ตอนที่ 2 ความต้องการของผู้ชายชื่อ ‘ภีมวัจน์’ 50%

3154 Words
ตอนที่ 2 ความต้องการของผู้ชายชื่อ ‘ภีมวัจน์’ 50%               ร่างสวยสมส่วนของสาวแรกดรุณีเดินกลับเข้ามาที่ผับอีกครั้ง หลังจากได้รับรายงานจากลูกน้องว่าผับมีปัญหา ระหว่างที่เธอเตรียมตัวจะกลับบ้าน หญิงสาวต้องหอบหิ้วกายย้อนกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ในใจก็นึกเข่นเขี้ยวว่ามนุษย์ตนใดมันยังไม่กลับบ้านช่อง ทั้งๆ ที่ผับก็ปิดไปค่อนครึ่งชั่วโมงแล้ว? ครั้นจะเร่งฝีเท้าให้รวดเร็วทันใจก็ไม่ได้ เมื่อวันนี้หญิงสาวสวมใส่มินิเดรสสีน้ำเงินเข้มรัดรูปทรงเกาะอก โชว์เนินเนื้อผ่องสกาวเล็กน้อย ทว่าไม่มีใครได้ยลโฉมลาดไหล่เกลี้ยงเนียนละมุน เมื่อแม่คุณสวมกั๊กหนังสีดำครึ่งลำตัวทับอีกรอบ สาวน้อยสวยหวานเมื่อวันวาน กลับกลายเป็นสาวสะพรั่งสวยมาดมั่นในพริบตา ดวงหน้าแต่งแต้มเครื่องประทินผิวมาอย่างสะสวย เปลือกตาบางมาในโทนสีเทาเงาวับ เคลือบกากเพชรอย่างเจิดจรัส กรีดอายไลน์เนอร์เฉี่ยวคม โหนกแก้มสวยปัดบรัชออนสีส้มอมชมพู กลีบปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีแดงสดอย่างมั่นใจ ทำให้คนผิวขาวเป็นทุนเดิม โดดเด่นสะดุดตา               ลำคอเรียวระหงมีสร้อยเพชรเส้นน้อยประดับจี้หงส์วาววับยามสะท้อนแสงไฟ ร่างงามเดินเฉิดฉายเข้ามาดุจนางพญา บรรดาลูกน้องเดินตามหลังเป็นแถว สองร่างที่ซัดกันนัวไม่มีทีท่าจะหยุด หมาบ้าสองตัวกำลังแลกกำปั้นกันอย่างหนักหน่วง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร               คนสายตาสั้นเดินเข้ามาในระยะที่พอมองเห็นเสี้ยวหน้าชัดๆ เรียวปากสีแดงสดถึงกับเผยอค้าง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอคนที่เธอหลบหน้าเลี่ยงตามาตลอดสามปีเต็ม ‘คุณภีม’ ทิชารีย์อึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าคนที่ทำอันธพาลจะเป็นเขา จมูกรั้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความมั่นใจ ก่อนจะตวาดเสียงห้วนสั่งอย่างเด็ดขาด  “หยุดก่อความวุ่นวายเดี๋ยวนี้!!!” การ์ดยืนคุมแถบนั้นต้องโค้งคำนับ เมื่อนายหญิงแห่งอัครวราห์เดินลงมาจัดการเรื่องอย่างว่าด้วยตนเอง ทว่าสองร่างที่ฟัดกันนัวเนียยังไม่ยอมสงบ ทำเอาทิชารีย์ต้องตวาดซ้ำอีกรอบ “ฉันสั่งให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ภีมวัจน์ถึงกับชะงักหมัดค้างกลางอากาศ มุมปากหยักเหยียดแสยะนิดๆ ภีมวัจน์ วงศ์ธนฉัตรกุล นักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบปี สาวน้อยสาวใหญ่ต่างรู้สรรพคุณชายเลือดร้อนหัวใจเพลิงเป็นอย่างดี ว่าบ้าบิ่น มุทะลุ ขนาดไหน นอกจากจะไม่ฟังใครแล้ว ยังเป็นประเภทยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่ กล้าได้กล้าเสีย ที่สำคัญ คำว่าเลวนรกยังใช้กับเขาไม่ได้ เพราะภีมวัจน์หรือคุณภีม เลวสุดขั้วเลวที่สุดในสามโลก ทว่าความเลวก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อคมเข้มลดหย่อนลงแม้แต่น้อย