เวลา 11.00 น. @ร้านอาหารญี่ปุ่น ห้างหรูย่านสยาม
"รอนานมั้ย" เมษาเอ่ยถามคนที่มาถึงก่อนอย่างเกรงใจกับเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันมานาน แล้วเธอก็เดินไปกอดเขาอย่างทักทาย
เมษาไม่รู้เลยว่าการกระทำเธอถูกเฝ้ามองจากใครบางคนอยู่ตลอดเวลาและทุกย่างก้าวที่เธอไปก็มีคนตามเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง เช่นเดียวกับวันนี้ที่ภาพของเธอจะถูกนำไปให้เจ้านายพวกเขาดู
"เพิ่งมาถึงได้สักพัก เมจะสั่งอาหารเลยมั้ย" รัชภาคย์ถามอีกฝ่ายทันทีเมื่อทั้งเขาและหญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้
"อืมม เอาสิ หิวแทบจะกินคนได้อยู่แล้ว" เมษาบอกกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างติดตลก
"ถ้างั้นกินเราแทนข้าวมั้ยหละ" รัชภาคย์บอกกับเมษาด้วยสีหน้าจริงจัง จนอีกฝ่ายมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
"เฮ้ย เราล้อเล่น ฮ่า ฮ่า" รัชภาคย์เมื่อเห็นสีหน้าหญิงสาวรีบเฉลยมุขที่เล่นพร้อมกับหัวเราะออกมา จนเมษาปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าโดนอีกฝ่ายแกล้ง
"แล้วหนูดาไม่มาด้วยเหรอ" เมษาถามถึงหนูดา หรือปาลิดา เพื่อนสนิทอีกคนของเธอ
"แล้วเห็นมั้ยหละ" รัชภาคย์ตอบกลับเมษาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนหญิงสาวที่ได้ยินคำตอบถึงกับหมั่นไส้กับคำพูดของอีกฝ่าย
"นอกจากจะเล่นมุกแรงไม่ขำแล้ว ยังพูดจากวนตีนใส่อีกนะ เดี๋ยวแม่ก็ตบให้คว่ำเลย" เมษาตอกกลับเพื่อนสนิทด้วยคำพูดตามนิสัยของตน ทำให้รัชภาคย์ที่ได้ยินถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา
"แบบนี้ค่อยเป็นเมษาจอมวีนตัวจริงของแท้ เมื่อกี้นึกว่าเทพอวตารตัวไหนลงมาสิงสถิตในตัวเพื่อนซะอีก" รัชภาคย์เอ่ยแซวหลังจากที่อาการเกร็งของเพื่อนสาวหายไปพร้อมกับแสดงตัวตนจริงๆออกมา
"สรุป ทำไมหนูดาไม่มา" เมษาถามคนตรงหน้าอย่างจับผิดเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเหมืิอนปิดบังอะไรเธอบางอย่าง
"สวัสดีค่ะ" เสียงหญิงสาวจากด้านหลังของเมษาดังขึ้น ทำให้เธอหันไปมองอย่างดีใจ
"ยัยหนูดา!" เมษาเดินเข้าไปกอดปาลิดาอย่างดีใจเมื่อได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานมาก
"แอบอำกันแบบนี้จะโกรธแล้วนะ" เมษาเอ่ยขึ้นมาเหมือนกำลังโกรธเพื่อนทั้งสอง แต่สีหน้าที่แสดงออกมาทำให้เพื่อนทั้งสองคนหัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจัง
"ตกลงมานานหรือยัง" เมษาหันไปถามปาลิดาอย่างจริงจัง จนเพื่อนสาวอดยิ้มขำกับอาการของอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่ต่างจากรัชภาคย์ที่ยิ้มให้กับอาการของเพื่อนสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานเช่นกัน
รัชภาคย์ และปาลิดา เพื่อนสมัยประถมของเมษาและเป็นเพื่อนสนิทเพียงสองคนเท่านั้นในชีวิตของเธอ คนทั้งสามสนิทสนมกันมากก่อนที่เมษาจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกา และจนถึงทุกวันนี้คนทั้งสามก็ยังติดต่อและไปมาหาสู่กันอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่เมษาเดินทางมาไทยก็จะไม่ลืมที่จะนัดเจอเพื่อนสนิททั้งสองคนเลยสักครั้ง แต่ส่วนใหญ่นั้นคนที่เมษาจะได้เจอมักจะเป็นปาลิดาเพราะรัชภาคย์มักจะติดงานที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศแทบทุกครั้งที่เมษามาเมืองไทย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่รัชภาคย์จะไปเจอกับเมษาที่อเมริกาและพูดคุยกัน
รัชภาคย์ หรือ ภาคย์ ที่เมษามักจะเรียกเพื่อนแบบนี้เสมอ หนุ่มธุรกิจด้านการส่งออกกาแฟเพราะครอบครัวของเขามีไร่กาแฟที่เชียงใหม่และเชียงรายตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าของเขา เขาจึงต้องดูแลธุรกิจของที่บ้านทั้งหมดเนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นหลานชายที่ได้เรื่องที่สุดของตระกูล ทำให้เมษาไม่ค่อยได้เจอรัชภาคย์เท่าไรนักเพราะเขาต้องคอยไปติดต่อการส่งออกกาแฟที่ต่างประเทศเสมอ และนี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่พวกเขาทั้งสามคนได้เจอหน้ากันพร้อมกัน
ปาลิดา หรือ หนูดา ที่เพื่อนๆเรียกกัน ด้วยความอ่อนหวาน น่ารัก เรียบร้อย ทำให้ใครๆ ต่างพากันเรียกปาลิดาว่า หนูดา เพราะการวางตัวและกิริยาอาการของเธอที่ใครเห็นก็อยากจะทะนุถนอมเธอกันทั้งนั้น ซึ่งผิดกับเมษาที่นิสัยใจคอแตกต่างจากปาลิดาอย่างสิ้นเชิง เมษาเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ปราดเปรียว มั่นใจในตัวเอง และเป็นคนพูดจาขวานผ่าซากจนหลายคนมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แรงและโชกโชนกับเพศตรงข้ามมาก ทำให้หลายคนต่างสงสัยว่าคนทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันได้อย่างไร
"ตอบมาเลย มาถึงนานหรือยัง" เมษาคาดคั้นกับเพื่อนสาวที่นั่งลงข้างเธออย่างอยากรู้ พร้อมหันไปเหล่มองรัชภาคย์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในแผนการแกล้งเธอครั้งนี้
"มาก่อนเมสักพักนึงเอง แล้วภาคย์บอกให้ดาไปซ่อนเพื่ออยากแกล้งเม" ปาลิดาสารภาพกับเพื่อนสาวที่มองหน้าอย่างคาดคั้น
"รัชภาคย์!" เมษาหันหน้ามาเรียกชื่อเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้ายิ้มบางๆ เหมือนกำลังขอโทษเธออยู่
"อำนิด อำหน่อย ถึงกับหัวร้อนเลยนะ เป็นแบบนี้ไงถึงไม่มีใครกล้าจีบ แล้วไม่มีแฟนกับเขาสักที" รัชภาคย์พูดขึ้นมาทำให้เมษาที่ได้ยินถึงกับทำหน้าไม่พอใจจนปาลิดายกมือขึ้นมาลูบแขนเธอเบาๆให้ใจเย็น
"ใจเย็นนะเม ภาคย์ทำไมพูดแบบนั้น" ปาลิดาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนบอกกับเพื่อนสาวและหันไปตำหนิเพื่อนชายอีกคนที่นั่งตรงข้ามอย่างไม่จริงจังอะไรนัก
"แต่ถ้าจะพูดให้ดีไม่น่าจะเป็นเพราะนิสัยแบบนี้นะที่ไม่มีแฟน น่าจะเพราะน้องชายสุดที่รักของเมมากกว่าที่ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามาจีบ" รัชภาคย์พูดออกมาตามที่เห็นจากข่าวซุบซิบไฮโซ ทำเอาเมษาที่ได้ยินแบบนั้นชะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบทำสีหน้าเป็นปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนสนิททั้งสองคนสงสัย
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่เมษากลับมาอยู่ไทยถาวร ทุกครั้งที่เธอออกงานสังคมหรืองานเลี้ยงไหนก็ตามจะคอยมีลูกน้องของคิมหันต์ตามเฝ้าและคอยดูแลทำนองเหมือนกันผู้ชายทุกคนไม่ให้เข้าใกล้เธอเลยตลอดงานเลี้ยงที่เธอออกงาน จนเป็นที่ชินตาของหมู่สังคมไฮโซที่เห็นเมษาไปงานไหนต้องคอยมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยทุกครั้ง
"ช่างเถอะ ว่าแต่นายเถอะภาคย์มีคนรู้ใจหรือยัง" เมษาเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการถามเรื่องส่วนตัวของรัชภาคย์แทน แต่ดูเหมือนว่าคำถามของเมษาจะทำให้ใครบางคนเปลี่ยนอารมณ์จากเฮฮาเป็นนิ่งเงียบไปเลยทันที
"เงียบไปเลยนะพอถามเรื่องนี้" เมษาเอ่ยแซวอย่างเป็นต่อทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเครียดขึ้นมา
สายตาของรัชภาคย์มองไปยังปาลิดาที่กำลังก้มหน้ามองมือถืออยู่โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว เมษาที่เห็นสายตาของรัชภาคย์มองปาลิดาแบบนั้นก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนชายของเธอกำลังคิดไม่ซื่อกับเพื่อนหญิงที่นั่งอยู่ข้างเธออย่างแน่นอน แต่ว่าอีกฝ่ายจะรู้หรือเปล่านี่หนะสิ เพราะฝ่ายหญิงยิ่งซื่อจนไม่ค่อยสังเกตอะไรเลยด้วย
"โทษทีนะ พอดีคุยเรื่องงานเพิ่งเสร็จ แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ" ปาลิดาเงยหน้าขึ้นมาถามทำให้รัชภาคย์เปลี่ยนทิศทางการมองมายังเมษาทันที ทำให้เมษาอดขำกับการกระทำของชายหนุ่มไม่ได้ ทำให้เมษาได้แต่คิดในใจห่วงเพื่อนอยู่ห่างๆ
เฮ้อ แอบชอบใครไม่ชอบ ชอบหนูดาผู้อ่อนต่อโลก คงต้องเหนื่อยหน่อยนะเพื่อนภาคย์
"เมกำลังถามเพื่อนภาคย์ว่าตอนนี้งานยุ่งมากแค่ไหน ทำอะไรอยู่บ้าง" คำพูดของเมษาทำให้รัชภาคย์งงขึ้นมาทันที เพราะคำถามที่ถามเขาก่อนหน้านี้กับคำตอบที่บอกปาลิดาไปมันคนละประเด็นกันอย่างสิ้นเชิง
"อ๋อ ดาก็อยากรู้เหมือนกันว่าภาคย์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นช่วงนี้บินบ่อยมากเลย ดีนะที่นัดครั้งนี้ภาคย์มาได้" คำพูดของปาลิดาทำให้รัชภาคย์มีสีหน้าขัดเขินเล็กน้อยหากสังเกตเห็น แต่คนที่ไม่ค่อยสังเกตไรอย่างปาลิดาก็ไม่มีทางรู้ว่าคำพูดของเธอมีอิทธิพลกับใครบางคนมากแค่ไหน
เพื่อนสนิททั้งสามที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันมานาน ทำให้การสนทนาที่ผ่านไปสามชั่วโมงมันช่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาทั้งสามคนต้องแยกย้าย
"เอาไว้นัดเจอกันอีกนะ" เมษาเดินไปกอดปาลิดาแล้วบอกกับเพื่อน
"สู้ๆนะภาคย์ เอาชนะใจยัยหนูดาให้ได้นะ" เมษาโผไปกอดรัชภาคย์พร้อมกระซิบบอกเพื่อนชายให้ได้ยินเพียงสองคน ทำให้ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจทันทีที่เมษารู้ความลับของเขาที่เก็บมานาน
"ถ้าร้านเสื้อผ้าเมเสร็จเมื่อไหร่ต้องมาร่วมแสดงความยินดีในวันเปิดร้านวันแรกด้วยนะ" เมษารีบย้ำเพื่อนรักทั้งสองอีกครั้งก่อนจะแยกกัน
"โอเค ไปก่อนนะ บาย" เมษายืนต่อหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วโบกมือลาก่อนจะเดินหันหลังออกมาจากหน้าร้านอาหาร
เวลาต่อมา @ลานจอดรถห้างหรูย่านสยาม
"สวัสดีค่ะแม่" เมษาทักทายปลายสายทันทีที่กดรับสายที่โทรเข้ามา
(ทำไรอยู่ลูก) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ที่เมกาเช้าแล้วเหรอคะแม่ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ" เมษาถามปลายสายด้วยน้ำเสียงห่วงใยเมื่อเห็นว่ามารดาของเธอโทรมาเวลานี้ทั้งที่อีกซีกโลกยังไม่เช้าเลย
(ไม่มีอะไรจ้ะ พอดีแม่ตื่นมาแล้วนอนไม่หลับเลยโทรหาหนู แม่คิดถึงเมนะลูก แล้วนี่ทำไรอยู่จ๊ะ)
"เมก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้น เมก็คิดถึงแม่นะคะ ตอนนี้อยู่ลานจอดรถของห้างแถวสยามค่ะ กำลังจะขับรถกลับบ้านค่ะแม่ พอดีเมนัดเจอเพื่อนสนิทที่เคยเล่าให้แม่ฟัง ภาคย์กับหนูดาค่ะ" เมษาบอกเล่าให้มารดาฟัง
เมษาไม่เคยมีความลับกับมารดาเลยสักเรื่อง แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเพียงมารดาบุญธรรมของเธอแต่เธอก็รักเหมือนดั่งแม่ของตน จะมีก็เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เธอจะไม่มีทางให้มารดารู้เป็นอันขาด ก็คือเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์กับน้องชายคนเดียวของเธอ ที่เธอไม่กล้าปริปากบอกให้มารดารู้เลยเพราะกลัวจะทำให้ผู้มีพระคุณเสียใจ เธอจะบอกกับตัวเองเสมอว่าเมื่อถึงเวลาเธอจะเดินออกมาจากชีวิตคิมหันต์อย่างเงียบๆ และมองดูคนที่เธอรักมีความสุขกับคนรักของเขาอยู่ห่างๆ
(จ๊ะ ขับรถกลับดีๆ แล้วตาคิมกลับบ้านบ้างหรือเปล่า) ปลายสายถามถึงลูกชายแท้ๆอย่างห่วงใย
"เมื่อวานนี้กลับมานอนที่บ้านหลังงานเลี้ยงเลิกค่ะ วันนี้คงนอนที่คอนโดมั้งคะแม่ แม่ก็รู้ว่าคิมเขาอินดี้แค่ไหน" เมษารายงานความเป็นไปของลูกชายคนเดียวให้ผู้เป็นมารดาฟังพร้อมกับคำพูดประชดประชันในตอนท้าย
(อืมม อย่างน้อยก็กลับมาดูพี่สาวตัวเองบ้างก็ยังดี แม่วางก่อนดีกว่า หนูจะได้ขับรถ แม่คิดถึงหนูนะ)
"เมก็คิดถึงแม่ค่ะ ฝากกอดป๊าแน่นๆแทนเมด้วยนะคะ เมรักแม่กับป๊านะคะ" เมษาเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนวางสายแล้วเธอก็ขับรถออกจากห้างไปอีกที่ทันที
เวลาต่อมา @สุสานย่านนอกเมือง
"สวัสดีค่ะพ่อกับแม่ เป็นไงบ้างคะ สบายดีกันมั้ย ช่วงนี้เมยุ่งกับทำร้านเลยไม่ได้มาเยี่ยมพ่อกับแม่เลย อย่างอนเมนะ ตอนนี้ร้านใกล้จะเสร็จแล้ว เมกำลังจะมีอะไรเป็นของตัวเองด้วยเงินตัวเองแล้วนะคะ พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวเมมั้ยคะ" เมษายืนพูดเพียงลำพังกับหน้าหลุมศพของผู้เป็นพ่อและแม่ที่ล่วงลับไป เธอจะมาที่นี่ทุกครั้งเมื่อเธอเดินทางมาเมืองไทย แต่เมื่อเธอมาอยู่เมืองไทยถาวรเธอก็มักจะมาที่นี่อาทิตย์ละครั้ง
"เมขอบคุณพ่อกับแม่นะคะ ถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่กับเมแล้ว แต่สิ่งที่แม่กับพ่อทิ้งไว้ให้ทำให้เมไม่เคยลำบากเลยสักครั้ง เมขอบคุณนะคะพ่อ..แม่ เมคิดถึงพ่อกับแม่นะคะ" เมษาพูดกับหน้าหลุมศพพ่อกับแม่ของตน ในประโยคสุดท้ายที่เธอพูดจบ น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว
เวลา 20.00 น. @คฤหาสน์ตันติเวชกุล
"คุณหนูใหญ่ทานอะไรมารึยังคะ จะให้จัดโต๊ะเลยมั้ยคะ" คุณแม่บ้านเข้ามาถามเมษาที่เดินเข้ามาในบ้าน
"เมทานมาเรียบร้อยแล้วค่ะ เมขอไปนอนเลยนะคะ ฝันดีนะคุณแม่บ้าน" เมษาบอกกับคุณแม่บ้านก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไป
"เอ่อ..คุณหนูใหญ่ ไปซะแล้ว จะบอกว่านายน้อยมานอนที่บ้านสักหน่อย" คุณแม่บ้านหันไปพูดกับเด็กรับใช้ที่ยืนด้านหลัง แล้วก็ต่างแยกย้ายเข้าที่พักของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเจ้านายทั้งสองไม่ต้องการอะไรแล้ว
เวลาต่อมา @ห้องนอนเมษา คฤหาสน์ตันติเวชกุล
"เฮ้อ เหนื่อยชะมัด" เมษาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนโดยไม่ได้เปิดไฟในห้อง เธออาศัยแสงสลัวจากด้านนอกในการมองเห็นทางเดินไปยังเตียงนอนพร้อมกับจัดการเสื้อผ้าให้หลุดออกจากร่างกายทีละชิ้น โดยที่เจ้าของห้องนอนไม่รู้เลยว่านอกจากเธอแล้วยังมีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย
"อ๊ะ..อื้อ" ร่างของเมษาโดนกระชากเข้าไปปะทะกับอกใครบางคน พอเธอจะร้องออกมาให้คนช่วยก็ถูกปิดปากด้วยจูบอันเร่าร้อน
"คะ..คิม" เมษามองเห็นเงาลางๆจากความมืด แต่ก็ทำให้รู้ได้ว่าคนที่จูบกับเธอคือใคร
เมื่อคิมหันต์ปล่อยริมฝีปากของเธอเป็นอิสระ แล้วเลื่อนริมฝีปากของตนลงไปที่ซอกคอระหงของหญิงสาวพร้อมกับทิ้งรอยไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ส่วนมือของเขาก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดีด้วยการบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่มของเธอจนอีกฝ่ายเสียวซ่านไปหมด ก่อนที่เขาจะผลักร่างของหญิงสาวล้มลงไปบนเตียงนุ่มพร้อมกับตัวเขาที่คร่อมตามมา
"เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ผู้ชายคนไหนถูกตัวเป็นอันขาด ทำไมไม่ฟัง"