บทที่ 1

1728 Words
บทที่ 1  "ข้าต้องการถอนหมั้นกับจ้า" สีหน้าของชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชานั้นเรียบเฉย เขามาพบนางเพื่อต้องการขอถอนหมั้นเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาและนางจะหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้รักนาง เพราะหัวใจของเขาได้ตกไปเป็นคนผู้อื่นไปเสียแล้ว “ไม่เพคะ หม่อมฉันจะไม่มีวันถอนหมั้นกับพระองค์เด็ดขาด หม่อมฉันรักพระองค์นะเพคะ” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ สั่นเครือ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้มีใจรักนางก็ตาม “แต่ข้าไม่ได้รักเจ้า และจะไม่มีวันรัก” เขาเอ่ยเสียงกดต่ำ แม้ภายในใจจะรู้สึกรำคาญนางมากเพียงใด แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ “เป็นเพราะหลินเหลียนใช่หรือไม่เพคะ พระองค์ทรงรักและอยากแต่งกับนางใช่หรือไม่เพคะ” นางพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่เขาด้วยแววตาที่ผิดหวังและเสียใจ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา หญิงสาวยิ้มเศร้า ‘ถึงเพียงนี้แล้ว เขาก็ยังคงปกป้องนาง’ “วันนี้เจ้าดูอารมณ์มิสู้ดีนัก ไว้ข้าจะมาคุยเรื่องนี้กับเจ้าใหม่ในวันหลัง” พูดจบเขาก็เดินหันหลังจากไป ไม่แม้แต่จะชายตาแลมองนางเสียด้วยซ้ำ “ท... ท่านอ๋อง อึก” จู่ ๆ หญิงสาวก็มีอาการแน่นและเจ็บหน้าอกขึ้น นางพยายามร้องเรียกตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนรัก แต่สติของนางกลับเลือนรางลงเต็มที ภาพสุดท้ายของนางคือเห็นชายคนรักเดินจับมือจากไปพร้อมกับสตรีนางหนึ่ง นางมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อม ๆ กับสติของนางที่ค่อย ๆ ดับวูบลง “คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจของใครคนหนึ่ง ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งฟื้นคืนสติถึงกับมึนงงและสับสน ใครกันคือคุณหนู “ปวดหัว” หญิงสาวกุมศีรษะเอาไว้แน่น นางรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด ก่อนที่ความทรงจำเก่า ๆ จะเริ่มไหลเวียนเข้ามาในความคิดของนางอย่างไม่ขาดสาย ในห้วงความคิดสุดท้ายของนาง นางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของใครอีกหลายคนดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก พร้อม ๆ กับสติของนางที่ดับวูบลงอีกครั้ง หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก กลิ่นยาสมุนไพรลอยเข้ามาเตะจมูก ทำให้นางเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอด “คุณหนูฟื้นแล้ว” เสียงสาวใช้คนเดิมที่เดินเข้ามาในห้องตอนแรกเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง ทำให้หญิงสาวต้องฝืนร่างกายที่ยังไม่หายดี ลุกขึ้นมาปลอบกันอยู่พักใหญ่ “เจ้าร้องไห้ทำไม ข้ายังมิตายเสียหน่อย” นางพูดติดตลกทำให้หนิงหนิงถึงกับชะงักค้างท่าทีที่แปลกไปของคุณหนูของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดข้าถึงได้มานอนเป็นผู้ป่วยเช่นนี้” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่นั่นกลับทำให้หนิงหนิงยิ่งตะลึงงัน ‘นี่คุณหนูจำเรื่องที่เกิดขึ้นเลยไม่ได้เลยหรือ “เอ้า ว่าไงล่ะ นี่ข้าถาม เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรหรือไง” นางเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่คนพวกนี้เอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามของนาง "คุณหนูเป็นลมเจ้าค่ะ สาเหตุเพราะท่านอ๋องต้องการขอถอนหมั้นกับคุณหนู" หนิงหนิงสาวใช้คนสนิทเป็นคนเอ่ยออกมาพลางก้มหน้ามองพื้นด้วยหัวใจอันสั่นไหว ด้วยกลัวว่าคุณหนูจะอาละวาดเหมือนเช่นทุกครั้ง "แล้วข้ายอมหรือไม่" "ไม่เจ้าค่ะ คุณหนูมิยอมถอนหมั้น" นางนิ่งเงียบพลางใช้ความคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมเหตุการณ์มันเหมือนกับนิยายเรื่องโปรดที่นางชอบอ่านเลยละ ‘เอ๊ะ หรือว่า...’ "เจ้าชื่ออะไร" "โถ!! คุณหนู บ่าวชื่อหนิงหนิงเจ้าคะ" "ทุกคนออกไปก่อน ข้าไม่ได้เป็นอันใดแล้ว" นางหันไปสั่งบ่าวไพร่คนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา "หนิงหนิง เจ้าอยู่ก่อน และไปนำคันฉ่องมาให้ข้าด้วย" นางมั่นใจแล้วว่าตัวเองได้ย้อนอดีตมาอยู่ในร่างของลู่เหมยหลิน จึงได้หันไปสั่งให้คนไปนำคันฉ่องมาให้นาง หนิงหนิงรับคำ ไม่นานนัก สาวใช้ก็นำคันฉ่องมาให้ตามที่สั่ง "ขอบใจมาก เจ้าไปเตรียมน้ำอาบให้ข้าที ข้าอยากอาบน้ำ" "เจ้าค่ะคุณหนู" แม้จะมีอาการมึนงงและตกใจที่คุณหนูของตนมีท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรมากนัก ตรงกันข้ามมันอาจจะดีเสียอีก ที่คุณหนูของนางเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น “อะไรกันเนี่ย!!” หญิงสาวสำรวจใบหน้าตัวเองอย่างตกตะลึง พลางยกมือลูบไล้ใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาดอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าใบหน้านี้จะเหมือนกับนางราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ก่อนที่นางจะนึกไปถึงกับพูดของเสียงปริศนานั้น ‘ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังอดีตที่เจ้าเคยจากมา เพื่อให้เจ้าได้กลับไปแก้ไขอดีตที่เคยผิดพลาดของตัวเจ้าอีกครั้ง นับจากนี้ไปชะตาชีวิตเป็นของเจ้าแล้ว’ “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” นางพึมพำออกมาเบา ๆ นี่นางย้อนเวลากลับมาอดีตของตัวเองอย่างนั้นหรือ ลู่เหมยหลินเป็นบุตรสาวคนรองที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ มีพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันหนึ่งคน เป็นรอง แม่ทัพประจำการอยู่ชายแดน และนางยังมีน้องสาวร่วมบิดาเดียวกันอีกสองคน ทั้งสองล้วนเป็นคนโปรดของบิดา มีเพียงนางที่บิดาไม่เคยเหลียวแล ซ้ำร้ายยังถูกเหล่าอนุภรรยาของบิดากลั่นแกล้งทุกครั้งที่มีโอกาส ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก เหตุใดบิดาถึงได้ใจดำขนาดนี้ "คุณหนู บ่าวเตรียมน้ำไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ" เสียงเรียกจากสาวใช้ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว เดี๋ยวข้าอาบเอง พวกเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถิด” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นอ่อนลงกว่าแต่ก่อน สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าสาวใช้มากขึ้นไปอีก เพราะโดยปกติแล้วคุณหนูไม่เคยพูดจาน่าฟังเช่นนี้มาก่อน ‘หรือว่าคุณหนูจะสะเทือนใจเรื่องของท่านอ๋องจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว’ นางเหมือนจะรู้ทันความคิดของสาวใช้ ที่มองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จึงกล่าวว่า “ข้ามิได้สติฟั่นเฟือนอย่างที่พวกเจ้าคิดหรอก ข้าเพียงแค่ตาสว่างขึ้นก็เท่านั้น หรือข้ามีนิสัยที่ดูอ่อนลง พวกเจ้าเลยไม่ชอบใช่หรือไม่?” “ม... ไม่เจ้าค่ะ คุณหนูเป็นแบบนี้ นับว่าเป็นบุญของพวกบ่าวแล้วเจ้าค่ะ” หนิงหนิงอีกเอ่ยตอบ เพราะกลัวว่าหากตอบช้ากว่านี้ คุณหนูของนางอาจจะเปลี่ยนใจ “ถ้าเช่นนั้นก็เลิกสงสัยแล้วแยกย้ายไปทำงานกันได้แล้ว” เมื่อทุกคนออกไปจากห้องจนหมด นางจึงเดินเข้าไปที่ด้านหลังฉากกั้น ก่อนจะค่อย ๆ ถอดชุดที่สวมใส่ออก พร้อมกับก้าวขาเรียวยาวลงอ่างอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่หลายส่วน หลังจากอาบน้ำเสร็จ นางก็ให้สาวใช้ข้างกายเป็นคนช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ วันนี้นางเลือกใส่ชุดสีฟ้าอ่อน ก่อนจะเดินมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีหนิงหนิงเป็นผู้ลงมือประทินโฉมให้ "เจ้าแต่งให้ข้าแบบธรรมดา ๆ พอ ไม่ต้องแต่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" หนิงหนิงชะงักมือลงแต่ก็ทำยอมตามที่คุณหนูสั่ง ถึงแม้ว่าจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ลู่เหมยหลินมองดูใบหน้าของตัวเองผ่านกระจกอย่างนึกชื่นชม นางไม่คิดว่าสาวใช้ข้างกายจะแต่งหน้าให้นางงดงามถึงเพียงนี้ "คุณหนูช่างงดงามยิ่งนัก" หนิงหนิงเอ่ยปากชมไม่หยุด นางเพียงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เป็นเพราะเจ้าแต่งหน้าให้ข้า ข้าถึงได้งดงามเช่นนี้อย่างไรเล่า” เพียงแค่นั้นก็ทำให้หนิงหนิงถึงกับยิ้มไม่หุบ กับคำชมที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากผู้เป็นนาย หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง ถึงเวลาที่นางจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่เสียที ก่อนอื่นนางคงจะต้องถอนหมั้นกับท่านอ๋องผู้นั้นเสีย เพื่อเป็นการยืนยันว่านางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขาอีกต่อไป ส่วนเขาจะไปรักกับใครนั้นก็สุดแล้วแต่ใจของเขาจะต้องการ ส่วนนางเองก็มีสิ่งที่อยากจะทำอยู่เช่นเดียวกัน นางมีความฝันอยู่หลายอย่าง แต่ละอย่างนั้นล้วนไม่มีสตรีนางใดกล้าทำ แต่แล้วความฝันของนางจำต้องหยุดลง เมื่อนางได้พบกับท่านอ๋องหลวนหลง บุรุษที่นางหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ในอดีตนั้นนางยอมทำทุกอย่างก็เพื่อเขา ยอมละทิ้งความฝัน เพื่อจะได้เป็นสตรีที่เพียบพร้อมและงดงามในสายตาของเขา แต่สุดท้ายแล้วเขากลับละทิ้งนางไปรักกับสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของนาง เช่นนี้จะไม่ให้นางร้ายได้อย่างไร แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังไม่เห็นคุณค่าในความรักที่นางมีให้ นับจากนี้ไป นางคือลู่เหมยหลิน ถ้านางจำต้องร้าย นางก็จะขอร้ายอย่างมีสมอง ความโง่เขลาในอดีต คือเครื่องหมายเตือนใจว่านางจะไม่มีวันทำผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง “เอาล่ะ... ข้าจะไปพบท่านพ่อเสียหน่อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD