ตอนที่ 5.

1520 Words
                “พี่หลางต้องตามคุณหลิวไปทุกที่เลยหรือครับ”                 “ใช่ ฉันทำงานกับคุณหลิวนี่”                 “แล้ว มีเวลาส่วนตัวไหมครับ เช่นวันหยุดอะไรแบบนี้”                 “ก็มีอาทิตย์ละวัน นายถามทำไม”                 ไป่หลางมองหน้าคนถาม อีกฝ่ายยิ้มกว้างพูดขึ้นว่า                 “ผมอยากเลี้ยงข้าวตอบแทนพี่หลาง วันหยุดพี่วันไหนบอกผมได้ไหม”                 ไป่หลางถอนหายใจแรง “วันพรุ่งนี้ แต่ไม่ต้องตอบแทนหรอก ฉันไม่ได้หวังอะไรหรอกน่า” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ                 “ผมอยากเลี้ยง เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราเจอกันที่หมงก๊กนะครับ ไปเดินเล่นแล้วหาข้าวกินกัน นี่เบอร์ผม หรือเอาไอดีไลน์ด้วยก็ดีนะครับ พี่เบอร์อะไร จะได้กดแอดไป”                 ดูเหมือนหนุ่มน้อยจะรุกหนัก ทำเอาไป่หลางปวดหัว เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหวังเล่ยเทียนเลย แต่อีกฝ่ายช่างตอแยเสียจริง                 “น่าพี่หลาง ขอเบอร์หน่อย”                 หวังเล่ยเทียนทำเสียงอ้อนได้น่าถีบนัก ไป่หลางได้แต่ถอนหายใจแรงๆ แต่ก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายไปกดเมมเบอร์ไว้                 “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะไลน์ไปคยด้วยนะครับ”                  หวังเล่ยเทียนส่งโทรศัพท์คืนให้ ก่อนที่ประตูห้องอาหารจะเปิดออกพร้อมกับ คนที่อยู่ด้านในเดินออกมา                 “อาหลางกลับกันเถอะ เสร็จธุระแล้ว”                 หลิวเฟยหลงบอกลูกน้องคนสนิท ไป่หลางค้อมศีรษะรับ กดโทรศัพท์เรียกให้คนรถเตรียมรถมารอหน้าภัตตาคาร                 “สำหรับฤกษ์หมั้นหมาย ผมจะแจ้งคุณหลิวอีกครั้งนะครับ คงจะเร็วๆ นี้”                 หวังจงบอกมาเฟียหนุ่มด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หลังจากอีกฝ่ายตกลงหมั้นหมายกับหวังลี่จูลูกสาวของตน                 “เอาตามที่คุณหวังสะดวกเลยครับ ระหว่างนี้ให้คุณหนูหวังกับคุรหวังดูแลตัวเองด้วย เฉินจิ้งมันอาจทำอะไรที่เราคาดไม่ถึง ผมจะส่งคนไปช่วยดูแลอีกทาง ผมกลับก่อนนะครับแล้วพบกันใหม่” หลิวเฟยหลงบอก ก่อนจะขอตัวกลับ                 เมื่อกลับมาถึงหลิวเฟยหลงขึ้นไปห้องนอนส่วนตัว โดยเรียกไป่หลางขึ้นไปด้วย ทั้งสองพุดคุยกันถึงเรื่องของครอบครัวตระกูลหวัง                 “ฉันตกลงหมั้นหมายกับคุณหนูหวัง งานน่าจะจัดขึ้นภายในเดือนนี้ ระหว่างนี้ฉันจะส่งคนไปดูแลครอบครัวตระกูลหวัง นายต้องรับหน้าที่นี้” หลิวเฟยหลงสั่งการ                 “ครับคุณหลิว” ไป่หลางรับคำ                 “หลังจากหมั้น ฉันจะให้คุณหนูหวังย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย สั่งพ่อบ้านให้เตรียมห้องรับรองด้วย”                 “ครับคุณหลิว ให้อยู่ห้องทางปีกซ้ายนะครับ จะได้เป็นส่วนตัว”                 คฤหาสน์ตระกูลหลิว มีตึกปีกซ้ายและตึกปีกขวา ซึ่งฝั่งขวาหลิวเฟยหลงพักอาศัยอยู่กับไป่หลาง                 “อืม ตามใจนาย อย่าให้มารบกวนทางปีกขวาของพวกเราก็แล้วกัน”                 “คุณหลิวคงจะเหนื่อย พักผ่อนก่อนนะครับ ผมขอตัวก่อน”                 ไป่หลางลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะ ทำความเคารพ ก่อนจะปลีกตัวกลับไปยังห้องของตัวเอง ในสมองวนเวียนนึกถึงใบหน้าของหวังเล่ยเทียน พรุ่งนี้เขาจะไปตามนัดหมายของอีกฝ่ายดีไหม                 ตื๊ด ตื๊ด… เสียงข้อความเข้า พอกดดุก้เห้นข้อความนี้ ทำเอาไป่หลางถอนหายใจเฮือกใหญ่             … อย่าลืมนัดของเรานะครับพี่หลาง แต่งตัวหล่อๆ ด้วยนะครับ ผมจะรอที่หมงก๊กตอนสิบโมงเช้า ไม่เจอไม่กลับ ไม่มา ผมก็จะรอ / หวังเล่ยเทียน…                   หลังจากไป่หลางออกไปแล้ว หลิวเฟยหลงก็นั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาเปิดลิ้นชักหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งที่ซุกอยู่ในนั้นออกมาวางบนโต๊ะ มือหนาค่อยๆ เปิดกล่องแห่งความทรงจำนั้นช้าๆ เขาเก็บมันไว้นานนับสิบปี หลังจากคิมมินจุนได้ตายจากไป ในกล่องบรรจุภาพของคิมมินจุนรวมถึงล็อกเก็ตทำจากหยกรูปมังกร ซึ่งเขาสั่งทำไว้สองอันมอบให้คิมมินจุนหนึ่งอัน อีกอันอยู่กับเขา หลิวเฟยหลงหยิบรูปของคนรักออกมาดู ทอดมองใบหน้าในรูปถ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน แววตานี้ไม่เคยมีใครได้เห็นนอกจากคนที่เขารัก วงการมาเฟียทำให้หลิวเฟยหลงต้องแข็งแกร่งไม่ยอมให้ใครได้เห็นด้านที่อ่อนแอของตน ต่อหน้าคนในแก๊งหรือคนทั่วไปเขาคือเจ้่าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ เลือดเย็น ไร้หัวใจ สั่งฆ่าคนได้โดยไม่มีความเมตตา ทุกสิ่งหากต้องการคือต้องได้ไม่มีข้อยกเว้น คำสั่งดุจประกาศิต สั่งเป็นสั่งตายผู้คนในอานัติได้ราวกับพระเจ้า สร้างภาพลักษณ์ให้คนยำเกรงในฐานะหัวหน้าแก๊งมังกรเพลิงมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง                 “อามิน นายจากฉันไปสิบปีแล้วสินะ สิบปีมันผ่านไปไวมาก แต่รู้ไหมว่าฉันไม่เคยลืมนายไปจากหัวใจได้เลยสักวัน”                 หลิวเฟยหลงบอกคนในภาพด้วยน้ำเสียงอ่อนเศร้า แววตาปวดร้าว หัวใจเจ็บหนึบเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มแทงลงพร้อมกัน เวลาไม่เคยทำให้เขาคลายจากความรวดร้าวนี้ได้เลย เขาตามล่าคนที่ฆ่าคิมมินจุนจนรู้ว่าคนร้ายได้รับคำสั่งจากเฉินจิ้งหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ดำ ตอนนั้นเขาเป็นแค่ลูกชายหัวหน้าแก๊ง ไม่มีอำนาจมากพอจะต่อกรกับเฉินจิ้ง ได้แต่เก็บความแค้นมาตลอดรอเวลาที่ตัวเองได้ขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรเพลิง ตอนนี้เขาสั่งสมอำนาจบารมีทัดเทียมกับอีกฝ่าย คงถึงเวลาทวงแค้นเสียที แค้นนี้ทวงคืนสิบปีไม่มีสาย เขาจะทำให้ไอ้เฉินจิ้งมันตายอย่างทรมานให้สาสมกับที่มันได้ทำลายดวงใจของเขาไป                 ภาพในวันนั้นวาบผ่านเข้ามาในมโนนึก…                 “เฟยหลง วันนี้วันเกิดผม เราไปฉลองกันที่ไหนดี”                 คิมมินจุนเกาะแขนหลิวเฟยหลง พากันเดินลงมาจากตึกเรียน หลังจากจบคาบเรียบคาบสุดท้ายของวัน ทั้งสองเป็นนักศึกษาชาวเอเชียที่ดูสนิทสนมกันในสายตาของเพื่อนนักศึกษาคนอื่น มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอราวกับคู่แฝด ที่ไหนมีหลิวเฟยหลงที่นั่นจะมีคิมมินจุนอยู่ใกล้ๆ โดยมีไป่หลางในฐานะคนรับใช้คอยดูแลอยู่ห่างๆ                 “อยากไปที่ไหนก็ตามใจนายเลย ฉันจะได้บอกอาหลางให้เตรียมรถ” หลิวเฟยหลงตบไหล่คิมมุนจุนเบาๆ เขามักตามใจคนรักเสมอ                 คิมมินจุนยิ้มสดใจ ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า                 “ไปนั่งรถเล่นกันไหม แล้วก็ไปแคมปิ้งบนเขา นอนดูดาวกันบนนั้น ฉลองวันเกิดบนเขาด้วยกันสองคนดีไหม”                 “เข้าท่าดีนี่ แต่เราต้องกลับไปเอาอุปกรณ์พักแรม แล้วก็เตรียมอาหารด้วย ” หลิวเฟยหลงเห็นด้วย เขายกมือเรียกไป่หลางแล้วสั่งการ                 “อาหลาง ฉันกับอามินจะไปแคมปิ้งบนเขา นายไปเตรียมอุปกรณ์ และหาของกินให้ด้วย ฉันกับอามินจะไปกันสองคน”                 “ครับคุณหลิว”                 ไป่หลางค้อมศีรษะรับคำสั่ง ก่อนจะเอารถมาจอดรับนายทั้งสองของตนพาไปยังอพาร์ทเม้นที่พัก เมื่อส่งทั้งสองเข้าที่พักแล้วไป่หลางก็ขับรถออกไปซื้อของ ปล่อยให้หลิวเฟยหลงกับคิมมินจุนอยู่ด้วยกันสองคน ทั้งสองช่วยกันจัดเสื้อผ้าและอุปกรณ์ตั้งแคมป์                 “เอาผ้าห่มผืนนี้ไปดีไหมครับ มันผืนใหญ่ดี”                 คิมมินจุนจัดของไปถามไป ขณะที่หลิวเฟยหลงนั่งมองอยู่บนเตียง                 “กลัวหนาวหรือไงอามิน มีฉันอยู่ข้างๆ นายคิดว่านายจะหนาวอีกหรือ”                 หลิวเฟยหลงถามยิ้มๆ ตาเป็นประกายวาววาม ขณะมองร่างเพรียวบางของคนรักด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู เขากับคิมมินจุนรู้จักกันมาสองปีแล้วนับตั้งแต่เข้ามาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สนิทสนมเป็นเพื่อนกันมาหนึ่งปี ก่อนจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักในปีที่สอง และเริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเมือ่หกเดือนที่ผ่านมา มันยังใหม่สดต่อกันและกัน ความหวานชื่นรื่นรมณ์ยังอวลอยู่ในทุกอณูหัวใจ เหมือนต่างฝ่ายต่างเติมเต็มในสิ่งที่โหยหา                 “ถ้าผมบอกว่าหนาว คุณจะทำยังไงครับ คุณก็รู้ว่าผมขี้หนาว ผมขาดความอบอุ่นไม่ได้”                 คิมมินจุนเอ่ยถามเสียงใส เขาหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายร่างหนาสูงใหญ่กว่าตน ด้วยแววตาหวานเชื่อม ปกติคิมมินจุนเป็นคนพูดน้อย แต่ยามที่อยู่กันสองคน เขาจะกลายเป็นอีกคนที่ช่างพูด ช่างเอาใจ พอๆ กับช่างยั่ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD