จุดเปลี่ยน

1697 Words
2 จุดเปลี่ยน พอขึ้นมัธยมปลายทุกอย่างดูแตกต่างไปจากเดิม เพราะต้องย้ายโรงเรียนใหม่ จันทร์เจ้าเข้ากับเพื่อนทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่ไม่กล้าเปิดเผยชีวิตของตัวเองมากนัก ไม่มีเวลาทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนแม้แต่ครั้งเดียว จนครูประจำชั้นต้องเรียกเข้าพบ จันทร์เจ้าจำเป็นต้องบอกเหตุผล เรื่องการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน “กิจกรรมบางอย่างหนูต้องเข้าร่วมนะลูก เพราะมีคะแนนพิเศษสำหรับประเมินผล ส่วนเรื่องการทำงานพิเศษนั้น ครูอนุโลมให้เพราะมีความจำเป็นก็แล้วกัน” “ขอบคุณค่ะคุณครู” จันทร์เจ้ายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม คุณครูประจำชั้นคนนี้เป็นคนค่อนข้างดุ แต่พอได้คุยกันแบบส่วนตัว ท่านกลับยอมรับฟังปัญหาของเธอ ผลการเรียนเป็นไปได้ด้วยดี จันทร์เจ้ามีคะแนนอยู่ระดับปานกลาง หญิงสาวเลือกเรียนสายภาษามากกว่าคณิตศาสตร์ เพราะเธอนั้นหัวสมองไม่ไปทางเลขเลยแม้แต่น้อย แต่ดันไปได้ด้านภาษา ชีวิตช่วงมอสี่มอห้านั้นเป็นไปตามปกติ กระทั่งขึ้นมอหกทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จันทร์เจ้าเริ่มเป็นสาวแรกรุ่น หน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวอมชมพูอย่างชัดเจน เรียกว่าสวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยทีเดียว อาจเพราะว่าโตแล้วเลยรู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ได้ปล่อยให้เนื้อตัวมอมแมมเหมือนตอนเด็ก แต่ว่าโลกใบเล็ก ๆ แสนสงบของเธอ กลับต้องถูกใครบางคนทำลายลงในวันหนึ่ง เมื่อหญิงสาวกลับห้องมาแล้วเจอกับชายแปลกหน้า เดินออกมาจากห้องนอนของมารดา ในสภาพที่สวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก “แม่ใครอ่ะ” “อ้อ จันทร์เจ้ามารู้จักกับลุงพัตเขาสิลูก” นางชมนาดรีบร้อนติดกระดุมเสื้อ ก่อนแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน “นี่ลูกสาวของนาดเหรอ พี่นึกว่าจะเด็กกว่านี้เสียอีก โตเป็นสาวแล้วนี่” นายธนพัตหันมายิ้มให้ ด้วยสีหน้าที่จันทร์เจ้าเห็นแล้ว รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา “สวัสดีค่ะ” แต่ก็ยอมยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท “สวัสดีจ้ะ ลุงทำงานที่เดียวกับแม่หนูนะ รู้จักกันมาหลายปีแล้ว” “ค่ะ” “พี่พัตบอกว่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ ไปสิพี่” ชมนาดดันหลังเขาให้ออกจากห้องไป “งั้นพี่ไปก่อนนะนาด” “ไปเดี๋ยวฉันไปส่งพี่พัต” นางชมนาดยิ้มจนหน้าบานเป็นกระด้ง ตรงเข้าไปกอดเอวนายธนพัต พากันเดินออกจากห้องไป จันทร์เจ้าคิดว่าแม่ของเธอ คงไม่ได้จริงจังกับผู้ชายคนนี้ แต่หญิงสาวคิดผิด เมื่อนายธนพัตกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสองแม่ลูก ในวันที่จันทร์เจ้ากำลังจะจบชั้นมัธยมปลาย “แม่ว่าอะไรนะ” สีหน้าของคนเป็นลูก แสดงอาการตกใจอย่างชัดเจน ผิดกับคนเป็นแม่ที่ฉีกยิ้มหน้าระรื่น “แม่บอกว่าลุงพัตเขาจะมาอยู่กับเราที่นี่นะจันทร์เจ้า” “อยู่กับเราที่นี่ห้องเช่าบนคลองเน่า ๆ นี่นะแม่” “ก็เออน่ะสิ พูดซะห้องเราไม่น่าอยู่เลยนะนังจันทร์เจ้า คลองมันก็อยู่ของมันดี ๆ มีแต่คนนี่แหละที่ทำให้มันเน่า” “ทำไมลุงพัตเขาไม่พาแม่ไปอยู่ด้วยกันกับเขาล่ะ จะมาอยู่ห้องแคบ ๆ แบบนี้ทำไม” จันทร์เจ้าคิดว่าถ้าแม่จะมีสามีจริงจัง ก็ควรเข้าไปอยู่ที่บ้านของฝ่ายชาย ส่วนที่นี่ก็ให้เธออาศัยต่อไปเหมือนเดิม เพราะสภาพห้องหับ ไม่ได้เหมาะสำหรับชีวิตครอบครัวสามคน อย่าว่าแต่สามเลยสองคนก็เต็มพื้นที่แล้ว “ก็เอ่อ คืออย่างนี้นะ ลุงพัตเขาเพิ่งเลิกกับเมียมาน่ะ” “แม่ ! นี่แม่ไปแย่งผัวชาวบ้านมาเหรอ” “นังจันทร์เจ้าปากเหรอนั่นที่พูด ใครไปแย่งกัน เขาเลิกกันเองของเขาต่างหาก อย่ามาโทษแม่นะ” คนถูกต่อว่าทำตาขวางใส่ลูกสาว ทั้งที่ความจริงแล้วนั้น ตนเองนั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้นายธนพัตเลิกกับภรรยา เพราะถูกจับได้ว่าเป็นชู้กันนั่นเอง “อ้อ เข้าใจแล้ว เลิกกับเมียไม่มีที่อยู่ล่ะสิ เลยจะมาอยู่กับเรา” จันทร์เจ้าสรุปความเป็นมาแบบง่าย ๆ “เออ ก็ทำนองนั้น” อีกคนก็ยอมรับหน้าตาเฉย “แต่แม่ห้องเราเล็กแค่นี้เองนะจะอยู่กันยังไง แม่กับลุงพัตนั่นแหละที่จะไม่สะดวกเอา” จันทร์เจ้าปรายตามองสภาพห้องเช่า ที่ถูกกั้นออกเป็นสองห้องเล็ก ๆ แค่ขยับตัวก็เต็มพื้นที่ไปหมดแล้ว “อยู่ ๆ ไปก่อนนะจันทร์เจ้า เดี๋ยวพอเอ็งเข้ามหาลัยได้ ก็ย้ายไปอยู่หอแล้วไม่ใช่เหรอ” “เอ่อ เรื่องนั้น” จันทร์เจ้าไม่อยากบอกว่าถ้าสอบติดมหาวิทยาลัยขึ้นมาแล้ว ค่าใช้จ่ายนั้นมหาศาลแค่ไหน เงินเก็บที่เธอทำงานพิเศษนั้น ไม่พออย่างแน่นอน “อะไรทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง” “ก็ค่าเทอมแรกเข้ามันแพงอยู่นะแม่” “ไหนเอ็งบอกว่าจะเข้ามอรัฐไงทำไมยังแพงอยู่อีก” “มันก็ยังแพงสำหรับหนูอยู่ดีแหละแม่” “ไม่เป็นไรจันทร์เจ้าแม่ว่าถ้าโบนัสออก แม่จะให้เอ็งเอาไปจ่ายค่าเทอม บวกกับเงินเก็บของเอ็งอีกนิดหน่อยก็คงพอแหละแม่ว่า ปีที่แล้วมันให้โบนัส ปีนี้ก็ต้องได้เหมือนกันแหละ” นางชมนาดยอมยกเงินที่คิดว่าจะได้ก้อนโตให้ลูก เพื่อที่จะให้จันทร์เจ้าได้เรียนสูง ๆ อย่างที่เจ้าตัวหวังไว้ อีกทั้งยังสามารถอยู่กับสามีเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที “ก็คงพอมั้งแม่” จันทร์เจ้าไม่กล้าฟันธงว่าพอหรือไม่ เพราะผลสอบยังไม่ออก เธอคิดอะไรง่าย ๆ ว่าขอให้ได้เข้าไปเรียนก่อน ค่อยหางานทำเพิ่มอีก แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับมีเรื่องน่าปวดหัวเข้ามาซ้ำเติม ให้เธอต้องเครียดหนักขึ้นกว่าเดิม “แต่ว่าเรื่องลุงพัต เอ่อ เขาจะย้ายเข้ามาอยู่กับเราเลยเหรอแม่” “ก็ใช่น่ะสิ พรุ่งนี้นะที่ลุงพัตเขาจะมาอยู่กับเรา เอ็งก็อย่าเรื่องมากล่ะ ทน ๆ กันไปก่อน ไม่กี่วันก็ต้องไปอยู่หอแล้วนี่” คนเป็นแม่ยิ้มกริ่มหลังพูดจบ “ก็ได้แม่” จันทร์เจ้ายิ้มฝืด ๆ ผลสอบยังไม่ออก แต่แม่ของเธอวางแผนให้เธอไปอยู่หอเสียแล้ว จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่ อยากอยู่กับผัวใหม่สองต่อสอง จากนั้นไม่นานจันทร์เจ้าก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามที่ต้องการ แน่นอนว่าปัญหาค่าใช้จ่ายก็ตามมาเป็นพรวน ได้แต่หวังว่าเงินโบนัสที่มารดาของเธอพูดไว้ก่อนหน้า กับเงินเก็บของเธออีกนิดหน่อย จะพอได้จ่ายค่าเทอมแรกเข้า แต่แล้วสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น “ไอ้เจ้านายเลวมันปิดโรงงานหนีไปแล้ว ไม่ยอมจ่ายค่าแรงด้วย ไอ้พวกนายทุนหน้าเลือด กูขอสาปแช่งพวกมันไม่ให้ตายดี” นางชมนาดนั่งกระดกเหล้าเข้าปากอยู่หน้าห้องกับนายธนพัต ปากก็ด่าทอเจ้าของโรงงานที่ปิดตัวลงแบบกะทันหัน และหลบหนีออกนอกประเทศไป โดยไม่ยอมจ่ายค่าแรงคนงานแม้แต่คนเดียว “พี่กะว่าได้เงินโบนัสมาสักก้อน จะได้พานาดกับลูกไปอยู่บ้านเช่าเป็นหลัง ไม่ใช่ห้องเช่าสลัมเก่า ๆ แบบนี้ แต่นี่อะไรผิดแผนไปหมด” นายธนพัตหัวเสียเป็นอย่างมาก นั่งกินเหล้ากับนางชมนาดพร้อมบ่นเสียงดังตามไปด้วย “นังก้อยมันโชคดี ถึงตกงานแต่ก็มีลูกสาวส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน เมื่อก่อนนึกว่ามันจะเสียผู้เสียคน ที่ไหนได้กลับได้ดิบได้ดีเฉยเลย พลอยทำให้แม่ของมันสบายไปด้วย ผิดกับฉันลิบเลยมีแต่ภาระ เฮ้อ เครียดโว้ย พี่พัตชนแก้วกันหน่อย” ระบายออกไปก็ยกแก้วขึ้นชนกับสามีไปด้วย ไม่วายเหน็บลูกสาวตนเอง เพราะว่าลูกสาวของเพื่อนนั้น สามารถแบ่งเบาภาระของแม่ได้เป็นอย่างดี แม้จะสงสัยและเคยหลอกถาม ว่ายิปซีทำงานอะไร ถึงได้มีเงินมีเหลือกินเหลือใช้ขนาดนี้ สองสามปีก่อนยังอยู่ในกลุ่มเด็กแว้นประจำสลัมแห่งนี้อยู่เลย แต่นางแก้วตาก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกตามตรง เอาแต่พูดว่า ‘ทำอาชีพอิสระ’ จันทร์เจ้าปาดน้ำตาออกจากหน้าเบา ๆ ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้ เธอแค่อยากเรียนหนังสือให้จบมหาวิทยาลัยเหมือนคนอื่นเขา อุตส่าห์สอบได้แล้วแท้ ๆ แต่กลับมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย หญิงสาวรู้ว่าการจะก้าวพ้นชีวิตในสลัมแห่งนี้ไปได้ เธอต้องมีความรู้มีอาชีพที่ดีกว่านี้ คิดแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ หยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป ระหว่างที่กำลังปลดกระดุมเสื้ออยู่นั้น เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคน มองลอดผ่านช่องสังกะสีห้องน้ำเข้ามา แกร๊บ “นั่นใคร !” รีบเปิดประตูออกมาดู เห็นเพียงนายธนพัตกำลังก้มลงหยิบขวดเหล้าบนพื้นห้อง “ลุงพัต เอ่อ เห็นคนอื่นอยู่แถวนี้ไหมคะ” จันทร์เจ้าถามชายสูงวัย สายตาก็เต็มไปด้วยความสงสัย ห้องเล็กแค่นี้จะไปมีคนอื่นได้อย่างไร “ไม่นี่ลุงเองก็เพิ่งเดินเข้ามา นาดใช้มาหยิบขวดเหล้าไปเพิ่มน่ะ มีอะไรหรือเปล่าหนูจันทร์เจ้า” คนพูดยกขวดเหล้าขึ้นให้ดู “เปล่าค่ะ” เมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจน หญิงสาวจึงกลับเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะกลับออกมาอีกรอบ แล้วเอากระดาษลังมาปิดรูตรงสังกะสีเอาไว้ ปกติเธออยู่กับแม่แค่สองคนเลยไม่ได้เอะใจกับรูตรงนี้ เพราะมันค่อนข้างเล็กมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD