บทที่ 2

2137 Words
บทที่ 2  นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบสองปีกระมัง นับตั้งแต่ที่นางได้เสียท่านแม่ไป สาเหตุคงเพราะตรอมใจเรื่องที่ท่านพ่อมีอนุภรรยามากมายเสียจนไม่สนใจหัวอกของคนเป็นภรรยาเอก เมื่อครั้งสูญเสียท่านแม่ไป นางจึงพยายามทำทุกอย่าง ทั้งเล่นหมาก พิณ วาดรูป เพื่อให้ท่านพ่อหันมาสนใจนาง แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งรู้สึกเหินห่าง ไม่มีใครสนใจไยดี ถูกอนุภรรยาทั้งหลายคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งและใส่ร้ายนางตลอดเวลา แม้นางจะเป็นบุตรสาวคนรองที่เกิดจากฮูหยินเอก แต่เมื่อไร้ซึ่งความรักและความโปรดปรานจากบิดา คงไม่แปลกนักที่พวกคนเหล่านั้นจะกล้าปล่อยข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ เกี่ยวกับนางออกไป ดูเอาเถอะ แม้กระทั่งคู่หมั้นคู่หมายยังปันใจไปให้หญิงอื่นที่เป็นน้องสาวของนางเลย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้นางร้ายได้อย่างไร ในเมื่อคนพวกนั้นไม่เคยให้เกียรตินางเลยแม้แต่คนเดียว แต่ไหนเลยใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่แสนเย่อหยิ่งนั้นปกปิดความชอกช้ำใจไว้มากมายเพียงใด ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจที่บิดาไม่รัก คนที่รักและหวังพึ่งพาก็ไปมีใจรักกับน้องสาวของตัวเอง และพยายามที่จะขอถอนหมั้นอยู่หลายครั้ง เพียงแค่คิด หัวใจของนางก็สั่นไหว แม้นางในอดีตนั้นจะดูโง่เขลานัก แต่ทุกอย่างล้วนแค่ต้องการปกป้องการมีอยู่ของตัวเองเพียงเท่านั้น นีสินะ โชคชะตาถึงได้ส่งนางกลับมาเพื่อแก้ไขอดีตที่เคยผิดพลาดของตัวเองอีกครั้ง นับจากนี้ต่อไปนางจะเลือกทางเดินให้กับตัวเอง แม้เส้นทางนั้นจะยากลำบากไปบ้าง แต่นางก็จะไม่หวังพึ่งพาใครอีกแล้ว “เหมยหลิน คารวะท่านพ่อ” ร่างระหงย่อกายลงอย่างอ่อนช้อยและงดงาม กิริยาอ่อนหวาน ทว่าแฝงด้วยความสง่างามและเยือกเย็น "วันนี้นึกยังไงเจ้าถึงมาหาข้าได้" ลู่เทียนฉินเอ่ยทักบุตรสาวคนรองด้วยน้ำเสียงติดเย็นชา ทำให้หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย แม้ภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่นางก็สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี “ท่านพ่อ... หลังจากที่เสียท่านแม่ไป ข้าก็อยู่เพียงลำพัง มีเพียงบ่าวไพร่ในเรือนเท่านั้น ที่อยู่กับข้ามาตลอดสองปีผ่านมา ครั้งนี้ที่ข้ามาขอพบท่านด้วยตัวเอง ย่อมมีเรื่องที่อยากจะขอร้องเจ้าค่ะ” “เจ้าจะขออะไร” ลู่เทียนฉินจ้องมองไปที่บุตรสาวด้วยสายตาหวาดระแวงเล็กน้อย เพราะบุตรสาวคนนี้ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่จู่ ๆ วันนี้กลับดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ลู่เทียนฉินเป็นอดีตแม่ทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใด ออกไปทำศึกครั้งใดก็ชนะกลับมาทุกครั้ง และเขายังเป็นถึงสหายคนสนิทของฮ่องเต้พระองค์ก่อนอีกด้วย ทว่าหลังจากทำศึกสงครามจนชนะกลับมา เขาก็ได้สมรสพระราชทานเป็นรางวัล ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธสตรี ที่เพียบพร้อมอย่าง ‘จูเซียวเหม่ย’ ได้เลย แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่เคยมี ใจให้นาง แต่เพราะมิอาจขัดราชโองการได้ เขาจึงจำต้องแต่งนางเข้า จวนตระกูลลู่ อันที่จริงเขานั้นมีใจรักอยู่กับสตรีอีกนางหนึ่ง ซึ่งก็คือ ‘ลู่กันหนี่ว์’ ฮูหยินรองคนปัจจุบัน แม้เขาจะทำหน้าที่สามีที่ดี มีบุตรชายและบุตรสาวให้กับนาง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจห้ามหัวใจให้สิ้นรักสตรีอีกคนหนึ่งได้ เขาจึงแอบได้เสียกับคนที่เขารักและแต่งนางเข้าจวนมาเป็นฮูหยินรอง แม้จะสร้างความเจ็บช้ำให้กับจูเซียวเหม่ยอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อเลือกแล้ว เขาจึงทำได้เพียงเย็นชาใส่นาง เพื่อหวังว่านางจะยอมหย่าให้ตนเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคือสาเหตุที่ทำให้นางต้องตรอมใจจนตาย และบุตรสาวคนรองก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาในเรือนใหญ่อีกเลย แม้เขาจะรู้ว่าบุตรสาวคนนี้ต้องเจออะไรมาบ้าง แต่ครั้นเมื่อมองหน้าของนางที่คล้ายกับฮูหยินอยู่หลายส่วน เขาก็เผลอทำเย็นชาใส่อย่างไม่รู้ตัว “ข้าอยากขอกลับไปอยู่กับท่านตาท่านยายเจ้าค่ะ ในเมื่อท่านแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ข้าก็ไม่ขออยู่ที่นี่ต่อ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเย็นชา โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผู้เป็นพ่อจะรู้สึกอย่างไร ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นนางเป็นลูก นางก็ไม่จำเป็นจะต้องเห็นเขาเป็นพ่อเช่นเดียวกัน “ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยรักข้า ท่านรักและโปรดปรานลูกทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ยกเว้นข้าที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ ภรรยาที่ท่านไม่เคยรักไม่เคยโปรดปราน ท่านแสร้งลืมตาข้างหลับตาข้าง ปล่อยให้เหล่าภรรยาของท่านคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งข้าทุกครั้ง ในเมื่อท่านไม่เคยเห็นข้าเป็นลูก ข้าก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเห็นท่านเป็นพ่อเช่นเดียวกัน แม้ข้าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่ข้าก็ไม่นึกเสียใจที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้น” น้ำเสียงของนางสั่นเครือเล็กน้อย แต่กลับหนักแน่นเสียจนน่าตกใจ ลู่เทียนฉินเมื่อได้ยินบุตรสาวพูดเช่นนั้นก็พลันรู้สึกใจหาย มันเป็นความจริงที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เขายอมรับว่าเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าบุตรสาวคนรองจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ “ตลอดหลายปีผ่านมา ข้าต้องทนทุกข์ใจมาตลอด ไม่มีวันไหนเลยที่ข้ามิร้องไห้ ข้าได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าข้าทำผิดอันใด ทำไมทุกคนถึงได้รังเกียจข้านัก ยามข้าเป็นคนดีก็มักถูกรังแก พอข้ายอมร้ายเพื่อปกป้องตัวเอง ข้าก็กลายเป็นคนไม่ดี ครั้งหนึ่งข้าเคยหวังว่าท่านจะปกป้องข้าสักครั้ง แต่ข้ากลับคิดผิด เพราะนอกจากท่านจะไม่เคยแยแสข้าแล้ว ท่านยังแสร้งลืมตาข้างปิดตาข้าง ปล่อยให้คนของท่านรังแกข้า ทำราวกับข้าเป็นเพียงคนนอก ไม่ใช่ลูกของท่าน” ลู่เหมยหลินคุกเข่าลงเบื้องหน้าบิดา สร้างความตกใจให้กับลู่เทียนฉินอยู่ไม่น้อย มือแห้งกร้านอยากจะเอื้อมไปลูบหัวบุตรสาว แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่นิ่งผินหน้าไปทางอื่นแทน นางเงยหน้ามองบิดาอย่างเจ็บปวด ถึงเพียงนี้แล้วท่านพ่อยังไม่มองหน้านางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเก็บซ่อนความเจ็บปวด กล่าวว่า “ส่วนเรื่องหมั้น ข้ามาคิดดูแล้วในเมื่อเขามิได้รักข้า ข้าก็จะยอมถอนหมั้นกับเขาตามที่ทุกคนต้องการ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ลู่หลินเหลียนบุตรสาวของท่านสมหวังกับท่านอ๋อง เพราะฉะนั้นขอให้ท่านสบายใจได้ และข้าจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขาอย่างเด็ดขาด” การตัดสินใจเด็ดขาดของนางในครั้งนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องการไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นเรื่องที่สมควรยิ่ง “เจ้าจะไปไหนมิได้ หากข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นเมื่อนางเตรียมจะหันหลังเดินกลับไปที่เรือนของตน “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึง....” “กลับไปอยู่ที่เรือน อีกสองวันจะมีงานเลี้ยงน้ำชาของฮองเฮาที่วังหลวง จงเตรียมตัวให้พร้อม ออกไปได้แล้วข้าจะพักผ่อน” เอ่ยจบก็เดินหนีไปปล่อยให้นางยื่นนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น เรือนหลินฮวา หญิงสาวกลับมาที่เรือนของตัวเองด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง เมื่อสิ่งที่หวังมันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ นางเพียงแค่ต้องการออกไปจากที่นี่ เหตุใดคนผู้นั้นถึงไม่เข้าใจ หากกลัวว่าจะทำให้คนสกุลลู่เสียชื่อ ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยนางไปเสียที นางไม่เข้าใจว่าบิดาต้องการอะไร ในเมื่อไม่ได้เป็นที่รักและโปรดปราน การที่นางต้องการจากไป นับเป็นเรื่องที่ดีแล้วมิใช่หรือ? หึ! ดียิ่ง ถ้าเช่นนั้นนางก็จะหนีไปเป็นทหารเสียเลย ในเมื่อบุรุษยังเป็นได้ แล้วไยสตรีจะเป็นไม่ได้ ความฝันของนางคือการได้เป็นรองแม่ทัพหญิงเช่นเดียวกับพี่ชายในตอนนี้ “คอยดูเถิดท่านพ่อ ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่า บุตรสาวที่ท่านไม่รักนั้นมีความสามารถมากเพียงใด แล้วท่านจะต้องเสียใจที่ทอดทิ้งข้า” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ “คุณหนู ไปพบนายท่านมา เป็นอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ?” หนิงหนิงที่เพิ่งเดินเข้ามาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะโดยปกติแล้วคุณหนูแทบไม่เคยย่างกรายไปที่เรือนใหญ่เลยสักครั้ง ปึง!! หญิงสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด เมื่อได้ยินสาวใช้ถามเช่นนั้น ก็เผลอทุบโต๊ะเสียงดังปึง จนหนิงหนิงที่ยืนอยู่ข้างกายถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นด้วยความสั่นกลัว และคิดว่านางไม่น่าถามเช่นนั้นออกไปเลย “ข้าไม่เข้าใจท่านพ่อเลยจริง ๆ ข้าแค่อยากจะกลับไปอยู่กับท่านตาและท่านยาย ทำไมท่านพ่อถึงไม่อนุญาตให้ข้าไป ในเมื่อท่านพ่อก็ไม่เคยต้องการข้าเสียหน่อย หรือกลัวจะเสียหน้าที่บุตรสาวไม่ดีอย่างข้าคอยแต่จะสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน” นางระบายออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “โถ! คุณหนู นายท่านคงมีเหตุผลบางอย่างก็ได้นะเจ้าคะ” หนิงหนิงที่ได้ฟังก็รู้สึกสงสารคุณหนูยิ่งนัก แม้คุณหนูจะดูร้ายกาจ แต่ลึก ๆ แล้วคุณหนูของนางก็ไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไป นางเพียงแค่ต้องการความรักจากบิดาเท่านั้น แต่ไฉนเลยใครจะเข้าใจ เมื่อรู้ตัวว่าตนไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของบิดา ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่ในยามนี้คุณหนูของนางได้เปลี่ยนไปแล้ว จากที่เคยเป็นคนเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจตัวเอง คุณหนูก็อารมณ์เย็นขึ้นกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก จนนางนึกภูมิใจในตัวคุณหนูยิ่งนัก เพียงแค่คิดก็น้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ “หึ ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยต่างหากเล่า ต่อให้พยายามมากแค่ไหน ข้าก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของท่านพ่ออยู่ดี” ดวงตาสีหมนเจือปนไปด้วยความเศร้า แต่เพียงแค่วูบเดียวก็กลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม วันเลี้ยงน้ำชาของฮองเฮา ลู่เหมยหลินถูกปลุกตั้งแต่ยามเฉิน (07.00-08.59) นางอิดออดอยู่นานกว่าจะยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำ และขัดตัวตามที่สาวใช้ได้จัดเตรียมไว้ให้ หลังจากอาบน้ำเสร็จนางก็ถูกจับมานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้หนิงหนิงและเหล่าสาวใช้คนอื่น ๆ จัดการไป ส่วนนางก็เอาแต่นั่งสัปหงกด้วยความง่วง กว่าจะแล้วเสร็จก็เล่นเอานางปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว นางไม่ได้อยากไปงานเลี้ยงนั้นเสียหน่อย งานเลี้ยงแบบนั้นมีแต่ความอิจฉาริษยาและชิงดีชิงเด่นกัน ไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีก็ล้วนใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น เห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน อีกอย่างสาเหตุที่นางไม่อยากไปที่นั้น ก็เพราะวันนี้คือวันที่นางจะต้องพบจุดจบที่น่าเศร้าอย่างไรล่ะ ตัวนางในอดีตนั้นล้วนโง่เขลานัก เป็นเพราะความรักที่ทำให้นางต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ แต่เพราะเป็นจดหมายเทียบเชิญจากฮองเฮาโดยตรง ทำให้นางไม่สามารถที่จะอ้างหรือปฏิเสธได้เลย “เฮ้อ!! ทำไมข้าต้องไปด้วย ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ” นางบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับบิดตัวไปมาเล็กน้อย หลังจากที่ต้องทนนั่งฟังเสียงเจ้ากี้เจ้าการของเหล่าสาวใช้ที่พากันดูตื่นเต้นและสนุกสนานสำหรับการที่จับนางแต่งตัว “คุณหนูของบ่าวช่างงดงามยิ่งนัก” หนิงหนิงเอ่ยปากชมคุณหนูของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม รวมไปถึงสาวใช้คนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเห็นคุณหนูของตนงดงามอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้มาก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD