11 | AMI - เชลยต่อรอง

2008 Words
11 [AMI] เชลยต่อรอง เครื่องบินเจ็ตจอดรอสักพักนักบินก็นำเครื่องขึ้น ในนี้มีบอดี้การ์ดผู้ติดตามแค่สี่คน และพวกเขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายในส่วนห้องโดยสารของมาเฟียคนนี้เลย ตอนนี้เขานั่งดื่มวิสกี้เล่นมือถือ ซึ่งมือถือเครื่องนั้นเป็นของฉันเอง มันไม่มีความลับที่สำคัญหรอก แต่ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกตัดแขนตัดขาและเขาจะทำยังไงกับชีวิตฉันก็ได้ จนเขาเปิดรูปรูปหนึ่งแล้วหันมาให้ฉันดู มันเป็นรูปฐานในเกาะพี่เอริค ฉันถ่ายไปยังตัวบ้านเพื่อเก็บสายรุ้งด้านหลังเล่นๆ "นี่สินะฐานของพี่ชายเธอ" "ไม่ใช่ค่ะ มันคือรีสอร์ตที่เอมิไปพัก" "ใช้ชีวิตสุขสบายดีนี่ แต่โง่ที่ไม่รู้ว่าเงินทุกบาทที่ใช้เป็นเงินที่ได้จากการสร้างสถานการณ์และฆ่าคน" ฉันกัดฟันมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ บอกไว้เลยว่าฉันไม่มีวันเชื่อใครนอกจากพี่เอริค "คุณเป็นศัตรูพี่เอริค คุณจะพูดให้เขาดูแย่ยังไงก็ได้" ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน "งั้นก็รอดู... พี่ชายเธอมันชั่วกว่าฉันเยอะ" "รอดูแน่นอน แต่ตอนนี้เอมิยอมมากับคุณแล้ว คุณต้องลบรูปนั้นออกจากมือถือคุณ" คิ้วหนาเลิกขึ้น ราวกับเรื่องที่ฉันขอเป็นเรื่องตลก "มันจะถูกลบก็ต่อเมื่อฉันได้น้องสาวคืน" "พวกเขารักกันทำไมคุณไม่เชื่ออ่ะ ตอนไปหาพี่เอริคเจอกับภาขวัญ เธอยังนอนอาบแดดนั่งกินข้าวกับเอมิอยู่เลย การวางตัวไม่ใช่คนถูกจับเป็นตัวประกันเลยสักนิด นี่ถ้าพวกเขาสองคนรักกันและภาขวัญไม่ยอมกลับ คุณจะเก็บรูปนั้นไว้และจับเอมิขังตลอดไปเหรอ?!" "ใช่! ต่อให้รักกันอยากอยู่ด้วยกัน ฉันก็ไม่มีวันให้น้องสาวฉันเป็นของพวกผู้ก่อการร้ายเด็ดขาด" จากนั้นเขาก็ชี้หน้าฉันและยิ้มที่มุมปากช้าๆ "และเธอ... ก็จะเป็นคนรับกรรมนี้แทน" ฉันหันหน้าไปทางอื่นระหว่างที่น้ำตาไหลลงมา แต่ละวินาทีที่อยู่กับผู้ชายคนนี้เวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขนาดข้าวที่แอร์โฮสเตสมาเสิร์ฟฉันยังกินไม่ลงเลย จนราวๆชั่วโมงเศษเครื่องก็แลนดิ้งที่กรุงเทพ ทันทีที่เครื่องบินเจ็ตจอดสนิท ก็มีรถโรลส์รอยซ์คันหรูพร้อมกับรถเบนซ์อีกสี่คันมาจอดรอรับ แค่นี้ก็รู้แล้วล่ะว่าอิทธิพลเขามันมากแค่ไหน ยิ่งเขาพูดว่าต่อให้พี่เอริคกับภาขวัญจะรักกันยังไง ก็ต้องการแค่ตัวน้องสาวกลับมา ฉันยิ่งมองไม่เห็นอนาคตที่จะออกไปจากตรงนี้ "คุณพายุจะพาตัวประกันไปพบนายใหญ่เลยไหมครับ" มีบอดี้การ์ดวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาถามระหว่างที่ฉันถูกจับยัดนั่งเบาะหลังรถโรลส์รอยซ์ เขาชื่อพายุหรอกเหรอ? ชื่อกับนิสัยไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ แต่ละครั้งที่พัดผ่าน ประเมินค่าความเสียหายได้ยากชะมัด "พาไปรังมังกร และเรียกไลออนดรากอนทุกคนมารวมตัวกัน" "ครับ" แล้วมาเฟียหนุ่มก็ขึ้นมานั่งข้างๆฉัน ก่อนที่รถจะเคลื่อนขบวนออกไปพร้อมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเมืองหลวงของไทย เวลารถขับไปซอกซอยไหนก็ได้กลิ่นอายของสตรีทฟู้ด ยอมรับว่าชั่ววูบหนึ่งมันคลายความเครียดลงได้บ้าง ฉันมองออกนอกรถตลอดทางจนรถเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่ และใช่... เนื้อที่รอบๆใหญ่มากๆ แถมมีบอดี้การ์ดที่ใส่สูทเดินกันให้ควั่ก นอกจากแปลกที่แปลกทางฉันยังอยู่ในดงของศัตรูที่แค้นพี่ชายฉันสุดๆอีกกี่ร้อยคน? จะตายวันไหนเนี่ยเอมิ... และเมื่อรถจอดฉันก็ถูกลากลงจากรถทันที คุณพายุแทบไม่แตะตัวฉันด้วยซ้ำ เขาเดินสูบบุหรี่นำเข้าบ้านและตรงไปที่ห้องห้องหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ ซึ่งพอเปิดเข้าไปฉันก็อยากวิ่งหนีไปไกลๆเลย มีคนอยู่เต็มไปหมด และทุกคนก็มองฉันอย่างไม่เป็นมิตร หน้าฉันชาราวกับโดนสายตาพวกเขาตบหน้าหลายๆที "นี่เหรอ น้องสาวมัน" ผู้ชายมีอายุท่าทางมีภูมิฐานถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีใครโหวกเหวกด่าทอ แต่ความเงียบที่ปกคลุมมันน่ากลัวซะยิ่งกว่า "ครับ ผมจะใช้ผู้หญิงคนนี้ต่อรอง ถ้ามันไม่คืนภาขวัญ... น้องสาวมันก็จบไม่สวยเหมือนกัน" "เธอชื่ออะไร?" ผู้หญิงสวยๆคนหนึ่งถามขึ้นมา เธอใส่สูทเข้ารูปหน้าอกซ้ายมีเข็มกลัดสิงโต "อะ เอมิค่ะ" "หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม แต่ไม่น่าเป็นน้องสาวโจร รู้ใช่ไหมว่าพี่ชายเธอเป็นศัตรูของเรา" ฉันพยักหน้าเบาๆ "ค่ะ" "หึ ฉันพูดกับผู้หญิงคนนี้หมดแล้วเดนิส แต่เธอก็ยังเชื่อว่าพี่ชายตัวเองเป็นคนดี" คุณพายุพูดย้อนแล้วกดตามองฉัน "พี่เอริคเป็นคนดีจริงๆค่ะ เอมิยืนยันเลย ตอนนี้ทุกคนอาจจะเข้าใจผิด ภาขวัญมีความสุขดี เธอรักพี่ชายเอมิมาก" "แล้วเธอติดต่อพายุได้ยังไง" คำถามนั้นทำให้ฉันชะงัก นึกย้อนไปถึงตอนที่ภาขวัญเขียนเบอร์ให้ในกระดาษ "คือ...." "ตอบไม่ได้? เหอะๆภาขวัญสินะ ถ้าภาขวัญส่งเธอมาให้พวกเรา มันจะมีอะไรอีกนอกจากต้องการความช่วยเหลือ" มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ฉันเจอภาขวัญบนเตียงพี่เอริคพวกเขาสองคนนอนด้วยกัน และที่สำคัญยังยิ้มร่ามีความสุขอยู่เลย "อาจจะ... ปะ เป็นแม่สื่อให้เอมิกับคุณพายุก็ได้ค่ะ" ทุกคนมองหน้ากันทันที มีบางคนแอบหัวเราะออกมา ส่วนคุณพายุเขาลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ฉันพูดอะไรผิด? มันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆก็ได้ ก็สิ่งที่ฉันเห็นมันบอกว่าภาขวัญไม่ได้เป็นตัวประกันอย่างที่ว่ากัน จนคุณพายุพูดขึ้นมา และหันไปบอกบอดี้การ์ดตัวเอง "ถึงวันต่อรองเดี๋ยวก็ตาสว่าง เฮ้ย...เอาผู้หญิงคนนี้ไปขังไว้ที่โกดังด้านหลัง และให้ข้าวให้น้ำกินด้วย" "ครับนาย" ใช่ค่ะ ฉันตกเป็นเชลยอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้นก็ไม่มีใครพูดกับฉันเลย และไม่มีใครห้ามด้วยทั้งที่ในห้องมีผู้ใหญ่และผู้หญิงอยู่หลายคน ฉันถูกลากออกมาทางประตูหลังบ้านเดินผ่านทุ่งหญ้าไปที่โกดัง ก่อนที่จะมีคนไปไขกุญแจกรงและฉันถูกดันตัวเข้าไปด้านใน ในนั้นไม่มีแอร์ มีห้องน้ำอยู่มุมในสุด และมีเตียงแข็งๆขนาดสามจุดห้าฟุตกับผ้าห่มผืนบาง ระหว่างที่ฉันอยู่ในนั้นคุณพายุแค่ยืนสูบบุหรี่มองอยู่ไกลๆเท่านั้น เขาไม่สงสารหรือเห็นใจถึงแม้ฉันจะเป็นคนที่เขาเคยวันไนท์ด้วย "คุณต้องอยู่ในนี้จนกว่าจะมีการต่อรอง" บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นมา แต่สภาพแบบนี้มันต้องลำบากมากแน่ๆ ฉันจึงรีบเกาะกรงถาม "นะ นานไหมคะ มันร้อนมาก ไม่มิดชิดด้วยกลัวว่าจะมีงู มีแมลงมากัด" "เร็วสุดน่าจะพรุ่งนี้ ทางที่ดีอยู่เงียบๆดีกว่าครับ เพราะถ้านายของเราโกรธขึ้นมา คุณอาจจะถูกล่ามโซ่ตากแดดตากลมอยู่ข้างนอกก็ได้" ฉันมองไปที่เขาคนนั้นแล้วมองบอดี้การ์ดตาละห้อย "พี่ชื่ออะไรคะ พี่อย่าทิ้งเอมิไปได้ไหม เอมิกลัว" "ผมชื่อไทน์ ได้รับหน้าที่เฝ้ายามให้คุณ หากต้องการอะไรเพิ่ม บอกมาได้เลยครับ" "มือถือค่ะ อยากได้มือถือคืน" พี่ไทน์ส่ายหน้าทันที "ไม่ได้ครับ คุณขอได้เฉพาะน้ำและอาหาร และยาทั่วไปเท่านั้น ผมขอตัว" อ้าว แล้วจะบอกว่าต้องการอะไรให้บอกทำไม? บอดี้การ์ดคนนั้นหนีฉันไปยืนหันหลังให้ไกลๆแล้ว ฉันจึงเดินคอตกไปนั่งที่เตียงแทน ห้องนี้เหมือนกรงหมาเลย ทำไมใจร้ายใจดำแบบนี้นะ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าพี่ชายฉันเป็นคนไม่ดี ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ต่าง พอไม่รู้จะทำอะไรฉันก็ล้มตัวนอนดึงผ้าห่มคลุมขาไว้ จะห่มทั้งตัวก็ไม่ได้เพราะประเทศไทยร้อนจัด แดดที่ร้อนอบอ้าวแทบจะเผาหัวฉัน ฉันนอนพลิกซ้ายก็แล้ว ขวาก็แล้ว ไม่มีท่าไหนที่สบายตัวเลยเพราะเตียงแข็งมาก "โอ๊ย ทรมานจัง" 'เปรี้ยง!' "ว้าย!" ฉันดึงผ้าห่มคลุมโปงอย่างรวดเร็ว อยู่ๆฟ้าก็แลบและผ่าเปรี้ยงลงมาเสียงดัง พอข้างนอกคลี่คลายฉันก็ค่อยๆยกผ้าห่มผืนบางแอบดูอีกครั้ง ท้องฟ้าด้านนอกมีเมฆก่อตัวดำทึบ ฟ้าแลบ ลมแรง พัดหลังคาโกดังเสียงดึงพึบๆน่ากลัวมาก บ้าเถอะ กรงนี้มันอยู่บริเวณประตูโกดังเลย ถ้าฝนตกลมพายุเข้าฉันโดนเต็มๆ "พี่ไทน์คะ ฝนจะตกค่ะ" "ไม่เป็นไรครับ" "ถ้ามันสาดเข้ามาล่ะ" "ไม่สาดครับ" ฉันลุกขึ้นนั่งกอดเข่าถอยตัวเองไปชิดด้านในสุด ลมพัดแรงฝนเริ่มลงเม็ด เสียงดังเปาะแปะแรงขึ้นๆ และซ่าลงมาราวกับฟ้ารั่ว ฝนสาดแล้ว ไหนว่าไม่สาดไง "พี่ไทน์!" เมื่อฉันเรียกบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ให้หาร่มให้ อยู่ๆเขาก็แตะที่หลังใบหูแล้วรีบวิ่งผ่านสายฝนไปบ้านหลังใหญ่เฉยเลย ไม่มองมาที่ฉันด้วยซ้ำ ฉันอยู่คนเดียว กำลังมืด ฝนตกหนัก แถมไฟตรงนี้มีแค่ดวงเล็กๆเท่านั้น ฉันกลัว... 'เปรี้ยง!' "ว้าย!" 'เปรี้ยง!' "พอเถอะ! หยุดตกสักที ฮึก ฮืออออ" นานสองนานที่ฟ้ารั่วเทหยาดน้ำฝนลงมาพร้อมกับลมพายุ ผ้าห่มที่ฉันใช้ห่อตัวเปียกชุ่ม จนฉันต้องคอยดึงมันมากอดแล้วหันหลังให้น้ำฝนแทน กลัวว่าถ้าเกิดผ้าห่มเปียก พวกเขาจะไม่เปลี่ยนผืนใหม่ให้ ใจดีกับฉันหน่อยก็ไม่ได้ ฉันก็คนเหมือนกันนะ.... ••• เช้าวันต่อมา... "คุณครับ ตื่นได้แล้ว" "..." "คุณครับ!" ฉันรู้สึกตัวตื่นและหันไปมองตามเสียง นี่ฉันนั่งหลับและขดที่มุมกรงทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย "ถึงเวลากินข้าวแล้วครับ" พี่ไทน์เปิดประตูกรงแล้ววางถาดอาหารไว้บนเตียง ฉันยังไม่กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน แต่กับข้าวตรงหน้าไม่น่ากินเอาซะเลย มันคือข้าวต้มและมีปลาน้ำจืด ฉันไม่ชอบปลาน้ำจืด "มีอย่างอื่นไหมคะ ปลาน้ำจืดมันคาว" "มีเท่านี้ ถ้าไม่กินก็เขี่ยออกครับ" ฉันก้มมองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม ก่อนจะหยิบช้อนเขี่ยชิ้นปลาออก แล้วตักแค่ข้าวกับน้ำซุปกินแทน ••• ส่งท้ายตอน ขณะที่เอมิกำลังนั่งกินข้าว มีสายตาสองคู่จับจ้องมองเธอจากหน้าต่างด้านบน พายุสูบบุหรี่และเผยยิ้มกับภาพที่เห็น ขณะที่คนเป็นแม่กอดอกขมวดคิ้วอย่างหนักใจ เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่ควรมาตกอยู่ในสภาพนี้ "มันจะไม่มากไปเหรอพายุ" "แค่นี้ยังน้อยไป"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD