บทที่ 1 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

1686 Words
ช่วงเวลาชีวิตที่หายไป กำลังจะได้คืน...สี่ปีที่เลือนหาย ผูกพันธะไว้กับผู้ชายที่ไม่เคยแม้นแต่จะเห็นเธออยู่ในสายตา เจ้าของดวงตากลมโตที่กำลังเพ่งมองแหวนเพชรเม็ดโตนั้นกำลังรู้สึกใจหาย เธอไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้เลยตั้งแต่แต่งงานกันมา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว้าเหว่ หัวใจโหวง ๆ อย่างไรชอบกล “ไม่หรอก” ใบหน้าเล็กส่ายเบา ๆ ไม่มีใครรักคนที่ไม่ได้รัก แถมยังใจร้ายใส่กันสารพัดได้อย่างลงคอ มีแต่คนโง่งมคิดไม่เป็นเท่านั้นแหละที่รู้สึกอย่างนั้นได้ อิงลดาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เหลือเพียงหนึ่งปีเท่านั้นที่จะหมดสัญญาตามที่ผู้มีพระคุณเขียนไว้ก่อนตายจาก เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอสามารถตอบแทนคุณได้ เวลาห้าปีตามกำหนดนั้นน้อยนิดมากหากเทียบกับยี่สิบกว่าปีที่ท่านเลี้ยงดูมาเหมือนกับลูกคนหนึ่ง อิงลดาไม่เสียดายเวลาสักนิดที่ได้ทำตามประสงค์ของคุณอาพิสุทธิ์ ...อิงลดาเดินออกมาหน้าบ้านอีกครั้ง วันนี้เป็นวันอาทิตย์เธอไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน หญิงสาวไม่มีงานทำด้วยความที่สามีในนามไม่ให้เธอทำอะไร แม้แต่งานบ้านที่เธออยากทำแต่อีกฝ่ายกลับกลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าตนใช้ภรรยาทำงานบ้าน เขาไม่ได้รู้สึกว่าเธอเป็นภรรยาเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่กลัวคนมองไม่ดีแค่นั้น ...ทว่าพอเดินออกมาก็พบกับร่างหนาของคนเป็นสามีที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เป็นเรื่องเคยชินที่เห็นเขาคุยกับแฟนสาว แม้นว่าตนนั้นจะแต่งงานแล้ว แต่พันธดนย์ก็ไม่ได้เลิกรากับผู้หญิงที่คบกันมานานก่อนจะแต่งงาน เขาไม่ได้นอกใจ ไม่ได้นอกกาย แม้นจะถือทะเบียนสมรสแต่สาวเจ้าก็เป็นคนนอกหัวใจของเขาอยู่ดี “คุณผู้หญิงวันนี้อยากทานอะไรคะ” เสียงของป้าปิ่นทำให้เจ้าของร่างบางสะดุ้งโหยง อิงลดายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก ส่งสัญญาณไม่ให้ป้าแม่บ้านเสียงดัง เกรงว่าคนเป็นสามีจะรู้ว่าเธอมาแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ “เอ่อ...ป้าขอโทษค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเดินตามหลังป้าแม่บ้านเข้าไปในครัว ซึ่งที่นี่มีแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ คนรับใช้อยู่หลายคน แต่ว่ามีแค่ป้าปิ่นที่เธอไว้ใจคุยได้ทุกเรื่องยามไม่สบายใจ “ว่าแต่คุณผู้หญิงยังไม่ตอบเลยนะคะว่าจะกินอะไรเย็นนี้ ป้าจะได้เตรียมของค่ะ” “อืม...แล้วเขาอยากกินอะไรคะ” “หมายถึงคุณดนย์ใช่ไหมคะ คุณดนย์บอกป้าว่าน่าจะออกไปกินข้าวข้างนอกค่ะ...น่าจะไปกับคุณนิสานะคะ” ประโยคหลังป้าปิ่นยกมือขึ้นป้องปาก เกรงว่าคุณผู้ชายจะเข้ามาได้ยิน “ชิ...ไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวก็ยังไปด้วยกันอีก ห่างกันไม่ได้เลยมั้ง” เธอว่าน้ำเสียงประชดประชัน ทำเอาปิ่นฉัตรหัวเราะด้วยความเอ็นดู แม้นว่าอิงลดาจะปากแข็งว่าไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้ชายที่แต่งงานด้วย แต่สำหรับบุคคลภายนอกที่มองมานั้น...ใครต่างก็รู้ว่าอิงลดานั้นคิดอะไรกับพันธดนย์ “ป้าว่าถาคุณผู้หญิงรู้สึกอะไรกับคุณผู้ชาย...ก็บอกไปตรง ๆ ดีกว่าค่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่หนึ่งปี...ระวังมันจะสายเกินไปนะคะ” เธอขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่ป้าปิ่นพูด แต่แล้ว “คุณอิงรักคุณดนย์นี่คะ” “ระรัก...บะบ้า หนูไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นสักหน่อย” เธอส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน ใบหน้าเล็กส่ายแรง ๆ จนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “หึ ป้าแก่แล้ว...ดูออกนะคะ” “ไม่ใช่สักหน่อย ป้าปิ่นไม่เอาไม่พูดอย่างนี้สิคะ” เธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก อิงลดาไม่อยากให้ตนรู้สึกอย่างนั้นกับผู้ชายที่ไม่เคยสนใจเธอเลย เขาไม่ได้รักเธอ ใจร้าย แล้วทำไมเธอต้องไปรักเขาด้วย “ก็อย่างว่าแหละค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก...แต่งงานกันอยู่ใกล้กันมากขึ้น ไม่หลงรักก็คงผูกพันมาก ป้าเข้าใจนะคะ” เพราะไอ้คำว่าอยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็รักกันเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุของพินัยกรรมฉบับนั้น เธอเก็บเงียบไม่ได้ตอบอะไรปิ่นฉัตรไป ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย เป็นความรู้สึกใจหายหลังจากที่รู้ว่าวันนี้เข้าปีที่ห้าแล้ว เหลือเพียงแค่สิบสองเดือนทุกอย่างก็จบลง “งั้นป้าทำเมนูที่คุณผู้หญิงชอบนะคะ แก้มส้มชะอมเนอะ” “หนูไม่ค่อยหิวเท่าไรเลยค่ะ” “หือ?” “เอ่อ เอาเป็นแกงส้มชะอมก็ได้ค่ะ กินเวลานี้น่าจะย่อยง่ายก่อนนอนเนอะ” หญิงสาวไม่อยากให้ปิ่นฉัตรรับรู้ว่าเธอเองก็กำลังเก็บเอาคำพูดเมื่อครู่ไปคิด หรือว่าตนกำลังรู้สึกอย่างนั้นกับเขาแล้วจริง ๆ ...อิงลดาเดินออกจากห้องครัว เธอเดินกลับทางเดิมเผื่อไปได้ยินเขาคุยอะไรกับแฟนของเขา แต่กลับไม่พบร่างของเขาแล้ว พอหันไปมองที่โรงจอดรถ รถคันโปรดของเขาก็ไม่อยู่อีกด้วย “วันครบรอบแต่งงานแล้วแท้ ๆ” เธอส่ายหน้าเบา ๆ ยอมรับในอกว่ารู้สึกน้อยใจ วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานสี่ปี อีกหนึ่งปีจะครบกำหนดสัญญาแล้ว ปกติเธอเองก็ไม่ได้สนใจนักหรอกว่าเขาจะไปไหน นั่งนับวันรอหมดสัญญาเสียด้วยซ้ำ อยากให้ครบกำหนดตามสัญญา เธอจะได้เป็นอิสระเสียที ทว่าเวลานี้...ความรู้สึกมันกลับเปลี่ยนไป ร้านอาหารบนดาดฟ้าหรือที่หลายคนเรียกว่ารูฟท็อปบาร์ แสงสีเสียงของเมืองกรุงนั้นล่อตาล่อใจให้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันไม่หยุด นิสา...สาวสวยสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคนนี้ ดีกรีจบจากมหาลัยชั้นนำของประเทศ เธอไร้ที่ติ ทั้งการศึกษา หน้าที่การงาน มีแค่สิ่งเดียวที่ไม่เป็นดั่งใจ ผู้ชายที่นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเธอนี่เอง “พี่จะย้ายออกหรือว่าพี่จะให้นิสาย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นคะ บอกตรง ๆ นะคะ ว่านิสาอยากซื้อบ้านใหม่ อยากอยู่บ้านโมเดิร์นค่ะ” เธอว่าน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ออดอ้อนแฟนหนุ่มสุดฤทธิ์ “เอางั้นเหรอ...ถ้าจะซื้อบ้านใหม่ บ้านหลังนี้ก็อาจจะไม่มีคนอยู่ เดี๋ยวพี่ให้อิงอยู่ก็แล้วกัน” “อิง? หมายความว่าพี่จะยกบ้านให้อิงเหรอคะ” เธอตาโต บ้านหลังนั้นมูลค่าสูงจนประเมินราคาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่เขากลับจะยกให้เด็กเหลือขอคนนั้น “ยังไงอิงก็ควรได้รับสิ่งนั้น” เขาไม่ได้อยากเอาเปรียบหล่อน อิงลดาเสียเวลาและโอกาสเพียงเพราะพินัยกรรมบ้าบอของผู้เป็นพ่อ “แต่...นิสาไม่เห็นด้วยหรอกนะคะ บ้านหลังนั้นขายน่าจะได้เงินเยอะ” “ขายไม่ได้หรอก พี่ทำใจขายไม่ได้ บ้านหลังนั้นเป็นความทรงจำของครอบครัวพี่” ว่าเสียงอ่อน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่นั้นเขาไม่เคยลืม “ถ้าไม่ขายก็อย่ายกให้อิงลดาค่ะ อิงแย่งทุกอย่างไปจากนิสานะ ทั้งพี่...แล้วพี่ยังจะให้บ้านหลังนั้นอยู่อีกเหรอคะ” เธอว่าน้ำเสียงไม่พอใจ “ไม่ใช่ยกให้ ให้อาศัยอยู่เฉย ๆ ไง ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นบ้านร้าง...” หากไม่มีคนอยู่บ้านก็ไม่ต่างจากบ้านร้าง พันธดนย์อยากมาดินเนอร์ชิลล์ ๆ กับเจ้าหล่อน แต่เธอกลับเข้าประเด็นซีเรียส ด้วยความที่สัญญาการแต่งงานของเขากับอิงลดาจะจบลงในปีนี้ ทำให้นิสาอยากวางแผนชีวิตหลังจากนี้ โดยการให้เขาซื้อบ้านหลังใหม่เพื่อสร้างครอบครัวกับเธอ “เฮ้อ...ถ้าพี่คิดงั้นก็เอางั้นก็ได้” ว่าพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอกอย่างคนงอน ๆ “อย่างอนพี่เลยคนดี กินข้าวกันเถอะ” เธอหน้ามุ่ยใส่เขาไปหนึ่งที คบกันมานาน เขาขอไปแต่งงานตามพินัยกรรมก็ยอม เสียเวลาสร้างครอบครัวไปไม่ใช่น้อย แต่ก็เป็นการรอที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว เพราะการแต่งงานคราวนี้ของเขากับอิงลดา แลกมากับมรดกหมื่นล้าน แล้วทำไมเธอจะไม่ยอมเล่า... ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมานั่งรอใครคนนั้นกลับบ้าน ความรู้สึกใจหายที่เกิดขึ้นกับใจนี้สลัดอย่างไรก็ไม่พ้น มันสลักจิตอยู่ในจิตใจ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่ง่ายที่จะปฏิเสธมัน อิงลดานั่งอยู่ที่ซุ้มม้านั่งหน้าบ้าน ทางด้านหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์ เกี่ยวพันรั้วบ้านให้ความสดชื่นสดใส ทำให้บ้านไม้เก่านั้นไม่น่ากลัวอย่างที่ควรจะเป็น “เฮ้อ...มานั่งทำไมตรงนี้เนี่ย” เธอยกมือขึ้นยีผมตัวเอง จนผมยาวสีน้ำตาลกระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิงพันกันเหมือนกับหัวใจที่กำลังว้าวุ่นอย่างหนัก หญิงสาวชะเง้อชะแง้แลหารถของเขา ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้เขาอาจจะไปพักกับแฟนสาวของเขา หากว่าอีกฝ่ายหายไปก็จะเป็นอย่างนั้น แต่เธอคาดหวังอะไรอยู่ แต่แล้ว “เอะ...” เธอดีดตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์คุ้นหู ร่างบางหันซ้ายแลขวาทำตัวไม่ถูก จะวิ่งกลับเข้าบ้านแล้วทำเป็นเดินออกมา หรือจะทำเป็นนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายมองเห็นเธอผ่านกระจกติดฟิล์มสีดำนี้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD