“อ้าว! คุณวิน มาทำอะไรตรงนี้คะ” ลลิสาลงจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างที่นั่งมาจากหน้าปากซอยของบ้านหลังใหม่ก็เอ่ยถามวิศวกรที่ช่วยดูแลเรื่องการก่อสร้างบ้าน เขากำลังยืนถือไม้กวาดทางมะพร้าวอยู่หน้าทางเข้าที่ดิน ตอนนี้แดดแรงเหมือนโลกอยู่ใกล้พระอาทิตย์เพียงสิบเมตร ทำไมเขาไม่ไปยืนร่มๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ล่ะ
“สวัสดีครับ” กวินทักทายเธอสั้นๆ ยังไม่ได้ตอบคำถาม เพราะกำลังมองอยู่ว่าเธอหอบหิ้วอะไรมาเต็มไม้เต็มมือ
“ฝากถือก่อนได้ไหมคะ”
“ครับ” เขายื่นมือไปรับถุงเหล่านั้นตามคำขอ ก่อนจะยืนมองเธอหยิบเงินจ่ายค่าจ้างมอเตอร์ไซต์ไปหนึ่งร้อยบาท
“ไม่ต้องทอนนะคะพี่ ขอบคุณมากค่ะ”
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับ จะเอาไปอวดแฟน”
“ได้ค่ะ” ลลิสาเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ อย่างเป็นกันเอง แอคชั่นให้กล้องไปสามท่าถ้วน
“ฝากสวัสดีแฟนพี่ด้วยนะคะ ขับรถดีๆ ค่ะ” เท่านั้นยังไม่พอ ให้ทิปแถมถ่ายรูป แล้วยังยืนโบกมือส่งท้ายอีกด้วย
“คุณนั่งมาจากไหน ค่าวินตั้งหนึ่งร้อยเลย” กวินอยากรู้ เพราะจากหน้าปากซอยเข้ามาตรงนี้ คงไม่เกินยี่สิบบาทหรอก
“นั่งมาจากหน้าปากซอยนั่นแหละค่ะ แต่พอดีว่ารบกวนให้พี่เขาพาแวะซื้อของระหว่างทางหลายร้าน... มาค่ะ ฉันถือเอง” พูดจบลลิสาก็ยื่นมือไปรับถุงที่ฝากเขาไว้ แต่คนที่ถืออยู่ก็ปฏิเสธ
“ผมช่วยถือ ที่อยู่ในมือคุณก็เยอะแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ ฉันซื้อน้ำเย็นๆ มาฝากคุณกับทีมงาน แล้วก็มีขนมกับเครื่องดื่มชูกำลังด้วย วันนี้มาทำงานกันแปดคนใช่ไหมคะ” เธอถามจำนวนเพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้อ่านข้อความที่ส่งมาในกลุ่มแชตผิดไป ในนั้นจะมีการรายงานว่าแต่ละวันมีคนมาทำงานกี่คน และแต่ละวันมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
“ใช่ครับ”
“แล้ว... คุณมายืนทำอะไรตรงนี้คะ ยังไม่ได้ตอบฉันเลย”
“ผมมากวาดเศษดินจากรถขนดินที่มันตกลงบนถนน”
“แล้วใกล้เสร็จหรือยังคะ”
“ใกล้แล้วครับ”
“งั้นอย่าเพิ่งทำค่ะ เข้าไปกินน้ำเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวฉันออกมาช่วย” เธอหันหน้าไปทางเตนท์ที่ถูกกางไว้ให้ร่มเงาสำหรับคนงาน
“ครับ” กวินตอบรับ แม้ว่าใจจริงอยากจะทำให้มันเสร็จก่อน แต่ก็เห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่คนงานจะได้เจอกับเจ้าของบ้าน เลยอยากแนะนำให้ได้คุ้นหน้ากันเอาไว้
“ทุกคนครับ! มาพักก่อน!” กวินตะโกนดังลั่น แต่ก็คงจะไม่มีใครได้ยินชัด ดีที่ภาษากายของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าให้มาตรงนี้ก่อน
“นี่คุณลินนะครับ เป็นเจ้าของบ้าน”
“สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งมีเวลาว่างเจอทุกคน” ลลิสาประหม่าสายตาที่มองมาอยู่บ้าง เพราะทุกสายตานั้นเรียกว่ากำลังจ้องเธอมากกว่ามองซะอีก
“ลินซื้อน้ำเย็นๆ กับขนมมาฝากค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาช่วยสร้างบ้านให้ลิน” นางเอกสาวยิ้มหวานหยดย้อยปานน้ำผึ้งเดือนห้า แม้จะไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าที่พันป้องกันใบหน้าจากแสงแดดนั้นส่งยิ้มกลับมาบ้างหรือไม่ แต่พวกเขาก็ยกมือไหว้เธอ แม้ว่าจะมีอายุมากกว่าก็ตาม
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ค่ะ ทานน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะ มีหลายน้ำให้เลือกเลยค่ะ น้ำอัดลม ชาเขียว น้ำส้ม เลือกเลยนะคะ”
“ปล่อยให้เขาเดินไปกินกันเองจะดีกว่าครับ คุณไปยืนเฝ้าแบบนั้น คนงานเขาเกรงใจ”
“เหรอคะ?”
“ใช่ครับ ถ้าอยู่กับคนที่ไม่ได้สนิทกันมาก มันอึดอัด ไม่สบายใจ”
“จริงด้วยค่ะ” ลลิสาเข้าใจที่เขาพูดทุกอย่าง บ่อยครั้งที่เธอต้องร่วมงานกับนักแสดงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอก็จะเกิดอาการเกร็ง ไม่เป็นตัวของตัวเองและอยากอยู่คนเดียวซะมากกว่า
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดินรถสุดท้ายเพิ่งกลับไปก่อนคุณมาถึงไม่กี่นาทีนี้เอง ที่เหลือก็แค่เกลี่ยหน้าดินแล้วก็เอารถมาบดดินให้มันจับตัวกันแน่นขึ้น ส่วนพี่ๆ พวกนี้ก็มาเก็บรายละเอียดดินตรงขอบๆ เพื่อเตรียมพื้นที่ไว้ทำกำแพง”
“เร็วดีจังเลยค่ะ” เธอมองเขาก่อนจะมองลานกว้างของดินที่มีฝุ่นลอยคลุ้ง
“แล้ววันนี้คุณไม่หยุดงานเหรอคะ คุณทำงานวันเสาร์ด้วยเหรอ?”
“ที่จริงเป็นวันหยุดครับ แต่พอดีว่าพี่เอกกับพี่ศักดิ์เข้ามาตรวจงานไม่ได้ ผมก็เลยมาดูแทน” เขาพูดถึงผู้ช่วยอีกสองคน ที่มีหน้าที่ดูแลการก่อสร้างเช่นกัน
“อ๋อ แล้วคุณเหนื่อยไหมคะ”
“...ผมเหรอ?” คนถูกถามอึ้งไปเล็กน้อย ตั้งแต่เรียนจบและทำงานมาจนปีนี้ก็แปดปีแล้ว ยังไม่เคยมีนายจ้างคนไหนถามเขาสักคำว่าเหนื่อยหรือเปล่า มีแต่แม่กับพ่อเท่านั้นแหละ
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องใช้กำลัง ผมไม่เหนื่อยครับ ผมสั่งอย่างเดียว”
“แล้วทำไมไม่ให้คนงานไปกวาดดินที่หน้าบ้านล่ะคะ มันร้อนนะ คุณไปทำทำไม”
“เขาทำงานติดพันกันอยู่ ก็ช่วยๆ กันทำครับ”
“โอเคค่ะ งั้นไปค่ะ ฉันช่วยอีกแรง” ลลิสาจำได้ว่าที่ถนนหน้าบ้าน ยังมีเศษดินหลงเหลืออยู่บ้าง เธอเองก็ไม่มีอะไรให้ทำ นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวก็เหงา
“มันร้อน คุณอยู่ตรงนี้ดีกว่า” กวินบอกเชิงขอร้อง หากเจ้านายอย่างภูมิภัทรรู้ว่าเขาต้องให้เธอยืนตากแดดจนตัวดำ มีหวังเขาได้ถูกหักเงินเดือน หรือหนักสุดก็คงถูกไล่ออกจากงาน ลำพังแค่ถูกกดดันให้เร่งเรื่องถมดินตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาก็ลำบากใจมากพอแล้ว เพราะเขาเองก็ต้องมาเร่งคนงานอีกที
“ถ้ามันร้อนแล้วคุณจะไปทำทำไมล่ะคะ”
“ถ้าไม่กวาด เดี๋ยวคนใช้ถนนเขาก็ด่าสิครับ”
“งั้นฉันยิ่งต้องไปช่วยใหญ่เลยค่ะ เพราะฉันไม่อยากโดนด่า”
“นั่งตรงนี้ดีกว่าคุณ ฝุ่นมันเยอะ”
“ฉันจะช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าใกล้เสร็จแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบไม้กวาดมาให้” เห็นทีว่าจะปฏิเสธไม่ได้ กวินเลยเดินไปหยิบไม้กวาดและหมวกฟางแบบที่คนทำนาชอบใส่มาให้เธอ อยากรู้เหมือนกันว่าแต่งหน้ามาซะเต็มขนาดนี้ เวลาเหงื่อออกเยอะๆ เครื่องสำอางจะไหลลงมาจนเห็นหน้าสดหรือเปล่า
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มกว้างส่งให้เขา จะไม่ช่วยกวาดได้ยังไงล่ะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นว่าบ้านของลลิสา ทำดินตกเกลื่อนถนนจนสกปรกไปหมด
รถหรูจอดเทียบข้างทางพร้อมลดกระจกลง จนคนที่ยืนถือไม้กวาดทั้งสองคน มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้างในเป็นใคร ลลิสาไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเดาถูกว่าคนขับรถคันนี้เป็นใคร ซึ่งไม่ต่างกับกวินที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ความคิดของเขานั้นเพิ่มเติมขึ้นมานิดหน่อย คือ ‘ซวยแล้วกู’ ซวยเพราะภูมิภัทรมองเลยเธอมาที่เขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก
‘ให้แฟนเจ้าของบ้านมายืนกวาดถนน แถมเจ้าของบ้านยังเป็นแฟนเจ้าของบริษัท กูจะโดนไล่ออกไหมเนี่ย’
“น้องลิน”
“คะ?” ลลิสาถามตาใส เรียกทำไมคะ ทำไมไม่เลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างในดีๆ เดี๋ยวรถคันหลังก็บีบแตรด่าเป็นจังหวะสามช่าหรอก
“ขึ้นรถครับ”
“ขึ้นรถไปไหนคะ”
“เข้าไปข้างในครับ มาทำอะไรตรงนี้”
“อ๋อ กวาดเศษดินค่ะ พี่ภูมิเอารถเข้าจอดข้างในก่อนดีไหมคะ” เธอมองท้ายรถเขา การจราจรเริ่มจะติดขัด เพราะเขาจอดตีไฟเลี้ยวอยู่เกือบนาที ภูมิภัทรไม่มีทางเลือก รถหรูจึงต้องขับมาจอดในที่ดินของลลิสาแต่โดยดี
“คุณลิน”
“คะ?” เธอหันไปตามเสียงเรียกของกวิน
“คุณเข้าไปข้างในเถอะ เจ้านายผมคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เห็นคุณยืนอยู่ตรงนี้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวเขาก็เดินมาหาเอง” ลลิสาพูดจบไม่ถึงห้าวินาที ร่างสูงก็ก้าวเท้าฉับๆ ตรงมาที่เธอ
“ไม่ต้องกวาดแล้วครับ แดดมันร้อน เข้าไปข้างในเถอะ” ภูมิภัทรเป็นห่วงว่าเธอจะเหนื่อย ผิวขาวๆ สวยๆ จะโดนแดดเผา ส่วนคนฟังนั้นยังยืนฟังเฉยๆ ร่างกายไม่มีทีท่าว่าจะขยับตามคำขอของเขาแม้แต่เซนติเมตรเดียว
“พี่ภูมิร้อนเหรอคะ”
“ร้อนสิครับ”
“งั้นพี่ภูมิไปนั่งรอในเตนท์นะคะ” คำพูดของคนที่มุ่งมั่นกับการกำจัดเศษดินให้หมดจากถนนทำให้ภูมิภัทรตกใจ แต่สำหรับกวินนั้นเขากลั้นขำแทบไม่ไหว จนต้องหันหลังไปแกล้งกวาดลม กวาดอากาศเพื่อซ่อนมันเอาไว้
“ผมกวาดคนเดียวได้ครับ คุณลินไปกับคุณภูมิดีกว่า” กวินหันมาบอก ให้ทั้งสองยืนเถียงกันก็เสียเวลาเปล่า ณ เวลานี้เขาทำคนเดียวน่าจะดีที่สุด
“โอเคค่ะ” ลลิสาเห็นไปมองกวินก็พอจะเดาออกว่า ถ้าเธอไม่ทำตามที่ภูมิภัทรขอ ความซวยจะตกไปอยู่ที่ใคร
“ไปครับ” ภูมิภัทรยื่นมือไป หวังว่าจะช่วยพยุงให้เธอเดินได้อย่างสะดวกบนดินที่ขรุขระ แต่สิ่งที่เธอยื่นให้กลับเป็นไม้กวาดไม่ใช่มือของหญิงสาวอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยิ้มขอบคุณในน้ำใจ แต่คนรับของมาถือนั้นยิ้มหวานส่งกลับไป เอาวะ อย่างน้อยได้ถือไม้กวาดที่เธอเคยจับก็ยังดี
“คราวหลังน้องลินไม่ต้องทำงานพวกนี้นะครับ ให้เป็นหน้าที่ของคนงานเขาทำไป” ภูมิภัทรบอกขณะที่เห็นเธอดื่มน้ำเย็นๆ แก้กระหายจนเสร็จแล้ว
“พี่ๆ เขามีงานที่ต้องทำอยู่แล้วค่ะ ลินเห็นคุณวินเขากวาดอยู่คนเดียวเลยเข้าไปช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ”
“พี่เข้าใจนะครับว่าน้องลินอยากช่วย แต่น้องลินช่วยงานง่ายๆ อย่างอื่นดีกว่า ไปยืนกลางแดดร้อนแบบนั้น เดี๋ยวก็เป็นลมล้มไปพอดี”
“ลินก็กลัวร้อนเหมือนกันค่ะ แต่กลัวคนอื่นด่าว่าทำถนนสกปรกมากกว่า”
“ไม่มีใครด่าหรอกครับ ตอนเย็นๆ แดดร่ม เดี๋ยวคนงานเขาก็ไปตามเก็บกวาดอยู่ดี”
“ค่ะ” ลลิสาตอบรับสั้นๆ แค่ได้ยืนยันว่าเธออยากไปกวาดเอง ไม่ใช่เพราะกวินบังคับก็บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว
“น้องลินมายังไงครับ” ภูมิภัทรไม่เห็นรถของเธอจอดอยู่ มีเพียงรถกระบะของบริษัทที่เอาไว้รับส่งคนงาน และรถเอสยูวีสีดำอีกคัน คงเป็นของวิศวกร
“นั่งแท็กซี่มาลงที่หน้าซอย แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาหน้าบ้านค่ะ”
“แล้วน้องลินจะกลับตอนไหนครับ ให้พี่ไปส่งได้หรือเปล่า”
“พี่ภูมิมาถึงนี่ ก็เพราะจะมารับลินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ครับ” เขายิ้มเขิน
“ลินให้พี่ภูมิไปส่งก็ได้ค่ะ แต่พี่ภูมิต้องตอบคำถามลินก่อน พี่ภูมิรู้ได้ยังไงคะว่าลินอยู่ที่นี่” คราวนี้แววตาของเธอมองเขาไม่กะพริบ ไหนว่ามาซิ นกน้อยตัวไหนแอบบินไปบอกข่าว
“แม่น้องลินครับ”
“ค่ะ” ลลิสาตอบรับสั้นๆ เพราะไม่แปลกใจเท่าไหร่ เธอคาดการณ์ไว้แล้วว่าถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นจิ๊บจ๊าบ ซึ่งรายหลังนั้นคงเป็นไปได้ยาก แต่ก็เกิดอาการหงุดหงิดเล็กๆ เพราะคุณนายศรัญญาน่ะตัวอยู่ไกลถึงฮ่องกง ยังอุตส่าห์บอกข่าวเขาได้อีก สงสัยนกที่แม่เอากระดาษผูกติดขาเอาไว้ จะเป็นนกที่บริการจัดส่งแบบอีเอ็มเอส
“งั้นเรากลับกันเลยดีกว่าค่ะ คงจะมีเรื่องให้คุยกันอีกเยอะ” เธอพรวดพราดลุกจากเก้าอี้ มั่นใจมากว่าการต้องนั่งรถราคาหลายสิบล้านกลับบ้าน จะต้องมีบทสนทนาที่อ้างอิงมาจากบทสัมภาษณ์ของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แน่นอน
“ครับ รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ขับรถมารับ” ภูมิภัทรยิ้มแป้น ดีใจที่การอาสาไปส่งเธอกลับบ้านนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด
รถหรูขับออกมาได้สักพัก เจ้าของรถที่ยังโสดและเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในแวดวงสังคมเดียวกัน รวมถึงพนักงานสาวๆ ในบริษัทที่เขาต้องดูแล ต่างก็วาดฝันเอาไว้ว่าหากได้ครองใจผู้บริหารที่ทั้งหล่อและแสนดีคงจะสบายไปทั้งชีวิต แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือสายตาจะมองใคร หรือวางผู้หญิงคนไหนไว้เป็นตัวเลือก ภูมิภัทรมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำทุกอย่างให้ดาราสาวที่ปราศจากข่าวเสียหายอย่างเช่นคนอื่นๆ มาเป็นคนรักให้ได้
“พี่ดูคลิปที่น้องลินให้สัมภาษณ์แล้วนะครับ” เขาหันมาคุยกับ ลลิสาถึงเรื่องที่เธอชี้แจงว่าความสัมพันธ์กับเขานั้นเป็นอย่างไร
“ค่ะ”
“แปลว่าพี่จีบน้องลินได้อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมครับ”
“ก็... จีบได้ค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะคุยกันตลอดเวลา หรือลินต้องคุยกับพี่ภูมิคนเดียวนะคะ” เธอตอบกลับด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กๆ คิดว่าจะเขินหรือตื่นเต้นที่ถูกผู้ชายขอจีบเธอซึ่งๆ หน้า แต่มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกมดกัดจี๊ดๆ ไม่กี่วินาทีก็หายไป
“ครับ พี่เข้าใจ แต่วันนี้อย่าลืมบวกคะแนนให้พี่ด้วยนะครับ คะแนนของพี่จะได้ตีตื้นคนอื่นขึ้นมาบ้าง”
“พี่ภูมิคิดว่าลินมีคนมาจีบเยอะเหรอคะ”
“พี่ไม่แน่ใจครับว่าเยอะหรือเปล่า แต่พี่คิดว่ายังไงก็ต้องมีแน่ๆ ใครเคยได้คุย ได้รู้จักกับน้องลินก็ต้องประทับใจน้องลินเหมือนที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้”
“ว้าว!”
“ว้าวอะไรเหรอครับ”
“ดีใจค่ะ เวลาทำให้คนรอบข้างมีความสุข” ลลิสาตอบไปมั่วๆ ที่จริงเธอตกใจที่เขาคิดว่าเธอมีคนมาจีบหลายคน แต่ความจริงแล้วจำนวนผู้ชายที่เข้ามาขายขนมจีบเธอช่วงนี้นั้นมีปริมาณเท่ากับศูนย์ ไม่มีเลยจริงๆ
“ทำไมพี่ภูมิถึงรู้สึกดีกับลินคะ ก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันก็หลายครั้ง ลินไม่เห็นว่าพี่ภูมิจะแสดงออกอะไรเลย”
“พี่ก็รู้สึกดีกับน้องลินมานานแล้วนะครับ แค่ตอนนั้นพี่มีแฟนอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกดีเกินไปกว่าสถานะน้องสาว แต่พอพี่โสด พี่เลยรู้สึกดีกับน้องลินมากขึ้น และพี่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่น้องลินโสด เพราะไม่รู้ว่าน้องลินจะโสดอีกนานแค่ไหน”
“โอ้โห นี่ถ้าไม่มีหลังคารถ ลินลอยไปถึงดวงจันทร์แล้วนะคะเนี่ย” ลลิสาแกล้งพูดให้ตลกเพื่อกลบสายตาหวานๆ ที่ส่งมา
“งั้นพี่เปิดหลังคารถเลยนะ” มือหนาแกล้งจะกดปุ่มเปิดหลังคารถ ที่สามารถเปิดออกรับลมเย็นๆ และแสงแดดได้
“ลินลอยไม่ขึ้นหรอกค่ะ ช่วงนี้อ้วน” เธอยิ้มให้กับมุกตลกของเขา จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นเขาในมุมแบบนี้เหมือนกัน ปกติจะเห็นเขาใส่สูทเนี้ยบๆ ดูจริงจังกับการทำงาน หรือถ้าเจอในงานเลี้ยงที่ได้ไปร่วมงานเดียวกัน เขาก็มักจะนั่งอยู่กลุ่มกับเพื่อนผู้ชายซะส่วนใหญ่
“ถ้าอยากออกกำลัง พี่มีฟิตเนสกับเทรนเนอร์เก่งๆ แนะนำนะครับ”
“คงจะเป็นฟิตเนสกับเทรนเนอร์คนเดียวกับที่พี่ภูมิใช้บริการใช่ไหมคะ”
“รู้ทันพี่อีกแล้ว”
“ส่งลินตรงนี้ก็พอค่ะ ลินจะซื้อเค้กค่ะ ร้านนี้ทำเค้กช็อกโกแลต อร่อยมาก” ลลิสารีบบอกก่อนที่เขาจะเข้าไปส่งเธอถึงหน้าคอนโดมิเนียม
“ได้ครับ” ภูมิภัทรตามใจ เขาเลี้ยวไปจอดหน้าร้านเบเกอรี่ที่อยู่ติดถนน และโชคดีที่มีที่ว่างด้านหน้าให้เขาจอดพอดี
“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง”
“เดี๋ยวครับ” เขาหยุดเธอที่กำลังจะเปิดประตูรถด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุดในบรรดาบทสนทนาที่ผ่านมาเมื่อครู่ สายตาที่มองเธอนั้นไม่มีอาการลอกแลกเลยแม้แต่น้อย
“คะ?” เอาแล้วสิ ใจตอนนี้มันเต้นผิดจังหวะ เอาเข้าจริงเขาก็ทำให้เธอใจสั่นจนได้ แล้วนี่มันก็เหมือนฉากในละคร ฉากที่พระเอกมองนางเอกด้วยความหลงใหล ฉากที่พระเอกไม่อยากปล่อยให้เธอหายไปไหนไกล
“พี่ขอเป็นอีกคนที่ทำให้น้องลินมีความสุขนะครับ”
“ค่ะ แต่พี่ภูมิอย่าลืมที่ลินบอกก่อนหน้านี้นะคะ คุยกันเฉยๆ จะเป็นยังไงต่อค่อยว่ากันอีกที” ลลิสาพูดจบก็ลงจากรถไป นี่มันประโยคขอจีบ โดยไม่มีคำว่าจีบสักคำ แต่ทำไมมันทำให้เขินจนหน้าร้อนผ่าวขนาดนี้ล่ะ คิดถูกหรือเปล่าเนี่ยที่ยอมเปิดทางให้เขา หลงรักเขาขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง เพราะเขาก็ไม่มีคู่แข่งเลยสักคน แล้วที่หน้าแดงอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเพราะอากาศมันร้อนละมั้ง