“อะแฮ่ม! โอ๊ยๆ อะไรติดคอ” เสียงแสนประดิษฐ์ผิดธรรมชาติพูดขึ้น เมื่อคนที่พลอยชมพูรอให้เข้ามาในห้องพักนักแสดงมาถึงสักที
“เผือกติดคอมั้ง”
“เผือกยังไม่ติดคอหรอก เพราะว่ายังไม่ได้กิน แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาเผือกมาเสิร์ฟหน่อยสิคะน้องลิน”
“อีบ้า” ลสิสาต่อว่าเสร็จก็หันไปเบะปากใส่เพื่อนสนิทอย่างพิงค์ หรือ พลอยชมพู นักแสดงรุ่นเพื่อนที่เข้าวงการมาพร้อมๆ กัน
ครั้งแรกที่ได้แสดงละครด้วยกันนั้น ลลิสารับบทเป็นนางเอกผู้น่าสงสาร ส่วนพลอยชมพูเป็นเพื่อนรักที่พร้อมจะปกป้องนางเอกสุดใจขาดดิ้น จากบทบาทในละครที่ต้องอยู่ด้วยกันมากพอๆ กับบทพระเอก ทั้งสองจึงสนิทกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แต่ว่าโชคชะตาของพลอยชมพูนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเธอตัดสินใจรับบทนางร้าย ผลตอบรับที่ออกมานั้นเปรี้ยงปร้างและเป็นที่จดจำในสายตาคนดู ไม่ว่าจะร้ายลึก ร้ายคุณหนู ร้ายเด๋อด๋า ร้ายจนเป็นบ้า พลอยชมพูก็พร้อมจะร้าย ร้ายถึงขนาดที่ว่า บางเรื่องเล่นเป็นคนดี คนดูยังจำไม่ได้เพราะภาพนางร้ายมันติดตัวเธอไปแล้ว และครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีมาก ที่ลลิสากับพลอยชมพูได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังจากต้องห่างหายกันไปเกือบสองปี ย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดเดือนก่อน พอทั้งคู่รู้ว่าจะได้แสดงร่วมกัน เสียงกรี๊ดผ่านโทรศัพท์ก็วัดระดับความดังได้เทียบเท่ากับเสียงกรีดร้องของคนหนึ่งพันคนในคอนเสิร์ตเลยล่ะ
“ยังไง ไหนเล่าซิ อัปเดตเรื่องหัวใจให้เพื่อนฟังหน่อย” พลอยชมพูลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เพื่อนสนิท ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาต้องไปแต่งหน้าและทำผม แถมในห้องพักนักแสดงก็มีเพียงแค่เธอกับลลิสา ไม่มีโอกาสไหนจะเหมาะกว่านี้อีกแล้ว
“แกคิดว่าไงล่ะ” ลลิสาเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ถามความเห็นของเพื่อนแทน
“ฉันคิดว่าแกก็ลองๆ คุยกับพี่เขาไปก่อนก็ได้ ไม่ชอบก็เลิกคุย เท่าที่เคยได้ยินเรื่องพี่เขามา เขาก็ไม่ได้แย่นะ นิสัยโดยพื้นฐานก็เป็นคนปกติ ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร และที่สำคัญเขาก็คบกับแฟนเก่านานตั้งสามปี”
“มันสำคัญยังไงอะ”
“ก็มันแปลว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวและจริงจังกับความรัก ถ้าเขาเป็นแบบผู้ชายรวยๆ คนอื่น ที่เดี๋ยวก็รัก เดี๋ยวก็เลิก เขาคงไม่คบกับแฟนเก่าได้ตั้งสามปี”
“แต่เขาก็เลิกกันนิ”
“ใช่ สุดท้ายเขาก็เลิก เพราะทนความไฮโซของผู้หญิงไม่ไหว” ประโยคหลังพลอยชมพูเขยิบตัวมาใกล้เพื่อนอีกนิด เพื่อกระซิบให้ได้ยินชัดเจน
“แฟนเก่าพี่ภูมิ เวลาจะไปต่างประเทศก็ต้องนั่งเฟิร์สคลาส ทริปยุโรปก็ต้องเช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินระหว่างประเทศ ห้องพักต้องหกดาว ร้านอาหารก็ต้องร้านเชฟระดับโลกแบบที่ต้องจองโต๊ะข้ามปี เสื้อผ้าต้องตัดพิเศษเท่านั้น เพราะเดี๋ยวจะซ้ำกับคนอื่น ผมต้องเข้าร้านสระไดร์ครั้งละสองพันและต้องเป็นน้ำอุ่น ไม่อุ่น ไม่สระ ถ้าแกเจอแบบนี้สามปีติดต่อกัน แกจะไม่เบื่อเหรอ บางครั้งแกก็ต้องอยากกินอะไรง่ายๆ แบบก๋วยเตี๋ยวเรือกับชาเย็นแก้วละยี่สิบบาทบ้างใช่ไหมล่ะ” คนเล่าพูดรัวๆ อย่างออกรส ที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ เป็นความผิดของเธอเอง ที่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นเลยมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
“นี่ข่าววงในเลยเหรอ”
“ในสุดๆ เว้ย ในแบบกระเป๋ารถเมล์ตะโกนว่า ชิดในอีกพี่!”
“โอ้โห เล่นใหญ่มาก” ลลิสาอดหัวเราะกับการแสดงของเพื่อนไม่ได้ อยากจะมอบรางวัลนักแสดงดีเด่นให้เลยค่ะ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้รู้มานานแล้วหรอกนะ แต่พอฉันได้ข่าวเรื่องแกกับพี่เขา ฉันเลยไปหลอกถามคนอื่นมา เผื่อว่าแกจะเอาไปใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ แต่แกต้องตั้งสติดีๆ นะ ช่วงนี้แกก็ไม่มีใครมาจีบ เดี๋ยวจะหลงเสน่ห์เขาง่ายๆ แกอย่าชอบเขา เพราะเขาสร้างบ้านให้แกถูกกว่าบริษัทอื่น แกต้องชอบเขา เพราะนิสัยใจคอและสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้แก”
“นั่นดิ ฉันกลัวเหมือนกัน”
“นั่นไง! พูดแบบนี้แปลว่าเขาเริ่มทำให้แกหวั่นไหวแล้วใช่ไหม”
“ก็ไม่ได้หวั่นไหวขนาดนั้น แต่ก็มีความรู้สึกแบบว่า...”
“ว่า...”
“แบบว่า...”
“ว่า...”
“แบบ...”
“โอ๊ย! วันนี้จะได้รู้ไหมเนี่ย”
“แบบว่าเขิน แต่ไม่เยอะ เขินแป๊บเดียว” ลลิสาไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง
“ก็เป็นอาการปกตินะ ใครมาจีบเราก็ต้องเขินสิถูกแล้ว หัวใจนะไม่ใช่ก้อนหิน”
“พูดแต่เรื่องฉัน แล้วแกล่ะ เป็นไงบ้าง”
“ถามถึงเรื่องอะไรล่ะ ถ้าถามเรื่องทั่วไป ฉันก็สบายดี” คนถูกถามเล่นหูเล่นตา ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเพื่อนเอาแต่จ้องไม่ละสายตา
“ดูนี่ก็แล้วกัน” พลอยชมพูเปิดรูปชายหนุ่มสุดหล่อ เอียงหน้าซบไหล่ขาวๆ ของตัวเองให้เพื่อนดู
“แรง!” ลลิสาอุทานด้วยความหมั่นไส้ เพราะผู้ชายในรูปคือพระเอกลูกครึ่งไทยกับสวีเดนนามว่าแพทริก ที่กำลังเป็นขวัญใจสาวๆ ทั่วประเทศ เขาเป็นพระเอกหน้าใหม่ไฟแรง ความดังพุ่งแซงนักแสดงรุ่นพี่หลายคน จนได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายประจำปี
“บ้า แรงเริงอะไรเล่า น้องเขามาซบฉันเอง” คนแก้ตัวเขินจนหน้าแดง คิดถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เธอและเขาแอบไปเที่ยวบาหลีด้วยกัน
“คนไทยไปเที่ยวบาหลีเยอะนะเว้ย ระวังๆ หน่อย”
“กลัวอะลิน แต่ความรักมันจุกอก เป็นนางร้ายก็มีหัวใจนะ แล้วฉันผิดเหรอที่ฉันมีแฟนเป็นพระเอก ฉันผิดเหรอที่ฉันไม่ใช่คู่จิ้นของเขา” พลอยชมพูถอนหายใจ ปลงกับชะตาชีวิตของตัวเอง คบกับแพทริกมาสองปี แต่เปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะกระทบกับชื่อเสียงของเขาที่กำลังรุ่งเรือง ไหนจะกลัวตัวเองโดนวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขาหากทุกคนรู้ความจริง
“ถ้าจะเป็นข่าวจริงๆ แกเชื่อฉันเถอะ ต้องมีคนที่เข้าใจแกอยู่แล้ว แล้วฉันก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นด้วย แฟนคลับของแพทริกควรจะดีใจด้วยซ้ำ ที่มีคนรักเขาจริงๆ แบบแก แกอยู่กับแพทริกตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานในกองถ่าย ในวันที่เขาโด่งดัง แกก็ไม่คิดทำลายชื่อเสียง แกไม่ต้องคิดมากหรอกพิงค์ แกเสียสละเพื่อเขาจะตาย แกเป็นแฟนที่โคตรน่ารัก”
“ขอบใจนะลิน อยากทำงานกับแกทุกเรื่องเลย” พลอยชมพูบอกอย่างซึ้งใจ ถ้ามีใครบอกว่าในวงการบันเทิงหาเพื่อนที่จริงใจไม่ได้ เธอขอนั่งยัน นอนยัน ยืนยันและเถียงขาดใจเลยละ มิตรภาพของเธอกับลลิสามันเป็นหลักฐานว่าความจริงใจนั้นมีอยู่จริงๆ
“ดราม่ามาก” นางเอกในละครมองนางเอกในชีวิตจริง ครั้งนี้พลอยชมพูไม่ได้เล่นใหญ่ แต่เธอก็เลือกที่จะจิกกัดเพื่อน เพื่อหยุดอารมณ์ซึ้งไว้ก่อน
“แล้วเรื่องบ้านเป็นไงบ้างลิน ถึงไหนละ ได้ฤกษ์ลงเสาเอกหรือยัง” พลอยชมพูเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
“ยังไม่ได้เลย ต้องรอให้ดินจับตัวกันแน่นกว่านี้ก่อน” คนฟังลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้จะอ่านกลุ่มแชตเรื่องบ้านว่าเช้านี้มีอะไรคืบหน้าบ้าง แต่ก็มัวแต่คุยกับพลอยชมพูเสียเพลิน เมื่อพูดจบเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นทำอย่างที่คิดไว้ ก่อนจะไม่มีเวลา เพราะอีกไม่กี่นาทีก็ต้องไปเตรียมตัวทำงานแล้ว
“เฮ้ย!”
“อะไรลิน!”
“คนงานเดินเหยียบตะปู ขอคุยโทรศัพท์แป๊บนะ” ลลิสาพูดจบก็กดโทรศัพท์หาคนที่รายงานเรื่องนี้ลงในกลุ่มแชต
“คุณวิน พี่เขาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ล้างแผลกับฉีดยาแล้วครับ”
“แล้วแผลลึกไหมคะ ตะปูที่เหยียบมีสนิมหรือเปล่า”
“แผลไม่ลึกมากและตะปูไม่มีสนิม แต่ก็คงต้องพักจนกว่าจะหายปวด”
“อ๋อ ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ”
“ครับ”
“แล้วตอนนี้ได้ยาหรือยังคะ”
“ตอนนี้รอยาอยู่ครับ คงจะได้ยาแก้ปวดและใบนัดมาฉีดยากันบาดทะยักให้ครบทุกเข็ม”
“ค่ะ ลินรบกวนคุณวินออกเงินให้ก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนที่เราเจอกัน ลินจะค*****นให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เงินส่วนนี้บริษัทรับผิดชอบอยู่แล้ว ผมไปเบิกกับบริษัทได้”
“จริงเหรอคะ” ลลิสาไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่ กลัวว่าจะเป็นคำสั่งของภูมิภัทรซะมากกว่า
“จริงครับ คนงานถือว่าเป็นพนักงานของบริษัท ยังไงเราก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว”
“แต่ตะปูมันอยู่ในที่ดินของลินนะคะ ลินอยากช่วยออกเงินค่ะ”
“ถ้าคุณลินอยากจ่ายเงิน คุณลินต้องไปคุยกับคุณภูมินะครับ”
“แล้วทำไมฉันต้องไปคุยกับพี่ภูมิด้วยล่ะคะ”
“เพราะคุณภูมิเป็นเจ้าของบริษัท ผมแค่ทำตามนโยบายของบริษัท แค่นี้นะครับ ผมต้องไปรับยาให้คนงานแล้ว”
“อ้าว” ลลิสาถึงกับขมวดคิ้ว อะไรจะรีบขนาดนั้น ก็แค่อยากแสดงน้ำใจ ไม่เห็นต้องปฏิเสธขนาดนี้เลย แถมยังตัดสายใส่เธอแบบไม่ใยดีอีก
“คุณวินเป็นใครเหรอลิน” พลอยชมพูที่ได้ยินทุกอย่างเอ่ยถามด้วยความสงสัย มั่นใจมากๆ ว่าไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้ในชีวิตเพื่อนมาก่อน
“วิศวกรที่มาดูแลเรื่องสร้างบ้าน เขาพาคนงานที่เดินเหยียบตะปูไปหาหมอ”
“แล้วทำไมเขาดูไม่ค่อยอยากคุยกับแกเลยวะ”
“ไม่รู้สิ” ลลิสาหงุดหงิด เธอเคยถามคำถามนี้กับตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่วันที่เธอไปกวาดเศษดินที่ถนนกับเขา เธอก็ได้เจอเขาอีกสามครั้ง แต่ละครั้งเขาก็แทบจะไม่พูดอะไรกับเธอเลย เธอต้องถามด้วยการเอ่ยชื่อเขาตรงๆ ถึงจะได้คำตอบ ที่เหลือเขาก็ให้ผู้ช่วยอย่างพี่เอกสิทธิ์และพี่คมศักดิ์เป็นคนพูด ในกลุ่มแชตเขาก็ตอบแค่ครับ ครับ และครับ หรือหากต้องอธิบายอะไรยาวๆ เขาก็จะพิมพ์ส่งมาครั้งเดียว ไม่มีการเว้นบรรทัดให้เสียเวลา ก่อนจะจบการบรรยายด้วยคำว่า ‘ครับ’
“เขาคงไม่ค่อยสะดวกคุย ที่โรงพยาบาลวุ่นวายจะตาย อีกอย่างคงไม่อยากคุยกับแฟนเจ้านายนานๆ เพราะอาจจะซวยโดนไล่ออก”
“เรื่องนี้ฉันก็เครียด คนงานเข้าใจว่าฉันเป็นแฟนพี่ภูมิทุกคนเลยมั้ง แต่จะให้ไปนั่งอธิบายก็คงไม่ใช่”
“แล้ววันนี้ถ่ายละครเสร็จแล้วไปไหน ไปกินข้าวกันไหม” พลอยชมพูเปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนที่เพื่อนจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“วันนี้ต้องปฏิเสธนะพิงค์ ขอโทษจริงๆ ตั้งใจว่าจะไปดูบ้านใหม่ นานๆ จะได้เลิกเร็ว เพราะไปถึงทีไร คนงานก็กลับบ้านกันหมดแล้ว อยากซื้ออะไรไปฝากพวกเขาหน่อย”
“โอเค เพื่อนไม่ว่าง ฉันก็ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว เพราะมีแฟน”
“จ้ะ!” ลลิสาเบะปากส่งให้ด้วยความหมั่นไส้
“สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เหนื่อยไหมคะ” ลลิสาถามคนงานด้วยความเป็นห่วง ดีใจที่เธอมาถึงบ้านหลังใหม่ก่อนที่คนงานจะกลับบ้าน
“ไม่เหนื่อยค่ะ คุณลินไปถ่ายละครมาเหรอคะ สวยจัง” คุณป้ามองใบหน้าและผมที่ถูกจัดทรงอย่างสวยงามของเจ้าของบ้านด้วยความชื่นชม
“ใช่ค่ะ ชมลินตลอดนะคุณป้า ลินเขินนะคะเนี่ย”
“ก็คุณลินสวยจริงๆ นี่คะ เล่นละครก็ดี ถ้าป้าไม่หลับไปก่อน ป้าดูทุกเรื่องเลย”
“น่ารักแบบนี้ ลินมีรางวัลให้ค่ะ” เธอพูดจบก็เดินกลับไปที่รถ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถุงต้มยำกุ้งและเมนูผัดกับทอดอีกหลายถุง
“ข้าวเย็นค่ะ กลับบ้านไปจะได้ไม่ต้องทำกับข้าว แค่หุงข้าวร้อนๆ แป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว คืนนี้จะได้มีเวลาพักผ่อนเยอะๆ” ว่าแล้วเธอก็แบ่งสรรปันส่วนให้ทุกคนได้ของอร่อย บางคนมาทำงานเป็นครอบครัว ก็ต้องได้อาหารหลากหลายหน่อย จะกินต้มยำกุ้งอย่างเดียวมันก็ไม่อร่อยน่ะสิ
“ขอบคุณครับ ขอให้เจริญๆ นะครับคุณลิน” คุณลุงคนหนึ่งรับอาหารไปก็ยกมือไหว้ลลิสาด้วยความดีใจ ทำงานได้เงินวันละสามร้อยบาท ต้องกิน ต้องใช้อย่างประหยัด แต่ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ แต่ละวันแทบไม่ได้ใช้เงินเลย
“สาธุค่ะคุณลุง ขอบคุณนะคะ” นางเอกสาวรีบรับไหว้ และบอกลาทุกคนที่เดินไปขึ้นท้ายรถกระบะเพื่อเดินทางกลับที่พัก
“กินข้าวให้อร่อยนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ” คนงานยิ้มตอบเธอ ชื่นชมในความมีน้ำใจและเป็นกันเอง แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ยืนกอดอกมองเธออยู่ห่างๆ พร้อมกับความคิดที่ว่า…
‘สร้างภาพเก่งเหลือเกิน’
ลลิสาหันไปหามองวิศวกรหนุ่ม เมื่อรถรับส่งคนงานขับออกไปแล้ว
“ด่าฉันอยู่ในใจเหรอคะ”
“ถูก” เขาพูดจบก็เดินมาเผชิญหน้ากับเธอใกล้ๆ
“คราวนี้ด่าฉันว่าอะไรอีกล่ะ”
“จริงๆ ก็ไม่ได้ด่าหรอก แค่กำลังคิดว่าคุณนี่ก็เหมือนพวก...”
“พวกอะไร” คนถูกมองในแง่ร้ายเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัวสายตาของเขาที่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า มองมาสิ ถึงจะแต่งตัวไม่สวย แต่หน้าผมกับสวยมาก เขาไม่สามารถทำลายความมั่นใจของเธอได้หรอก
“เหมือนพวกจิตรกร นักวาดรูปอะไรประมาณนั้น”
“ยังไง ฉันเหมือนตรงไหน”
“ก็สร้างภาพเก่งไง”
“คุณ!”
“อ้าว! หรือไม่จริง พอคนงานบอกคุณว่าอยากกินเบียร์เย็นๆ คุณก็ซื้อข้าวมาฝากพวกเขาชุดใหญ่ กลัวพวกเขาทำบ้านคุณพังหรือไง”
“ฉันจะกลัวเขาทำบ้านฉันพังทำไมล่ะ ถ้าบ้านฉันพัง ก็พังเพราะคุณนั่นแหละ”
“ผมไม่กล้าทำบ้านคุณพังหรอก ผมยังต้องทำมาหากิน ถ้าแฟนคุณไล่ผมออกจากงานขึ้นมาจะทำยังไง”
“เขาไม่ใช่แฟนฉัน”
“คำตอบนี้ผมไม่ได้ถาม” กวินตอบกลับอย่างกวนประสาท
“ที่คุณตอบฉัน ฉันก็ไม่ได้ถามเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่ซื้อหรอกนะ พวกเบียร์ พวกเหล้าอะ พวกเครื่องดื่มชูกำลังก็ว่าไปอย่าง”
“นี่คุณ เบียร์เย็นๆ สักลัง มันไม่กระทบเงินคุณหรอกมั้ง ซื้อมาให้พวกช่างเขาหน่อย เขาจะได้มีแรงทำงาน”
“ฉันจะซื้อทำไม ถ้าเขากินจนเมาแล้วไม่ตื่นมาทำงานให้ฉัน ใครจะรับผิดชอบ คุณเหรอ? คุณจะไปปลุกเขาจากที่พักมาทำงานให้ฉันไหม แล้วถึงแม้ว่าคุณจะตามพวกเขามาทำงานได้ เขาก็จะทำงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าอยู่ดีๆ เขาแฮงค์แล้วง่วงจนล้มหัวฟาดพื้น ไม่ใช่คุณกับฉันเหรอที่จะซวย ฉันไม่อยากให้บ้านฉันมีประวัติไม่ดี ฉันซื้อข้าว ซื้ออาหาร พวกเขายังได้กินอิ่มท้อง ได้เพิ่มพลัง ซื้อของพวกนั้นมันไม่มีประโยชน์หรอก” ลลิสาตอบกลับชุดใหญ่ไฟกะพริบ ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง แต่เขาก็แสดงอาการนิ่งๆ ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังยักไหล่ใส่เธอ ในทำนองว่าผมไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกนะครับ
“หัวหน้าครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ส่วนนี่เป็นรายการของที่ต้องไปซื้อพรุ่งนี้” เอกสิทธิ์ผู้ช่วยของกวิน เดินกลับมารายงาน หลังจากตรวจงานจนเสร็จ
“พี่เอกจะกลับแล้วเหรอคะ”
“จะกลับแล้วครับ คุณลินไม่กลับเหรอครับ”
กวินกลั้นขำ ทั้งๆ ที่ตากำลังอ่านกระดาษที่ลูกน้องส่งมาให้ นั่นน่ะสิ จะนอนที่นี่หรือไงคุณดารา
“กลับสิคะ ลินซื้อต้มยำกุ้งมาฝากค่ะพี่เอก เจ้านี้อร่อยมากเลย”
“โอ้โห ผมอยากกินกุ้งอยู่พอดีเลยครับ”
“ดีเลยค่ะ” ลลิสาตอบและเดินกลับไปที่รถ พร้อมๆ กับพี่เอกและกวิน เธอเปิดท้ายรถและหยิบถุงต้มยำกุ้งส่งให้เขา
“นี่ค่ะ เสียดายนะคะวันนี้พี่ศักดิ์ไม่มาทำงาน อดกินของอร่อยเลย” เธอพูดถึงผู้ช่วยวิศวกรอีกคนที่ลากลับต่างจังหวัด
“แหม ลาภปากผมเลยครับ ได้สองถุงซะด้วย” เอกสิทธิ์ดีใจออกนอกหน้า ต้มยำกุ้งถุงใหญ่สองถุง คงจะทำให้มื้อเย็นที่บ้านอร่อยขึ้นเป็นกอง
“ถุงนี้ไม่ใช่ของพี่ศักดิ์ค่ะ ลินซื้อมาฝากพี่สองถุง จำได้ว่าที่บ้านพี่อยู่กันหลายคน” ลลิสาบอกด้วยรอยยิ้ม สองเดือนกว่าแล้วที่เธอมีเพื่อนใหม่เป็นกลุ่มคนที่สร้างบ้านให้เธอ ยิ่งได้พูดคุย ถามไถ่ชีวิตของกันและกันก็สนิทใจกันมากยิ่งขึ้น
“โอ๊ย! สวยแล้วยังความจำดี ขอบคุณมากครับคุณลิน”
“ยินดีค่ะพี่ ถ้าลินผ่านร้านนี้อีก ลินจะซื้อมาฝากนะคะ”
“ครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ ช้ากว่านี้อีกนิด เมียผมจะด่า”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
“ไปแล้วนะครับหัวหน้า ฝากปิดประตูรั้วด้วยนะครับ”
“ได้พี่” กวินโบกมือลาพร้อมกับกระดาษใบเดิม พรุ่งนี้เขามีหน้าที่ต้องไปร้านวัสดุก่อสร้างเพื่อซื้อของอื่นๆ มาเพิ่มเติม แม้ว่างานพวกนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือเขา แต่หากของบางอย่างในร้านหมด หรือสินค้าไม่เหมือนที่ต้องการ พี่เอกกับพี่ศักดิ์ก็ต้องโทรศัพท์มาขอความเห็นอยู่ดี เขาเลยทำหน้าที่นี้เอง ไม่ต้องเสียเวลาหลายต่อให้วุ่นวาย
“นี่ของคุณ” ถุงต้มยำกุ้งถูกส่งให้กวิน
“ของผม?”
“ใช่สิ ตอนนี้เหลือใครบ้างล่ะนอกจากคุณกับฉัน”
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจดำ ฉันยอมสละถุงสุดท้ายให้คุณเลยนะ”
“ถ้าจะขนาดนั้นก็ไม่ต้องให้ผมก็ได้มั้ง ผมซื้อแถวบ้านกินก็ได้” เขาพูดพร้อมกับมองข้ามไหล่คนที่ตัวเล็กกว่า ที่หลังรถของเธอยังมีถุงต้มยำกุ้งอยู่อีกถุง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเป็นมิตรกับคุณ เพราะฉันกลัวคุณทำบ้านฉันพัง” ลลิสายังคงยืนยันว่านั่นคือต้มยำกุ้งถุงสุดท้าย และรีบหันไปปิดประตูท้ายรถ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอพลาดท่าให้กับสายตาคมของกวินไปแล้ว
“ถ้ากลัวผมจะทำงานชุ่ยๆ ขนาดนั้น พรุ่งนี้ก็ไปซื้อของด้วยกันเลยไหมล่ะ คุณจะได้แน่ใจว่าผมซื้อของถูกต้องทุกอย่าง”
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย เดี๋ยวคุณก็ทิ้งฉันไว้คนเดียวเหมือนอาทิตย์ที่แล้วอีก” พูดแล้วก็อารมณ์ขึ้น เมื่อเช้าก็ตัดสายตอนเธอคุยเรื่องคนงานเหยียบตะปู ตอนนี้ยังจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าให้หงุดหงิด เธออยากจะเข้าไปชกหน้าเขาสักที แล้วก็เพราะเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่แหละ ที่เป็นเหตุผลให้เธอกับเขาไม่ถูกชะตากันมากขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้
‘คุณวิน ลินไปด้วยได้ไหมคะ’ เสียงหวานเอ่ยถามกวิน หลังจากยืนฟังว่าเขาต้องไปซื้อวัสดุอะไรมาใช้ในการทำพิธีลงเสาเอกของบ้าน ซึ่งวิธีทางสงฆ์ แม่ของเธอรับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ ส่วนเธอนั้นยังไม่มีหน้าที่อะไรให้ทำเลยสักอย่าง
‘ผมไปนาน ไปร้านวัสดุ แล้วต้องไปสั่งทราย ไปสั่งรถปูนด้วย’
‘อ้าว มันสั่งจากร้านเดียวกันไม่ได้เหรอคะ’
‘ไม่ได้ ต้องไปซื้อจากร้านที่บริษัททำสัญญาไว้เท่านั้น’
‘แล้วไปนานไหมคะ ใช้เวลาประมาณกี่ชั่วโมง’
‘สองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย’
‘สบายมากค่ะ ฉันว่าง วันนี้ฉันไม่มีงานอะไรแล้ว’ ลลิสายิ้มร่า อยากไปเดินดูของพวกนั้นด้วยตาตัวเอง
‘คุณไม่ต้องไปหรอกครับ มันเหนื่อย’ กวินปฏิเสธเพราะไม่อยากอึดอัด คราวก่อนก็ถูกภูมิภัทรเรียกไปตักเตือน ว่าอย่าให้ลูกค้าต้องเหนื่อย โดยเฉพาะลูกค้าคนพิเศษที่ชื่อลลิสา เธอไม่ควรจะเสียเวลาไปกับการกวาดเศษดินบนถนน หากเธอมาที่ไซต์งาน ต้องให้เธออยู่ในเตนท์เท่านั้น
‘นี่มันบ้านฉันนะคะ ฉันเพิ่งเคยมีบ้าน ฉันก็อยากมีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน ถ้าฉันสร้างเองได้ ฉันก็ทำแล้ว ให้ฉันไปด้วยนะคะ ฉันไม่ทำให้คุณลำบากหรอกค่ะ’ ลลิสาบอกอย่างขอร้องและติดจะตัดพ้อเขาอยู่หน่อยๆ หลายครั้งแล้วนะที่เธออาสาจะหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะเขาหรือใครๆ ก็บอกให้เธอไปนั่งในที่ร่มๆ
‘คุณเป็นลูกค้า ปล่อยให้งานพวกนี้เป็นหน้าที่ลูกจ้างอย่างผมเถอะครับ’
‘คุณกลัวพี่ภูมิรู้เหรอคะ’ เธอถามกลับโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว และคำตอบก็ชัดเจนเมื่อเขาเลือกที่จะเงียบ
‘ถ้าคุณกลัวว่าพี่ภูมิจะรู้ เราก็ไม่ต้องบอกเขาสิคะ ตอนนี้เขาอยู่อังกฤษ เขาคงไม่มีตาทิพย์หรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอคุณข้างนอก ที่อีกฝั่งของถนน คุณขับเลยมาสักห้าสิบเมตรก็แวะรับฉันด้วยแล้วกัน’ พูดจบเธอก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินฉับๆ ออกไป ยืนนานกว่านี้ เดี๋ยวเขาก็อ้างนู่นอ้างนี่อีกจนได้ แล้วถ้าเขาจะใจดำไม่แวะรับเธอล่ะก็ เธอจะบอกให้ภูมิภัทรหาวิศวกรคนใหม่มาแทนเขาเลย คอยดูสิ!
ร้านแรกที่กวินพาเธอไปคือร้านวัสดุก่อสร้าง เธอเดินตามเขาไปสั่งซื้อเหล็กสำหรับนำไปทำเสาบ้าน ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าการใช้เหล็กที่เรียกว่าเหล็ก H-Beam จะช่วยให้โครงสร้างของบ้านแข็งแรงและทนทานขึ้น เพราะรองรับน้ำหนักได้มาก ทนต่อแรงแผ่นดินไหว แถมเขายังบอกอีกว่าเหล็กชนิดเดียวกัน จะนำไปใช้งานที่ประเทศไหนก็ต้องศึกษาภูมิอากาศของประเทศนั้นๆ ด้วย ถ้าประเทศไหนมีความชื้นสูง ก็อาจจะไม่เหมาะกับการใช้เหล็กเป็นโครงสร้างบ้าน เพราะความชื้นจะให้ทำเกิดสนิมได้ง่าย วิธีแก้ก็อาจจะต้องเสริมคอนกรีตเข้าไปหรือไม่ก็ใช้ไม้
ร้านที่สองคือร้านปูนซีเมนต์ ร้านนี้เธอไม่ได้ลงไปกับเขา เพราะเขาเพียงแค่ไปสั่งและแจ้งเส้นทางให้รถขนปูนไปส่ง และร้านสุดท้าย คือร้านทราย เธออยากลงไปด้วย เพราะอยากเห็นทรายกองเป็นภูเขา แต่เขาก็เบรกเธอจนหน้าคว่ำด้วยคำพูดที่ว่า ‘มันก็คล้ายๆ กับทรายที่ทะเลนั่นแหละครับ’ แล้วเขาก็จอดรถที่ร้านกาแฟที่อยู่หน้าทางเข้าร้านขายทราย พร้อมยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่าครึ่งชั่วโมงจะออกมารับ
‘คุณเอาน้ำอะไรคะ’
‘ผมฝากซื้อมอคค่าเย็นครับ’
‘โอเคค่ะ’
‘เดี๋ยวผมมารับ’
‘ค่ะ’ ลลิสาตอบรับอย่างง่ายดาย ได้น้ำเย็นๆ กินให้ชื่นใจสักแก้วก็ยังดี การมาซื้อของกับกวิน แม้จะแค่เดินตามและนั่งรถเฉยๆ แต่มันก็ใช้พลังงานพอสมควร
ลลิสาเห็นว่านี่ผ่านไปสี่สิบห้านาทีแล้ว วี่แววของคนจะกลับมารับยังไม่มีแม้เงา แต่เธอก็ไม่กล้าโทรศัพท์ไปหาหรือส่งข้อความไปถาม เพราะเขาอาจจะกำลังคุยงานอยู่ แต่นั่งรอจนครบหนึ่งชั่วโมง ชาเขียวเย็นในแก้วและเค้กฝอยทองก็ลงท้องจนหมด แถมมอคค่าเย็นของเขาก็ไม่มีความเย็นอีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจโทร. ไปหาเขาในที่สุด
‘ฉิบหายแล้วกู!’ เสียงกวินดังกลบเสียงโทรศัพท์ และหากเหยียบเบรกช้าไปกว่านี้เพียงวินาทีเดียว เขาได้ขับรถชนเสาของเตนท์ที่กางไว้ให้คนงานพักผ่อนอย่างแน่นอน
‘คุณวินเสร็จหรือยังคะ มอคค่าเย็นคุณละลายหมดแล้วนะ’ คนที่กำลังรออย่างท้อแท้เอ่ยถาม นี่ขนาดเธอตั้งใจสั่งมอคค่าเย็นที่หลังชาเขียวเย็น เพื่อที่เวลาเขากลับมารับจะได้ดื่มมันอย่างถึงรสชาติ แต่สั่งช้าแค่ไหน เขาก็ยังช้ากว่าอยู่ดี
‘ไม่เกินสิบห้านาทีนะคุณลิน กาแฟผมละลายแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ผมกินได้’ ว่าแล้วก็รีบวางสาย ใส่เกียร์ถอยหลังให้รถตั้งลำหันออกถนน ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนสุดปลายเท้า ใช่แล้ว เขาลืมเธอไว้ที่ร้านกาแฟ
‘ไปสั่งทรายที่ซาฮาราหรือไงวะ’ ลลิสาอดคิดไม่ได้ เพราะเขาไปนานมากจริงๆ แต่เมื่อกวินบอกว่าอีกสิบห้านาทีจะกลับมารับ เธอก็สบายใจว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตายอยู่ที่นั่น และกลายเป็นอาหารของอูฐไปซะแล้ว
‘เมื่อกี้หัวหน้าขับรถเข้ามา แล้วออกไปไหนอีกครับ’ คมศักดิ์ถามเจ้านายพร้อมกับซับเหงื่อที่หน้าไปด้วย เขาถามอย่างสบายใจ ถามเหมือนพนักงานร้านสะดวกซื้อถามลูกค้าว่า รับขนมจีบกับซาลาเปาเพิ่มไหมครับ
‘อ๋อ’ กวินตอบรับคำถาม แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ หรือจะพูดให้ถูกคือเขาพูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่ขอลงจากรถก่อนถึงบ้าน เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าเธอไปซื้อของกับเขา ใครคนนั้นคือคนที่บอกว่าจะแวะซื้อมอคค่าเย็นแก้วใหม่ให้เขา แม้ว่าเขาจะปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ใครคนนั้นคือลลิสาที่เพิ่งเดินเข้ามาในเตนท์พร้อมกับมอคค่าเย็น
มุมปากของเธอฉีกยิ้มกว้างจนฟันครบทุกซี่ มันก็เป็นยิ้มที่สวยอยู่หรอกนะ ถ้าสายตาเธอปกปิดความไม่พอใจเอาไว้ได้ดีกว่านี้
‘อุ๊ย! หลุดมือ’
มอคค่าเย็นของกวินตกลงสู่พื้นภายในเสี้ยววินาที ช่างเป็นการหลุดมือที่ธรรมชาติซะจนคนยืนมองห่างๆ จากอย่างคมศักดิ์สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ เจ้านายเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ คล้ายๆ ว่าคอแห้งขึ้นมากะทันหัน ส่วนเจ้านายอีกคนก็ก้มเก็บแก้วน้ำและเดินตรงมาหากวิน
‘ฝากทิ้งหน่อยค่ะ’
เขารับแก้วพลาสติกที่เปียกน้ำและเลอะดินมาถือไว้ ก่อนจะเดินเอามันไปทิ้งในถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ผูกไว้กับเสาอีกมุม
‘คนทั้งคน ลืมได้ไง’ ความคิดดังขึ้นในหัวของกวินและลลิสา แต่ว่าคนแรกนั้นทั้งงงและรู้สึกผิด ส่วนคนหลังนั้นโกรธ แต่ก็โวยวายอะไรไม่ได้ นอกจากบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ
“พรุ่งนี้ไปแค่ร้านเดียว ผมเคยลืมคุณก็จริง แต่ต่อไปผมจะไม่มีวันลืมคุณ ผมรับรอง” กวินแน่ใจว่าที่เธอเงียบไปเมื่อครู่ คงหนีไม่พ้นคิดถึงเรื่องวันนั้นแน่นอน
“ไม่ไปหรอก พรุ่งนี้ฉันมีเรียนร้องเพลง”
“เรียนตอนไหนล่ะครับ เสร็จกี่โมง”
“เรียนสิบโมงถึงเที่ยง คุณไปซื้อเถอะ ฉันไปก็เกะกะคุณเปล่าๆ” ลลิสาไม่ได้ประชดหรือน้อยใจ แต่เธอพูดในสิ่งที่คงรู้สึก
“ผมไปซื้อตอนบ่ายก็ได้ ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าคุณอยากเดินดูกระเบื้อง ครั้งนี้ผมจะให้คุณเดินดู เพื่อไถ่โทษที่ผมทิ้งคุณวันนั้น แล้วก็ตอบแทนที่คุณซื้อต้มยำกุ้งมาฝากผมวันนี้”
“ฉันไม่ได้ซื้อมาฝาก ฉันเสียสละของฉันให้คุณ คุณเห็นว่าฉันให้ทุกคน ถ้าฉันไม่ให้คุณ คุณก็กล่าวหาว่าฉันลำเอียงสิ”
“เหรอ?”
“ใช่”
“แต่ยังไงผมก็ขอบคุณนะ”
“อือ” ลลิสาตอบสั้นๆ พยายามสู้หน้าเขาที่กำลังยิ้ม มันช่างเป็นยิ้มที่... ที่... ที่กวนประสาท ใช่ เขามันเป็นคนกวนประสาท
“สรุปว่าพรุ่งนี้เราจะไปด้วยกันใช่ไหมครับ”
“ของมันต้องรีบใช้หรือเปล่าคะ”
“ไม่รีบครับ กว่าจะใช้ก็อาทิตย์หน้า แค่ไปสั่งไว้ ร้านจะได้เตรียมของให้เราแล้วเอามาส่งที่นี่”
“งั้นฉันไปก็ได้”
“จะมาเจอกันที่นี่หรือเจอกันที่ร้าน”
“ร้านเดิมหรือเปล่าล่ะ”
“ร้านเดิมครับ”
“บ่ายโมงครึ่งเจอกันที่ร้าน ฉันไปละ ยุงกัด” ลลิสายกมือมาปัดยุงล่องหนที่ตอมแขนอยู่ ที่บอกว่าเป็นยุงล่องหน ก็เพราะว่าเธอไม่ได้โดนยุงกัดอะไรหรอก แค่ไม่อยากยืนคุยกับเขาแล้ว เอาแต่ยืนมองหน้า นี่ถ้าเธอเป็นปลากัด ตอนนี้ก็ท้องจวนจะคลอดแล้วมั้ง
“ขอบคุณสำหรับต้มยำกุ้งนะคุณ” กวินตะโกนตามหลัง ยืนมองรถของเธอเคลื่อนออกไป เหลือไว้เพียงเขาที่ต้องทำหน้าที่ปิดรั้วไม่ให้มีใครมาขโมยของในไซต์งานได้