เมื่อซาตานในคราบมนุษย์ตนนี้มีหน้าตาเป็นอาวุธประจำกาย   “ชิบ!!” เสียงห้วนสบถหยาบคาย ก่อนจะเคลื่อนย้ายร่างผละห่างคู่กรณี   มือหนาเช็ดมุมปากหยักที่มีเลือดไหลซิบอย่างลวกๆ ใบหน้าหล่อหันมองมายังเจ้าของเสียงหวานคุ้นหู แววตานั้นแสนดูถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงในอดีตที่หนีเขามาแต่งงานกับศัตรูเก่า น่าสมเพช!!               “การ์ดชาร์ดตัวเอาไว้ทั้งสองคน” เสียงหวานสั่งบรรดาการ์ดทั้งหลาย ชายชุดดำรีบกรู่เข้ามา ทว่าเสือร้ายเลือดร้อนอย่างภีมวัจน์กลับไม่ยอมให้เข้าใกล้ ซ้ำยังตั้งท่าจะต่อสู้กับบรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายด้วยท่าทีขึงขัง มีเพียงคู่กรณีอีกคนเท่านั้นที่โดนชาร์ดตัวออกไป               “เก่งกว่าเดิมนะครับคนสวย” เสียงเข้มยียวนสาวมั่นตรงหน้า สายตาคมกวาดต้อนมองร่างสมส่วนอย่างค้นหา จากวันนั้นจนวันนี้ เธอสวยและดูสง่ามากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทิชารีย์คนอ่อนหวานเมื่อสามปีก่อนหายไปไม่เหลือเงา และเขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นทิชารีย์คนนั้นอีกแล้วกระมัง หึ!               “สวยมั่นกว่าเดิมด้วย” ขยับร่างเข้ามาใกล้ นิ้วแกร่งหมายไล้ปลายคางมนอย่างหยอกเย้าตามประสาคนเจ้าชู้ขี้เล่น ทว่าหญิงสาวกลับไม่เล่นด้วย ร่างงามผละถอยห่างรวดเร็ว มือน้อยปัดมือหนาออกจากกายอย่างรังเกียจ ทั้งๆ ที่หัวใจดวงน้อยกลับไหวสั่นเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ ขณะเดียวกันเสียงรองเท้าราคาแพงดังกระทบพื้นเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงเข้มห้วนเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจ               “มึงหยุดอยู่ตรงนั้น” เท้าหนาของภีมวัจน์หยุดชะงัก เมื่อเสียงทุ้มของเจ้าพ่อโลกีย์เจ้าของสถานอโคจรบัญชา สองเสือร้ายประจันหน้า ต่อสู้กันทางสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร               ขณะเดียวกันร่างงามสะพรั่งขยับแนบข้างคนเป็นสามี ทำเอาอีกคนที่เหลือบสายตามองต้องเหยียดยิ้มใส่ด้วยความรู้สึกสมเพช “ช่วยกันทำมาหากินดีนี่!!” น้ำเสียงกวนบาทาส่งผลให้คนอารมณ์คุกรุ่นอย่างธนาวัฒน์เดือดดาลเอาเสียดื้อๆ ยิ่งเห็นสายตาศัตรูเก่ามันจ้องมองคนข้างกาย เขาละอยากเสยกำปั้นหนักๆ ใส่หน้ามันนัก ไอ้หมาบ้าภีม! “ไม่เกี่ยวกับมึง จะไปทางไหนก็เชิญ” ตะคอกขับไล่อย่างโมโห ก่อนจะเลื่อนมือหนาเกี่ยวเอวคอดของคนข้างกายมาตะกองกอดอย่างหวงแหน พร้อมประกาศทางสายตาว่า เมียกูมึงอย่ายุ่ง!   ภีมวัจน์เห็นแล้วสมเพชนัก หญิงก็ร้าย ชายก็ทราม หึ! ปากหยักยิ้มหยัน ก่อนจะพ่นเสียงห้วนเย้าแหย่               “ผับของอัครวราห์เชิญแขกกลับด้วยวิธีแบบนี้เหรอ…” ปากคอเราะร้ายไม่เคยเปลี่ยน คำพูดของคนตัวใหญ่ทำเอาเจ้าพ่อสถานบันเทิงต้องเดือดปุดๆ               “มึงอย่ามาเล่นลิ้น เชิญ!!” ธนาวัฒน์สั่งเสียงเด็ดขาด!! ใบหน้าคมคร้ามถมึงทึง สันกรามบึนบดกันจนเป็นสันนูน แต่มีหรือที่คนอย่างภีมวัจน์จะหวั่นเกรง แล้วยอมถอนทัพกลับง่ายๆ                “อย่าเพิ่งสิครับเจ้าพ่อผู้ขนานนาม กว่าจะเรียกตัวออกมาได้ก็เกือบตาย…” ปากหยักขยับเอ่ยด้วยวาจาถากถางเบาๆ คำพูดของนักธุรกิจหนุ่มทำเอาเจ้าพ่อสถานบันเทิงแทบบ้า เมื่อรู้ว่าสาเหตุของการก่อเรื่องอาระวาดชวนเวียนศีรษะ คือต้องการเรียกตัวเขาออกมาเนี่ยนะ!                “ที่มึงก่อเรื่อง เพราะอยากเรียกกูออกมางั้นเหรอ เวรเอ๊ย!!” คนตัวใหญ่สบถหยาบคาย วิธีเรียกเจ้าพ่อสถานบันเทิงของมันนี่ต่างบ้านต่างเมืองเกินมนุษย์มนาจริงๆ               ด้านคนยืนอยู่ข้างเรือนกายบึกบึนอย่างทิชารีย์เริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะหญิงสาวสังหรณ์ใจว่าคนอันธพาลไม่ได้มาแค่ต้องการเห็นหน้าสามีเธอ ในเมื่อมาเยือนถึงถิ่นขนาดนี้ คนเอาแต่ใจอย่างเขาต้องมีอะไรมากกว่าต้องการพบหน้าแน่นอน            “อย่าไปคุยกับเขาเลยค่ะพี่แธน กลับไปพักผ่อนกันเถอะนะคะ”  เรียวปากสวยขยับเอ่ยกับคนตัวโตข้างกาย มือเรียวบางเขย่าท่อนแขนหนา ทำเอาคนมองอย่างภีมวัจน์ต้องตาขวางใส่ด้วยความไม่ชอบใจ แต่จะสาเหตุอันใดก็ยากเกินจะอธิบาย ชายหนุ่มต้องรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกลึกต่ำจากก้นบึ้งหัวใจ ด้วยการเค้นยิ้มเหยียดแล้วขยับปากพูดกระแหนะกระแหนตามนิสัยแสนร้ายกาจ               “หึ คงจะปรนนิบัติพัดวีเอาใจกันอย่างดีสินะ” คำพูดของคนยโสโอหัง ทำเอาธนาวัฒน์ต้องกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธกรุ่น  “ปากหมาเอ๊ย!! กูอุตส่าห์ไม่เอาเรื่องที่มึงมาก่อความวุ่นวายแล้ว มึงยังมีหน้ามาทำปากนรกแถวนี้อีก” ภีมวัจน์ได้ยินเสียงห้วนก่นด่าออกมา จึงเค้นยิ้มแล้วขยับปากหยักเอ่ยจุดประสงค์ของการมาในวันนี้ “หึ มาตกลงเรื่องเมื่อวันนั้นก่อนมา แล้วจะไปชั้นดาดฟ้า บนดาวบนสวรรค์ทางไหนก็เชิญตามสบาย” เรื่องเมื่อวันก่อนก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ดินผืนงามของธนาวัฒน์ที่อยู่ซอยย่านเศรษฐกิจแห่งหนึ่ง ที่ดินผืนนั้นเป็นมรดกตกทอดของวงศ์ตระกูล บิดาเขาสั่งไว้ว่าที่ดินทำกินผืนนั้นให้ยกเป็นสมบัติแก่ทิชารีย์ แม้ใครจะให้ราคามากโขเพียงไหนก็ไม่ต้องขาย มรดกตกทอดมันมีคุณค่ามากกว่าเงิน มันไม่สามารถวัดค่าตีราคาออกมาได้ “ไอ้ปากเวร มึงหยุดพูดดูถูกว่าร้ายคนอื่นได้แล้ว” ชี้นิ้วด่ากราด ใบหน้าคมแสนหล่อเหลา กลับกลายเป็นซาตานชั่วพริบตา ก่อนที่ปากหยักจะกระตุกเอื้อนเอ่ยต่อ “…และอีกอย่างกูก็ยืนยันคำเดิมว่ากูไม่ขาย เข้าใจไหมคำว่า ไม่-ขาย” เสียงเข้มเน้นชัดทุกพยางค์ ทว่าคนอยากได้กลับตีหน้ามึนใส่และแสร้งทำเป็นไม่สน พ่อนักธุรกิจเห็นอะไรเป็นเงินเป็นทองต้องการที่ดินย่านนั้น เนื่องจากที่ตั้งทำเลดีสุดๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าเสนอราคามหาศาลให้ “แต่กูอยากได้ สองไร่กูให้ยี่สิบล้านมึงจะขายไหม”  เอ่ยต่อลองพร้อมราคาสูงลิบลิ่ว ทว่าเจ้าพ่อสถานบันเทิงกลับยืนยันเพียงคำเดิม “กูไม่ขาย” เสียงห้วนเด็ดขาด ใบหน้าคมคร้ามขึ้นสีเข้มเรื่อยๆ ตามอารมณ์กรุ่นโกรธ  “สามสิบล้าน” ภีมวัจน์ยื่นราคาไม่รู้หยุด ทำเอาเจ้าพ่อสถานบันเทิงสุดจะทน ตวาดก้องบริเวณ “กูไม่ขาย!!” ทิชารีย์ได้แต่รั้งแขนคนขึ้นชื่อว่าเป็นสามีไว้ เกรงว่าคนอารมณ์ร้อนดุจเพลิงโลกันต์อย่างธนาวัฒน์ จะหักห้ามไม่อยู่ “แล้วเท่าไร มึงถึงจะขาย” ภีมวัจน์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เขาอยากได้ที่ดินผืนนั้น อยากได้มาครอบครอง อยากได้มาเป็นเจ้าของ แม้ราคาจะสูงแค่ไหนก็สู้ไม่หวั่น! “ต่อให้มึงยื่นราคามาเป็นร้อยล้านกูก็ไม่มีทางขาย” เจ้าพ่อสถานบันเทิงตะคอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า ทำเอาภีมวัจน์ต้องใช้วิธีที่แสนจะถนัด นั่นคือการทำตามอำเภอใจตนเอง แม้ว่าวิธีที่พึงกระทำนั้นจะชั่วร้ายเพียงใดก็ตาม “เดี๋ยวมึงเจอดีกับกูแน่ไอ้แธน” ขู่ฟ่อคำโต ทว่าคนนิสัยไม่ต่างกันกลับไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังยักไหล่ใส่อย่างท้าทาย เพราะธนาวัฒน์เขาก็ไม่ได้หวั่นกลัวเช่นกัน “เชิญ!!” เสียงเข้มของธนาวัฒน์เอ่ย ส่วนภีมวัจน์ได้ยินแล้วก็โมโหเป็นเท่าทวี ปากหยักสีสดเค้นเสียงห้วนออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ “กูจะเอาที่ดินผืนนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม” โพล่งคำพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจ คนอย่างภีมวัจน์ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา   “ไอ้สารเลว!! มึงจะอยากได้อะไรนักหนากับอีแค่ที่ดินไม่กี่ไร่ มันมีแร่ทองคำฝังอยู่หรือไงฮะ” ตะคอกเสียงถามด้วยความโมโหสุดขีด ครั้นจะสวนหมัดหนักๆ อัดหน้าสักเปรี้ยงก็คงไม่ไหว เพราะเขาเกรงใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ก็กูอยากได้มีอะไรหรือเปล่า จะทำอะไรก็เรื่องของกู” คำตอบของภีมวัจน์ยียวนกวนบาทาเป็นที่สุด ธนาวัฒน์ก็สิ้นคำที่จะต่อปากด้วย มีเพียงสบถออกมาเบาๆ “เลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” พูดจบเจ้าพ่อหนุ่มก็เกี่ยวเอวบางของภรรยาสาวเตรียมเดินหนี เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องราวอีกครั้ง ทว่าภีมวัจน์ไม่ยอม พ่อคุณยังปากสุนัขไม่เลิก เสือที่เห็นไส้รู้พุงมีหรือจะยอมลงรอยง่ายๆ ชายหนุ่มรื้อฟื้นเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา “พูดยังกับว่ามึงดีนัก มึงแย่งแพรวไปไม่พอ มึงยัง…หึ” ภีมวัจน์เปรยออกมาอย่างชอกช้ำอก แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วไม่เอ่ยต่อ เมื่อหลายปีก่อนสองเสือดันพนันกันด้วยการแข่งรถ โดยมีผู้หญิงชื่อพรรณภาเป็นเดิมพัน ถ้าผู้ใดชนะจะเป็นคนได้เธอไปครอง และธนาวัฒน์ใช้วิธีขี้โกงโดยการปาดสปอร์ตคันโก้แซงปอร์เช่ของเขา จนรถหรูตีลังกาหลายตลบ เจ้าพ่อสถานเริงรมย์ชนะอย่างขาดลอย ส่วนภีมวัจน์แพ้ยับเยิน สัญญาย่อมเป็นสัญญา พรรณภาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของธนาวัฒน์ ภีมวัจน์ตัดใจจากหญิงคนที่ตนรักหลายปี กระทั่งมาเจอทิชารีย์สาวสวยที่เข้ามาฝึกงานในบริษัทเขา ระหว่างปิดภาคเรียน ทำให้นักศึกษาฝึกงานคนสวยได้พบกับเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่างเขา    สองหนุ่มสาวคบหาดูใจกันเกือบสองปี วาดฝันกันไว้ว่าหลังจากฝ่ายหญิงเรียนจบจะแต่งงานกัน แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อเธอจบการศึกษา หญิงสาวก็ไร้ข่าวคราว หนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ ภีมวัจน์มาทราบข่าวของเธออีกทีก็ตอนที่สื่อต่างๆ ลงข่าวงานวิวาห์สายฟ้าแลบระหว่างเจ้าพ่อโลกีย์กับสาวน้อยปริศนา ภาพข่าวพร้อมคำแถลงการณ์ของทั้งสองคน ทำเอานักธุรกิจหนุ่มตายทั้งเป็น ผู้หญิงที่รักหมดหัวใจหนีไปแต่งงานพร้อมจดทะเบียนสมรสกับศัตรูเบอร์หนึ่ง ภีมวัจน์เคียดแค้นพร้อมขึ้นบัญชีดำเอาไว้ ว่าเขาจะเป็นคนล้างผลาญทั้งสองคนให้วอดวาย… “หมดธุระแค่นี้ใช่ไหม เชิญมึงกลับได้ และวันหลังอย่ามาทำอันธพาลแถวนี้อีก!” ธนาวัฒน์กลั้นใจแล้วกลั้นใจอีกที่จะไม่มีเรื่องกับหมาบ้าอย่างภีมวัจน์ กำปั้นหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นตามลำแขนแกร่ง “แต่กูจะมาก่อเรื่องทุกวัน จนกว่ามึงจะยอมขายที่ดินผืนนั้นให้กู” ภีมวัจน์เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ แต่คนฟังอย่างธนาวัฒน์นี่สิ!! โมโหสุดๆ โมโหจนยั้งคำหยาบในปากเอาไว้ไม่ไหว “ชาติหมาเอ๊ย!!” เพลิงในกายลุกโชนจนหักห้ามไม่อยู่ ร่างหนาถลาเข้าหาคนวาจายียวนป่วนประสาท ด้านภีมวัจน์ก็อารมณ์เดือดจัดไม่ต่างกัน ปากหยักของนักธุรกิจแบดบอยสุดหล่อสาดกลับอย่างรวดเร็ว “ไอ้สัตว์นรกมาเกิด” สิ้นคำสองหนุ่มหล่อแลกหมัดกันนัวเนีย ทิชารีย์หวีดร้องหักห้าม มือเรียวบางดึงรั้งแขนคนเป็นสามี ส่วนบรรดาการ์ดทั้งหลายต่างเข้ามาชาร์ดตัวภีมวัจน์อย่างวุ่นวาย เมื่อสองชายชาญที่ฝีมือสูสีกัน ต่างไม่มีใครยอมใคร “หยุดนะ!!!” ทิชารีย์ตวาดเสียงดังลั่น เธอไม่อยากให้เกิดการชกต่อยอีกครั้ง เพราะใครบางคนเจ็บมาหนึ่งรอบแล้วเธอไม่อยากให้เขาต้องเจ็บตัวเพิ่มอีก แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้รักเขา ไม่เคยคิดผูกพัน ทว่ากลับห้ามหัวใจดวงน้อยไม่อยู่ ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเหลาของนักธุรกิจเลือดร้อน มีน้ำข้นสีแดงหยดติ๋งจากหางคิ้วและมุมปาก เธอยิ่งเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสกว่าเดิม “ไม่ใช่เรื่องของเธอ หลีกไป” เสียงห้วนของภีมวัจน์ตะคอกใส่ร่างบางที่ถลาเข้ามาขวางหน้า ทว่าคนตัวน้อยกลับไม่ยอม ทิชารีย์โต้ตอบกลับอย่างทันควัน เธอไม่อยากใครต้องมาเจ็บปวดเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง “แต่ฉันต้องยุ่ง เพราะคุณกำลังจะชกหน้าพี่แธน” หญิงสาวอาศัยเอาชื่อสามีมาสมอ้าง ทั้งที่ความจริงหญิงสาวกลัวว่าภีมวัจน์จะบาดเจ็บและได้แผลเพิ่ม ถ้าธนาวัฒน์เอาจริงขึ้นมา แต่แล้วคนชอบคิดเองเออเองอย่างเขากลับตีความคิดไปว่าทิชารีย์เป็นห่วงสามีถึงขนาดเอาตัวมาขวางทาง ‘ก็ใช่สิ!!...ในเมื่อมีของใหม่ แล้วของเก่าอย่างเขามันจะสำคัญอะไร” คนตัวใหญ่คิดสมเพช แล้วจึงขยับปากแตกยับมีเลือดซึมพ่นวาจาเราะร้าย “หึ! ห่วงกันดีนัก คงรักมันมากสินะ ไอ้ผัวเฮงซวยซังกระบ๊วยของเธอน่ะฮะ” ตวาดก้องอย่างไม่เกรงใจใคร ทั้งๆสถานที่ที่ตนยืนอยู่นั้นเป็นถิ่นของอัครวราห์ ภีมวัจน์พรั่งพรูคำพูดร้ายกาจออกมาโดยไม่นึกว่าฝ่ายหญิงจะเสียหายหรือรู้สึกอับอาย ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ต่อหน้าลูกน้องนับสิบ คนเป็นสามีอย่างธนาวัฒน์ได้ยินแสนโกรธกรุ่น นัยน์ตาคมวาวโรจน์ลุกเป็นไฟ “ไอ้เลวเอ๊ย! มึงอย่าอยู่เลย!!” สิ้นเสียงสบถหยาบคายร่างหนาถลาเข้าไปอีกหน หมายจะอัดหมัดหนักอีกสักทีสองที แต่ต้องชะงัก เมื่อข้อมือเรียวบางรั้งท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้ “พอค่ะพี่แธน กลับบ้านกันเถอะนะคะ ถือว่าทิชาขอร้อง และนี่ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก พี่แธนไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอคะ” น้ำเสียงหวานติดจะออดอ้อนเอื้อนเอ่ยกับคนตัวโต ก่อนจะตวัดสายตาคู่งามจ้องมองใครอีกคนด้วยความไม่พอใจ   ด้านภีมวัจน์ได้ยินถ้อยคำหวาน ที่เมื่อก่อนเคยกระซิบพรอดไม่ห่างหูเขา แต่บัดนี้มันกลับไปพรอดคำหวานไม่ห่างหูผู้ชายอีกคน ทำให้คนเลือดร้อนเกิดอาการคันปากยุบยิบ สุวาน(สุนัข)น้อยใหญ่ในปากหยักพรั่งพรูออกมาไม่ยั้ง น้ำคำนั้นช่างบาดใจคนฟังสุดๆ “หึ ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน คงรักกันมากสินะ รีบๆ ตักตวงกันให้มากๆ ล่ะไอ้ความสุขบนร่างเน่าๆ ของเมียมึงน่ะไอ้แธน” สาดทอถ้อยคำหยามเกียรติ พร้อมกวาดสายตาต้อนมองเรือนร่างงาม ราวกับว่าเป็นของเกลื่อนสังคม ธนาวัฒน์ที่มองอยู่เขาก็ทนไม่ไหว “ไอ้ชาติชั่ว มึงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้เวรนรก!!!” เลือดขึ้นหน้าจนแทบไม่อยากจะทนอีกต่อไป หากแต่มือเรียวของทิชารีย์ไม่ยอมปล่อย แรงน้อยเท่ามดคอยกระตุกฉุดรั้งแขนแกร่งให้มีสติ ด้านภีมวัจน์ที่มาก่อกวนอารมณ์เจ้าพ่อสถานบันเทิงถึงถิ่นนั้นก็ขบคิดหาคำแสบทรวงมาเฉาะเฉือนหัวใจสองสามีภรรยาแห่งอัครวราห์ไม่หยุดปาก   “กูไปแน่ แต่มึงอย่าลืมเรื่องที่กูคุยไว้ล่ะ กูจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินผืนนั้น และมันอาจจะเป็นวิธีที่มึงคาดไม่ถึง และมึงต้องกระอักหัวใจไปตลอดชีวิต” ภีมวัจน์ข่มขู่ด้วยคำพูดเลวร้ายและเห็นแก่ตัว ทำเอาเจ้าพ่อผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครต้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย “เวรเอ๊ย!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD