ตอนที่ 7... มอคค่าเย็น

3053 Words
“อ้าว! พี่วิน วันนี้ไม่ไปไซต์งานเหรอพี่” “ไป แต่ไปตอนบ่าย ทำไมวะ กูแวะเข้าออฟฟิศบ้างไม่ได้เหรอ มึงนี่ถามเหมือนไอ้นัททุกคำเลย” กวินเงยหน้ามาถามธนพล รุ่นน้องในบริษัทที่กว่าจะเข้าออฟฟิศได้ก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว “ได้สิครับพี่ แล้วพี่เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าคุมงานหลายสิบล้านเลยเหรอ” เพราะต่างคนต่างมีงานที่ต้องดูแล การได้มานั่งทำงานในห้องแอร์พร้อมหน้ากันจึงเป็นไปได้ยาก “สิบล้านนิด ๆ ถ้าหลายสิบล้านคงรวมค่าที่ด้วยมั้ง” “โอ้โห บ้านใครอะพี่ รวยจัง นี่ผมจะกู้เงินซื้อคอนโดสามล้าน ยังคิดแล้วคิดอีก กลัวไม่มีเงินผ่อน” “มึงไม่รู้ว่าบ้านใครเหรอวะพล” กวินถามด้วยความแปลกใจ เพราะเจ้าของบ้านนั้นดังระดับประเทศ “ไอ้พลมันไม่รู้หรอกพี่วิน บ้านมันไม่มีทีวี” คราวนี้เป็นเป็นณัฐวุฒิที่หันมาตอบ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับทีวีบ้านกูวะ บ้านนายกเหรอ?” “นายกบ้านมึงสิ บ้านลิน ลลิสาเว้ย!” “ลิน ลลิสา! นางเอกที่สวย ๆ ใช่ไหม เฮ้ย! ไอ้วุฒิ มึงพูดจริงไหมเนี่ย พี่วิน มันโกหกหรือเปล่า” “ก็ตามนั้นแหละ” กวินตอบแบบไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงานต่อ “มึงตกใจแค่นี้ยังน้อยไป ถ้ามึงรู้ว่าคุณภูมิตัดราคาบริษัทอื่นไปห้าแสน มึงจะตกใจจนพูดอะไรไม่ออก” “ห้าแสน...” ธนพลอึ้งจนพูดได้แค่นี้จริง ๆ “คุณภูมิให้ฝ่ายบัญชีทำใบเสนอราคาที่ถูกกว่าราคาจริงห้าแสน แล้วห้าแสนที่ขาดไป คุณภูมิควักเงินตัวเองจ่ายให้บริษัท เพื่อจะได้สร้างบ้านให้ลิน ลลิสา” “มึงพูดจริงเหรอวะ ห้าแสนเลยนะเว้ย” “จริงสิ เขาพูดกันทั้งฝ่ายบัญชี แต่หุ้นส่วนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะสุดท้ายเงินห้าแสนก็ไม่ได้หายไปไหน” “ลงทุนมาก ลงทุนเชี่ย ๆ แล้วตัวจริงสวยมากไหมพี่วิน ขาวโบ๊ะแบบในทีวีเลยหรือเปล่า” “กูไม่ได้ดูทีวี กูไม่รู้ว่าในทีวีเขาขาวแบบไหน” คำตอบที่ไร้อารมณ์ร่วมของกวิน ทำให้ธนพลหันไปคุยกับณัฐพลต่อ “แล้วคุณภูมิกับลิน ลลิสาเป็นแฟนกันเหรอวะไอ้นัท” “ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นหรือเปล่า แต่แฟนกูเคยเล่าให้ฟังว่าลิน ลลิสาให้สัมภาษณ์ว่าคุณภูมิกำลังจีบอยู่ ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ไปถามพี่วิน พี่คุมงานนี้มาสามเดือนแล้วใช่ไหมพี่วิน” “เกือบสามเดือนแล้ว แต่กูไม่รู้นะว่าเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า กูไปทำงาน กูไม่ได้ไปเสือก” “จบข่าว” ธนพลปิดการสนทนาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พี่ชายคนนี้ก็ไม่พูดเรื่องของคนอื่นอีกตามเคย “เออ! อย่าเสือกมากสิไอ้พล” “มึงนั่นแหละตัวดีไอ้นัท” ธนพลเดินไปหมายจะตบหัวเพื่อน แต่ก็เปลี่ยนใจเอามือเสยผมแทน “แล้วคุณภูมิเขาไปไหนวะ” กวินคุ้น ๆ ว่าเขาไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ แต่ต้องการความแน่ใจ เพราะอยู่ ๆ ก็คิดถึงเรื่องที่เคยแอบพา ลลิสาไปร้านวัสดุก่อสร้างและลืมเธอไว้ที่ร้านกาแฟ “ไปงานสัมมนาอะไรสักอย่างที่อังกฤษนี่แหละพี่ ทำงานเสร็จก็แวะไปดูบอล ชีวิตแม่งโคตรดี” “มึงรู้ได้ไงว่าเขาไปดูบอลด้วย” “ก็ผมติดตามอินสตาแกรมเขาอยู่ สองวันก่อนเห็นไปดูศึกแดงเดือดด้วย” ไม่รอช้า คนพูดก็เหมือนจะอ่านใจกวินออก เขาเลื่อนเก้าอี้มาหา พร้อมกับเปิดรูปภาพให้ดู ในแอปพลิเคชันนั้นแสดงรูปภูมิภัทรถ่ายรูปกับนักธุรกิจหลากหลายสัญชาติ และรูปล่าสุดคือรูปที่เขาถ่ายบรรยากาศในสนามฟุตบอล “แล้วเขาจะกลับวันไหน” “คงจะวันนี้ ไม่ก็พรุ่งนี้ละมั้งพี่ วันมะรืนมีประชุมประจำเดือน คุณภูมิไม่เคยพลาดอยู่แล้ว” “กูไปละ” “อ้าว! จะไปแล้วเหรอพี่ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ อีกไม่กี่นาทีก็พักเที่ยงแล้วเนี่ย” “กูรีบ” กวินตอบเสร็จก็โบกมือลาทั้งธนพลและณัฐวุฒิ เขาเดินออกมาจากออฟฟิศ หยุดคิดเรื่องเงินห้าแสนบาทไม่ได้ว่ามันถือว่าเป็นการทุจริตหรือเปล่า แต่ถ้าหุ้นส่วนของบริษัทไม่ว่าอะไร นั่นคงแปลว่าทุกคนมีส่วนช่วยให้ภูมิภัทรได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลลิสา สงสัยคนรวยเขาจีบผู้หญิงกันแบบนี้ละมั้ง ว่าแล้วเขาก็นึกไปถึงคนที่เขามีนัดตอนบ่ายโมงครึ่งที่ร้านวัสดุก่อสร้างว่าเธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า เธอไม่คิดสงสัยบ้างเลยเหรอว่าทำไมบริษัทของภูมิภัทรถึงประเมินราคาการก่อสร้างถูกกว่าบริษัทอื่นขนาดนี้ “คุณวิน” ลลิสาเคาะกระจกรถเขาเบา ๆ เธอมาถึงร้านวัสดุก่อสร้างก่อนเขาไม่กี่นาที เธอกำลังจะเดินไปรอที่หน้าร้านก็เห็นรถเขาเลี้ยวเข้ามา จึงเดินมาหาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องโทรศัพท์ตามเธอให้เสียเวลา “สวัสดีค่ะ” เสียงสดใสเอ่ยทักทายเมื่อเขาก้าวลงจากรถ “ครับ” กวินตอบสั้น ๆ มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา นี่เธอลืมหรือเปล่าว่าเมื่อวานตอนเย็น เธอกับเขายังพูดจากวนประสาทกันอยู่เลย แล้ววันนี้เป็นอะไร ยืนยิ้มให้เขาเหมือนคนอารมณ์ดีเกินเหตุ “ไปค่ะ คุณนำทางเลย” “เมื่อเช้าคุณกินอะไรมา” “ข้าวผัดกับต้มยำกุ้งที่เหลือจากเมื่อคืน ทำไมเหรอคะ” “ผมคิดว่าคุณไปดูดก***ามา” “อ๋อ วันนี้ฉันอารมณ์ดีมาก ฉันได้นอนเต็มอิ่มในรอบสองอาทิตย์ เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรทำให้ฉันอารมณ์เสียได้แน่นอน” “แล้วถ้าผมจับได้ว่าคุณโกหกเรื่องต้มยำกุ้งล่ะ คุณจะอารมณ์เสียหรือเปล่า ผมรู้นะว่าเมื่อวานคุณตั้งใจซื้อมาฝากผม ไม่ได้เสียสละของตัวเอง” “คุณรู้ด้วยเหรอ!” “ไม่รู้มั้ง” กวินประชดเบา ๆ ตลกที่เธอไม่กล้าสู้หน้า รอยยิ้มสดใสเหลือไว้เพียงความสลด “ไปซื้อของสิคะ รอเจ้าภาพมาติดริบบิ้นเหรอ” ลลิสาเดินหนีความอับอาย ถูกจับได้ว่ามีน้ำใจให้ศัตรู ดูไม่โหดเหี้ยมเอาซะเลย กวินหัวเราะเบา ๆ มองตามคุณดาราที่เดินผ่านแสงแดดเปรี้ยงไปที่หน้าร้าน เขาเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่าแขนและมือที่ถูกยกขึ้นมาบังแดดนั้นสะท้อนกับแสงแดด สงสัยที่ธนพลถามว่าเธอขาวโบ๊ะหรือเปล่า เขาคงจะได้คำตอบแล้วล่ะว่าเธอน่ะขาวโบ๊ะ (ถ้าขาวโบ๊ะแปลว่าขาวมากอะนะ) “กว่าจะเดินมาถึง ฉันเกือบจะเรียกแท็กซี่ให้ไปรับแล้วนะคะ” “เรียกไปก็เท่านั้นครับ เขาเอารถไปเติมแก๊สกันหมด” กวินพูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปากส่งให้เธอ คิดว่าจะพูดกวนเขาได้คนเดียวหรือไง กวนมา กวนกลับ ยุติธรรมดีครับ “กวน...” ลลิสามองค้อนเขาที่เดินผ่านเธอไปแล้ว เธอเดินตามเขาเงียบ ๆ ทิ้งระยะห่างให้เขาได้ทำงานอย่างสบายใจ ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอมาสร้างความกดดัน เธอแค่อยากมาเห็นส่วนประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้านของเธอ ส่วนเรื่องคุณภาพของวัสดุ เธอมั่นใจว่าเขาเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้กับบ้านเธออยู่แล้ว “พนักงานบอกว่าโซนกระเบื้องอยู่ทางโน้น” กวินบอกเธอหลังจากงานสำคัญเสร็จเรียบร้อย และเขาก็ไม่ลืมสัญญาที่ให้กับเธอด้วย “คุณคิดว่าฉันดูกระเบื้องเร็วไปหรือเปล่า” “ก็เร็วไปนะครับ เพราะงานกระเบื้องเป็นขั้นตอนท้าย ๆ ของการก่อสร้างเลย” “อ้าว” คนฟังทำหน้าเซ็ง เธอตื่นตูมเกินไปสินะ “คุณคิดไว้หรือยังครับ ว่าจะตกแต่งบ้านให้เป็นสไตล์ไหน” “ก็คิด ๆ ไว้แล้วนะคะ แต่คุณปรางบอกว่าให้บ้านเสร็จสักเจ็ดเปอร์เซ็น ค่อยเรียกอินทีเรียดีไซน์มาคุยเรื่องรายละเอียดก็ได้” “ถูกอย่างที่สถาปนิกของคุณพูดนั่นแหละ จะตกแต่งภายในต้องดูพื้นที่อย่างละเอียด” “งั้นเดี๋ยวฉันค่อยมาดูก็ได้ มันไม่ต้องรีบนิ” “ดูก็ได้นะ คุณอาจจะไอเดียไปตกแต่งบ้าน” “จริงเหรอ” “จริงสิ เผื่อว่าคุณเจอกระเบื้องที่ชอบมาก ๆ คุณจะได้ออกแบบบ้านทั้งหลังให้เข้ากับกระเบื้องพวกนั้นไง” “ได้เหรอคุณ ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ” “ได้สิ ก็เหมือนกับเวลาคุณอยากสะพายกระเป๋าที่ซื้อมาใหม่ คุณก็ต้องหาเสื้อกับกางเกงมาใส่ให้เข้าชุดกับกระเป๋า” “ฉันว่าไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกันเท่าไหร่ แต่ฉันก็จะเดินดูกระเบื้องสักหน่อยแล้วกัน ไหน ๆ วันนี้ฉันก็ว่างแล้ว” “เชิญเลยครับ” กวินผายมือให้เธอเดินไปซ้าย แต่คุณดารากลับเดินเลี้ยวไปทางขวา เขาเลยปล่อยให้เธอไปทางที่เธออยากไป เดี๋ยวค่อยพาอ้อมกลับไปที่แผนกกระเบื้องแล้วกัน ยังไงมันก็อยู่นั้นร้าน ถ้าจะหลงทิศทางไปบ้าง ก็คงไม่เสียเวลาเท่าลืมเธอไว้ที่ร้านกาแฟหรอก “น้องลิน” ภูมิภัทรลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นรถของลลิสาขับเข้ามาในบ้านหลังใหม่ของเธอ ทันทีที่ถึงประเทศไทย เขาก็พุ่งตรงมาที่นี่ เพราะคิดถึงเธอใจจะขาด เวลาที่ต้องไปทำงานที่ประเทศอังกฤษนั้นยืนยันความรู้สึกของตัวเองได้ดี ว่าเขาคิดกับเธอเช่นไร แม้กระทั่งตอนไปนั่งเชียร์ฟุตบอลทีมโปรดกับคู่แข่งตลอดกาล เขายังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ ใจมันเผลอคิดถึงคนที่อยู่อีกซีกโลกว่ากำลังทำอะไร ทำงานหนักหรือเปล่า เวลามาดูงานที่บ้านหลังใหม่ คงจะเดินตากแดดเหมือนเดิมใช่ไหม แล้วเมื่อไหร่กันที่เธอจะตอบข้อความที่เขาส่งไปถามไถ่ความเป็นไป เขากลัวว่าเธอจะลืมเขา ลำพังแค่อยู่ประเทศเดียวกัน เธอยังไม่ค่อยคุยกับด้วยสักเท่าไหร่ หลายเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจึงแทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แม้แต่เธอคุยโทรศัพท์กับเขาเกินสิบห้านาทียังเกิดขึ้นแค่ครึ่งเดียว เรื่องไปกินข้าวด้วยกันสองต่อสองคงไม่เกิดขึ้นแน่ ถ้าเขาไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง “คุณภูมิคงจะคิดถึงแฟนมากนะครับ” เอกสิทธิ์ถามความเห็นกวิน แววตาของภูมิภัทรนั้นมีประกายของความสุข ต่างจากตอนที่มาคุยงานกับเขาและกวินเมื่อสิบนาทีก่อนอย่างเห็นได้ชัด “ไปทำงานเถอะพี่” วิศวกรหนุ่มว่าจบก็หยิบหมวกนิรภัยมาใส่ ก่อนจะเดินตรงไปทำงานของตัวเอง เขาพอจะดูออกว่าภูมิภัทรกับลลิสายังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องแสดงความคิดเห็นให้ใครฟัง “น้องลิน” ภูมิภัทรส่งยิ้มให้ลลิสาด้วยความดีใจ วันนี้คนที่เขาคิดถึงน่ารักเป็นพิเศษ เพราะใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ เผยให้เห็นความสวยแสนธรรมชาติ เพราะเธอไม่เคยผ่านการศัลยกรรมใด ๆ “สวัสดีค่ะ” ลลิสาทักทายเขากลับ จำไม่ได้แล้วว่าเขาบอกว่าจะกลับจากอังกฤษตอนไหน ใช่วันนี้หรอกเหรอ แต่ก็ใช่แล้วนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ “มาครับ พี่ช่วยถือ” เขายื่นมือไปช่วยรับเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่เธอซื้อมาหลายแก้ว “ขอบคุณค่ะ ถุงสุดท้ายลินถือเองค่ะ พี่ภูมิถือเต็มมือแล้ว” “ขอบคุณครับ” คนกำลังหลงใหลเข้าใจว่าเธอเป็นห่วง แต่สำหรับลลิสา เธอกลัวเขาถือไม่ไหวแล้วทำหล่นลงพื้น จนคนงานจะอดกินกันพอดี “วันนี้ไม่มีงานเหรอครับ” “จริง ๆ ก็มีค่ะ เรียนร้องเพลงเมื่อเช้า ตอนบ่ายเลยว่าง” “แล้วน้องลินจะอยู่ที่นี่นานไหมครับ” “ก็อยู่จนพี่ ๆ คนงานเขากลับบ้านค่ะ อีกสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว” “แล้วเย็นนี้น้องลินจะไปไหนต่อครับ มีธุระอะไรต้องไปทำหรือเปล่า” “จะชวนลินไปไหนเหรอคะ” ลลิสาเงยหน้ามาถามเขา หลังจากน้ำทั้งหมดถูกวางไว้บนโต๊ะ “พี่อยากชวนน้องลินไปทานข้าวเย็น น้องลินสะดวกไหมครับ” “สะดวกค่ะ แต่หนึ่งทุ่มลินต้องกลับแล้วนะคะ พรุ่งนี้ลินต้องไปถ่ายรายการแต่เช้า” “ได้ครับ ขอบคุณนะครับที่ไม่ปฏิเสธ” “ลินอยากได้ของฝากจากอังกฤษค่ะ ถ้าไม่ไปกินข้าวด้วย เดี๋ยวพี่ภูมิไม่ให้” เธอดูออกว่าการแต่งตัวของเขา คงเพิ่งมาจากสนามบิน และเธอก็ปฏิเสธคำชวนของเขาหลายครั้ง จนไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้ว “น้องลินอยากทานอะไรครับ” “เดี๋ยวลินขอคิดก่อนนะคะ พี่ภูมิคะ” จากคุยกับเขาสบาย ๆ ลลิสาก็เปลี่ยนเป็นหน้าเครียดซะจนคนฟังต้องรีบเก็บความดีใจเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ภูมิภัทรภาวนา ขออย่าให้เธอเพิ่งนึกได้เลยนะว่าเย็นนี้ต้องไปทำงาน จนเธอต้องปฏิเสธเขาอีกครั้ง “ลินไม่รู้ว่าพี่ภูมิจะมาที่นี่ ลินเลยไม่ได้ซื้อน้ำมาฝากพี่ภูมิด้วย แต่ถ้าพี่ภูมิชอบกินชาเขียว ลินยกของลินให้ค่ะ” “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ พี่มีของพี่แล้วค่ะ” เขาชี้ไปที่แก้วกาแฟร้อน ซึ่งวางไว้อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ “พี่ภูมิพูดว่าค่ะเหรอคะ” ลลิสาทวนคำพูดของเขา “ใช่ครับ พี่พูดว่าค่ะ อยากรู้ว่าน้องลินจะชอบให้พี่พูดแบบนี้หรือเปล่า” เขาบอกเธอตามตรง เคยได้ยินมาว่าผู้หญิงบางส่วนชอบให้ผู้ชายพูดจาคะ ๆ ขา ๆ ด้วย แต่จากปฏิกิริยาของเธอเมื่อครู่ เธอน่าจะจัดอยู่ในประเภทผู้หญิงที่ไม่ชอบซะมากกว่า “พูดแบบที่พี่ภูมิถนัดเถอะค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก” ลลิสาไม่อยากให้เขาต้องฝืนทำอะไรที่ลำบากใจ เป็นตัวของเขาเองน่ะดีที่สุดแล้ว ถ้าเธอจะชอบเขา เธอก็อยากจะชอบที่เขาเป็นเขาจริง ๆ “เดี๋ยวลินมานะคะ” “น้องลินจะไปไหนครับ” “ไปตามพี่ ๆ คนงานมาพักค่ะ” “พี่จัดการให้ครับ ไม่ต้องเดินไปนะ มันร้อน” พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหน้าจอสองสามครั้ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู “วิน ให้คนงานพักก่อน คุณลินซื้อน้ำมาฝาก” “ขอบคุณค่ะ” ลลิสายิ้มขอบคุณ คิดว่าเขาจะเดินตามไปให้ เพราะคนงานก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อได้ยินเสียงกวินตะโกนบอกคนงาน “พักก่อนพวกเรา! เจ้าของบ้านเขาซื้อน้ำมาฝาก!” “น้องลินยิ้มอะไรครับ” ภูมิภัทรมองเธออยู่ตลอด จึงเห็นว่าเธอพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ “อ๋อ ลินขำที่พี่ภูมิโทรศัพท์ไปตามคนงานค่ะ เป็นไอเดียที่ดีมากเลยนะคะ ไม่ต้องเดิน ไม่ต้องร้อน แต่ก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง จะบอกให้เขารู้ได้ยังไงว่าเธอตลกกวินที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเธอซื้อน้ำมาฝากคนงาน ก่อนจะแยกกันที่ร้านวัสดุก่อสร้าง เธอก็บอกเขาไว้แล้ว แถมเขายังฝากซื้อมอคค่าเย็นด้วย “ขอบคุณที่ชมพี่นะ” “ค่ะ” ลลิสายิ้มให้เขาจนเหงือกแทบแห้ง เพราะว่าเขาส่งยิ้มให้เธอตลอดเลย โชคดีที่คนงานทยอยเดินเข้ามาในเตนท์แล้ว ภูมิภัทรจึงยกเก้าอี้พลาสติกไปนั่งรออยู่ห่าง ๆ “หยิบเลยค่ะพี่ ๆ มีชานมเย็น ชาเขียว ชามะนาว นมเย็น น้ำอัดลมก็มีนะคะ ลินเอาน้ำแข็งใส่กระติกไว้ให้แล้ว โอเลี้ยงก็มีนะ” ลลิสาชอบช่วงเวลานี้ ให้คนงานได้ดื่มน้ำเย็น ๆ พร้อมกับนั่งพักสักห้านาที ก็น่าช่วยเพิ่มพลังให้พวกเขาได้เยอะ “มีกาแฟไหมครับคุณลิน” “กาแฟ?” “ครับ ง่วงครับ ตาผมจะลืมไม่ขึ้นแล้ว” เอกสิทธิ์พูดจบก็สอดส่ายสายตามองหาน้ำเย็น ๆ ที่ควรจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม “ไม่มีค่ะ เอาโอเลี้ยงแทนแล้วกันนะคะพี่สิทธิ์” “ได้ครับ” เขามองหน้าลลิสาสลับกับน้ำแก้วนั้น แก้วที่วางแยกจากแก้วอื่น ๆ และเสี้ยววินาต่อมา มันก็ถูกหยิบไปต่อหน้าต่อตา แก้วที่ยังไงมันก็ต้องเป็นกาแฟแน่ ๆ “หัวหน้ากินน้ำอะไรครับ” “โกโก้” กวินตอบเอกสิทธิ์ที่เดินมายืนกินน้ำข้าง ๆ “ชิมหน่อยได้ไหมครับ” “จะชิมเหรอ” “ครับ โอเลี้ยงผมมันขมไป” “มันจะหมดแล้วพี่สิทธิ์ โทษที” ว่าแล้วกวินก็ดูดน้ำในแก้วที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วจนหมดในครั้งเดียว “ท่าทางจะอร่อยมากเลยนะครับ” “ใช้ได้เลยพี่ หวานมันกำลังดี” คนตอบยักคิ้วส่งให้ผู้ช่วย ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ เอกสิทธิ์หรี่ตามองกวินอย่างจับผิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสังเกตว่าเจ้านายกับเจ้าของบ้านมักจะพูดคุยกันผ่านสายตาหรือมีการกระทำที่เข้าใจกันอยู่แค่สองคน แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่เอกสิทธิ์เท่านั้นที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ภูมิภัทรเองก็ด้วย กาแฟที่ลูกน้องถามหามันมีอยู่หนึ่งแก้ว เขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจจากชาเขียวมาดื่มกาแฟ จึงวางแยกไว้จากแก้วอื่น ๆ แต่วิศวกรคนนั้นก็เดินมาหยิบไป โดยที่เธอไม่ได้ทักท้วงใด ๆ เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD