ร่างบางสะดุ้ง หากแต่ไม่มีความเจ็บปวด “อืออ” ดาริกาส่งเสียงครางบ่งบอกถึงความพอใจ ครั้นเมื่อชายหนุ่มขยับขับทำนองเข้าออกอย่างเนิบช้าเป็นจังหวะ ริมฝีปากบางกับครางกระเส่าส่ายหน้าไปมาตอบรับ รู้สึกเสียวซ่านรัญจวนใจ ในบทพิศวาสอีกฝ่ายบรรเลงให้โดยไม่ตกหล่นเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา...
ความกำหนัดบวกกับแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเส้นเลือด ความร้อนแรงจึงมีตามมา แรงส่งกระแทกเข้าหากลางลำตัว จนคนใต้ร่างสะเทือนไหวไปตามจังหวะหากแต่พร้อมรับโดยไม่มีถอยเช่นกัน
การเดินทางกำลังถึงฝั่ง สติที่ยังมีอยู่น้อยนิดรีบผละจากร่างบาง ร่างกายซวนเซเล็กน้อยเพราะการเปลี่ยนท่าผิดหวังหวะ ก่อนจะทรงตัวได้ที่โน้มตัวผ่านข้ามคนใต้ร่าง เพื่อควานหาสิ่งป้องกันในลิ้นชักหัวเตียง เมื่อทุกอย่างถูกต้องเข้าที่ ชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก่อนจะเพิ่มความแรงกระแทกถี่ยิบ เตือนให้อีกคนรู้ว่า เขาใกล้แล้ว และไม่กี่อึดใจชายหนุ่มกระตุกเกร็งสองสามครั้ง และคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็งตามมาเช่นกัน
เมื่อคลื่นทะเลแตกฟองจนพร่าพราวความสงบนิ่งจึงเข้ามาเยือน ห้องสีเหลี่ยมอย่างหรูสงบลงพร้อมคนบนร่างฟุบหน้าซบกับอกนุ่มหยุ่นที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะพลิกลงนอนข้างกายและดึงสิ่งป้องกันออกจากลำเหวี่ยงทิ้งไม่รู้ทิศรู้ทาง และนั้นเป็นหน้าที่แม่บ้านที่ต้องเก็บกวาดต่อไป...
ลมหายใจหอบรั่วเหมือนคนวิ่งออกกำลังตอนรุ่งเช้าดังแทรกผ่านความเงียบ ก่อนจะค่อยๆแผ่วลงกลายเป็นเสียงหายใจสม่ำเสมอของเจ้าของห้อง โดยที่อีกคนยังเพ่งมองบนฝ่าเพดานนิ่ง อย่างคนกรุ่นคิด
เมื่อทุกอย่างเงียบนิ่งดาริกาจึงขยับเปลี่ยนท่า สายตาหวานเชื่อมมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับสนิทลงอย่างปรารถนาในตัวไม่เสื่อมคลาย ก่อนจะลุกขึ้นขยับดึงผ้าห่มที่อยู่ด้านปลายสุดของเตียงคลุมกาย นิ้วเรียวสะกิดปลายจมูกโด่ง ลากไล้ฝ่ามือเรียวไปตามแผงหน้าอกกว้างก่อนจะซบใบหน้าลงบนอกแกร่งบดเบียดร่างกายเปล่าเปลือยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าก่อนรุ่งสางเธอกับชายหนุ่มที่ตนเองหลงรักคงลุกขึ้นมาต่ออีกยกเป็นแน่ ก่อนจะหลับตามอีกคนไปในที่สุด
ก๊อก ก๊อก!
ร่างบางสมส่วนของปรินทิพย์อยู่ในชุดพร้อมจะออกนอกบ้าน ยืนเคาะประตูห้องพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม วันนี้เธอนัดหมายกับพี่ชายว่าจะไปซื้อของด้วยกันตอนเช้าตรู่เพื่อเตรียมฉลองงานวันเกิดของตัวเอง ซึ่งปีนี้คงต้องฉลองกันเพียงลำพังเพราะผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนติดงานด่วนอยู่ต่างประเทศ เจ้าภาพการจัดงานวันเกิดทั้งหมดเลยตกเป็นของพี่ชายไปโดยปริยาย
ครั้นพอได้สติปรินทิพย์ก็โยนผ้าห่มในมือ ปิดทับร่างสองร่างบนเตียงเอาไว้อย่างหมิ่นแหม่แต่กระนั้นใบหน้าขาวนวลของเธอก็ยังกระดากอายกับภาพที่เห็น
“พี่กร..พี่ ทำแบบนี้ได้ไง?” เกิดคำถามขึ้นมากมายภายในใจที่เคยเชื่อในความสัจจริงของพี่ชาย ...นี้หรือที่พี่ชายเธอเคยบอกว่ากลับตัวกลับใจ!
โกรธเคืองจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน ร่างบางจึงลอยคว้างสองมือเรียวกำเข้าหากันหันซ้ายหันขวา จะเริ่มต้นอะไรก่อนดี?...
ครั้นยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ร่างสองร่างที่กอดกันกลมเหมือนจะเป็นเนื้อเดียวกันเริ่มขยับ ปรินทิพย์จึงหยุดมองและได้รู้ว่าเป็นฝ่ายหญิงที่รู้สึกตัวก่อนเมื่อเสียงแหลมเล็กดังขึ้น
“อื้อ...อะไรคนจะนอน” เจ้าของร่างอวบอั๋นไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ บนร่างกายส่งเสียงดังออกมาเหมือนรำคาญโดยที่ยังหลับตาอยู่ สองมือเรียวควานหาผ้าห่มที่ถูกดึงไปเมื่อครู่กลับมาห่มอีกครั้งอย่างไม่คิดจะสนใจหรือลืมตาขึ้นมาดู
ปรินทิพย์ที่ยืนมองอยู่ตลอดเวลาซัดสายตามองสาวไร้ยางอาย กัดริมฝีปากจนเกือบห่อเลือดก่อนจะหันไปเล่นงานพี่ชาย “พี่กร ลุกขึ้นมาคุยกับรินให้รู้เรื่องเลยนะ!”
ด้วยรู้สึกผิดหวังในตัวพี่ชายเป็นอย่างมากเธอจึงไม่อยากรักษามารยาทหรือความเกรงใจของเจ้าบ้านที่ดีต่อไปได้
ร่างบางก้มลงกระชากร่างหนาผู้เป็นพี่ที่ยังนอนหลับตานิ่งโดยไม่ออมแรง ทำให้ร่างแกร่งที่นอนตะแคงข้างหงายหลังตึง ร่างอวบอั๋นที่กอดก่ายอยู่ก็เสียหลักคว่ำหน้าลงบนเตียงนอน ก่อนจะงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยสิ่งที่รบกวนอยู่ตอนนี้พร้อมกับแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาให้เห็น
“อือ...อะ... อะรายย คนจะนอน” อาการเมาค้างสอดคล้องกับการนอนไม่เต็มอิ่มทำให้อาการของณภกรณ์เหมือนคนตื่นมาไม่สมประดีและนั้นทำให้ปรินทิพย์รู้ดีว่าเรื่องที่กลายมาเป็นเหตุนี้เพราะอะไร
“พี่กรดื่มมาหรือคะ!”
“หะ!” น้ำเสียงชัดเจนทำให้คนเมาอย่างณภกรณ์สติกลับมาครบถ้วน ก่อนจะขยี้ตาตัวเองเพื่อให้เห็นแน่ชัดยิ่งขึ้น “เอ่อพี่...”
ครั้นเห็นใบหน้าหวานงอง้ำแววตาจริงอยู่ห่างไม่มากนัก ณภกรณ์จึงเงียบเสีย
“จะนอนอะไรนักหนา ลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่กรบ้า!” เสียงแหลมของน้องสาวแวดมาอีกครั้ง พร้อมเบือนหน้าหนี เมื่อพี่ชายยันตัวเองลุกนั่งทำให้ผ้าที่หมิ่นเหม่อยู่แล้วยิ่งหลุดลุ่ยลงไปอีกที่สำคัญตอนนี้คำตอบเธอไม่ต้องการคำตอบ เมื่อจมูกโด่งแหลมรับรู้กลิ่นจางๆ เป็นการยืนยันที่ดี
ท่าทางของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มต้องก้มมองดูตัวเอง “เฮ้ย!” ณภกรณ์รีบคว้าผ้าห่มปิดกลางลำตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว อาการมึนงงเมาค้าง หายเป็นปลิดทิ้ง
“พี่กรทำแบบนี้ได้ไง... ไหนสัญญาไว้กับรินว่าไง พี่กรทำให้รินเหมือนกำลังพูดปดกับเพื่อนของตัวเองอยู่นะ” เสียงแหลมของเธอแว้ดใส่พี่ชายที่นั่งหน้าเจื่อนอย่างเหลืออด
“น้องริน ออกไปก่อนนะครับ” ความละอายเกิดขึ้นฉับพลัน ณภกรณ์จึงตัดสินใจให้น้องสาวออกไปจากภาพไม่เหมาะสมนี่
“หึ!”
น้ำเสียงไม่ปลื้มของคนเป็นน้องทำให้เขารู้ดี รู้สึกผิดและโกรธตัวเองที่ทำผิดสัญญา ทั้งที่เคยให้สัญญากับน้องของตัวเองไว้แล้วว่าจะมั่นคงกับหญิงสาวที่ชื่อภูษิตาเพียงคนเดียว
แต่หลายวันมานี้เขาพยายามโทรหาแฟนสาวอยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสาย หรือเป็นเพราะเขาเรียกร้องที่จะใกล้ชิดกับเธอมากเกินไปจึงทำให้เธอตีตัวออกห่าง... คิดได้แบบนั้นใจชายหนุ่มก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น
ความน้อยใจทำให้ชายหนุ่มหันไปดื่มเหล้า จนได้บังเอิญพบกับดาริกาความเปลี่ยวเหงาและเมามายทำให้ควบคุมความต้องการของตัวเองไว้ไม่ได้ บวกกับท่าทีเย้ายวนของหญิงสาวที่เขาเคยตัดสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้อดใจไม่อยู่และกลายเป็นเรื่องอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้
“รินออกไปแน่ แต่ก่อนที่รินจะออกไป รินขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” เธอมองสบตาพี่ชายอย่างมุ่งหวังครั้นคนที่เกือบเป็นส่วนเกินขยับดัง สายตาดูแคลนของปรินทิพย์จึงจิกตามองไปยังร่างอวบที่ตื่นลุกขึ้นมานั่งฟังด้วยท่าทางเหมือนทองไม่รู้ร้อน เธอจึงถอนหายใจสมเพชเวทนากับผู้หญิงสมัยนี้ที่ง่ายจนดูเหมือนเป็นสิ่งของไร้ราคา แล้วตัดใจจากภาพนั้น หันมาต่อคำพูดให้พี่ชายได้รับรู้
“พี่คิดว่าการที่ผิดสัญญากับใครสักคน มันทำให้พี่สุขแค่ไหน แค่ชั่วครู่ที่ได้ปลดปล่อยหรือคะ... แล้วพี่คิดบ้างไหม? การที่เราเห็นคนที่เรารักผิดสัญญา มันจะทำใจได้ง่าย อย่างที่พี่เพิ่งได้ปลดปล่อยแค่อารมณ์สั้นๆ นั่นหรือเปล่า...?” คำถามของน้องสาวที่ถูกเปล่งออกมา ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง แต่กับผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่บนเตียงนุ่มกลับแบะปากอย่างไม่ใส่ใจ
คำถามเพียงไม่กี่คำที่น้องสาวเอ่ยถามมายังคงดังวนเวียนอยู่ในโสตประสาท เพลย์บอยอย่างณภกรณ์จึงต้องมานั่งจมปรักกับคำถามนั้นจนรู้สึกเข่าอ่อนและหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ใช่เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ เขาคิดจริงจังกับเพื่อนน้องสาวจริงๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ แล้วทำไมดาริกาจึงมาพบเขาได้ แล้วหล่อนก็เข้ามาได้จังหวะที่เขากำลังกลุ้มใจกับเรื่องภูษิตาอยู่พอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ?... คำถามมากมายผ่านเข้ามาในสมอง แต่สุดท้ายคนอย่างเขาก็ไม่สามารถคิดอะไรออกได้
เมื่อเคาะประตูเรียกไม่ได้ผลปรินทิพย์จึงเรียกซ้ำ “พี่กร จะสายอยู่แล้ว ตื่นหรือยังคะ?...”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ทุกอย่างยังเงียบดุจเดิมจนน่าแปลกใจ ปรินทิพย์จึงเรียกอีกครั้งหากครั้งนี้น้ำหนักเสียงเพิ่มขึ้นกว่าเก่า “พี่กรคะ! รินจะเข้าไปแล้วนะ” และคำตอบที่ได้ทำให้ปริณทิพย์เริ่มหงุดหงิด
แปลกจริง! ปรินทิพย์คิดว่ามีทางเดียวคือ ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดูเองเพราะปกติพี่ชายของเธอไม่เคยนอนขี้เซา จนถึงกับต้องผิดนัดอย่างเช่นวันนี้
วันนี้ต้องแกล้งเสียหน่อย... คิดพลางมุมปากสวยของปริณทิพย์ก็กระตุกขึ้นอย่างหมายมาด
สาวสวยเจ้าของบ้านแอบย่องเข้าห้องพี่ชายก้าวย่างในแต่ละก้าวเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาศัยเพียงแสงอาทิตย์สลัวที่เล็ดลอดเข้ามาได้เล็กน้อย สายตาจับจ้องมองผ้าห่มผืนหนากองโตอยู่บนเตียงนอน พองนูนเห็นเป็นรูปร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงลางๆ
‘วันนี้พี่ชายเราตัวโตแหะ...’ สิ่งผิดปกติทำให้หญิงสาวคิดอย่างนั้น ก่อนจะมุ่งตรงไปยังสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า พอได้จังหวะมือเรียวกระตุกผ้าห่มออกออกจากร่างพี่ชายอย่างแรง
“... !!!!!” ตากลมโตเบิกกว้าง สติและอารมณ์ของปรินทิพย์เกือบหล่นหาย เพราะสิ่งที่เห็นมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัด แม้ความสว่างจะมีอยู่น้อยนิดแต่ก็สามารถทำให้ม่านตาที่ขยายกว้างของเธอจับภาพได้ชัดเจน “พี่กร!” เสียงที่เปล่งออกมาไม่ดังพอให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่น หากแต่กลับถูกกลืนหายไปในลำคอที่แห้งผากของเจ้าของนั้นเอง