จะรู้ว่าเราแอบหนีออกจากจวน" ซีซียิ้มให้น้องสาวก่อนจะพยักหน้า "ข้ารู้แต่เราไม่สามารถปล่อยศพไว้อย่างนี้เพราะอาจเป็นพาหะของโรคได้" สิ้นคำซีซีก็ปล่อยไฟบรรลัยกัลป์เผาศพพวกนั้นไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกช่างน่ากลัวเสียจริง "ข้าจะไม่ทำให้ท่านโกรธเด็ดขาด" ซีเหมยเย้าพี่ของนางพลางทำหน้าตาเหมือนเด็กกำลังถูกรังแก ซีเหมยรู้ไม่ว่าเธอจะทำผิดแค่ไหนซีซีก็จะอยู่ข้างนางเสมอและจะไม่กล่าวโทษใดๆแถมจะลงมือทำให้เสียเอง "ข้าว่าเรากลับกันเถอะข้าอยากกินอาหารฝีมือท่านแม่แล้วละ" พริบตาเดียวร่างทั้งสองก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่โดยไม่รู้ถึงการมีตัวตนของใครอีกคนที่แอบมอง..................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD