ตอนที่ 4
เมียพฤตินัย 50%
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์… การติดต่อซื้อขายที่ดินกลับไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากว่าภีมวัจน์ไม่สามารถติดต่อทิชารีย์ได้ หญิงสาวดื้อกว่าที่คิด เธอไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมโทรกลับ…กระทั่งสองวันก่อนผู้บริหาร เจ.เอส. กรุ๊ป ลงทุนมาตามหาหญิงสาวถึงสถานเริงรมย์ของอัครวราห์ ทว่าไม่พบเธอแม้แต่เงา เพลย์บอยหนุ่มไม่พอใจเป็นที่สุด ถึงเขาจะส่งข้อความพร้อมรูปภาพหวิวไปข่มขู่แต่หญิงสาวยังคงเงียบกริบเช่นเดิม
ส่วนทิชารีย์หลังจากที่นอนซมอยู่บนเตียงกว้างเป็นเวลาหลายวัน ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคว้ามือถือมาดู บนหน้าจอปรากฏเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเกือบพัน ที่สำคัญมีแต่เบอร์เดิม และยังมีข้อความพร้อมรูปภาพส่งมานับสิบ มือน้อยกดเข้าไปดู ต้องอ้าปากค้างหญิงสาวรีบลบข้อความเหล่านั้นออกจากโทรศัพท์เป็นการด่วน!
หญิงสาวชั่งใจอยู่หลายรอบ ถอนลมหายใจเข้าออกจนนับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี ไหนจะตอนนี้เครื่องมือสื่อสารแผดเสียงเรียกเข้าจ้าละหวั่น นัยน์ตางามเหลือบมอบแต่ไม่ยอมเอื้อมมือไปรับ ด้านคนโทรก็โทรซ้ำโทรซ้อนโทรนานจนคนฟังนึกรำคาญ จนในที่สุดรอบที่เก้าหญิงสาวตัดสินใจ เลื่อนนิ้วเรียวสวยแตะปุ่มทัชสกรีน พร้อมยกเครื่องมือสื่อสารส่วนตัวแนบหู ไม่ทันจะเอ่ยทักทาย คนปลายสายที่กำลังใจร้อนสาดคำถามออกมายาวเหยียด
“ทิชารีย์! ทำไมไม่รับสายฉัน ฉันโทรไปหาเธอวันละร้อยรอบ เธอคิดจะตุกติกใช่ไหม ฉันจะให้เวลาเธอถึงมะรืน ถ้ายังกล่อมผัวหน้าโง่ให้ยอมขายที่ดินไม่ได้ล่ะก็ เธอน่าจะรู้ว่าฉันจะทำอย่างไร” สิ้นเสียงเข้มข่มขู่ ทิชารีย์เม้มปากเป็นเส้นตรง เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดออกมา
“…” ความเงียบที่ภีมวัจน์ได้รับ ทำให้เขาไม่พอใจพลันอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง ปากหยักเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกระด้าง โมโหคนตัวน้อยก็สุดๆ
ความโกรธกรุ่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงออกมา ทว่าก้นบึ้งหัวใจที่ทำให้เขาแทบคลั่งขนาดนี้ ก็เพราะหัวใจแกร่งมันร่ำร้องหาแม่สาวเอวบางร่างนุ่ม อยากเจออยากคุยอยากสัมผัส ยิ่งติดต่อไม่ได้หลายวัน เขาก็รู้สึกเป็นห่วง สมองพลันคิดไปต่างๆ นานา
“เธออย่าดื้อให้มันมาก ทำวิธีไหนก็ได้ให้ผัวเธอยอมขายที่ดิน” สั่งอย่างเอาแต่ใจ แล้วเอ่ยต่อไปอีกว่า “อ้อ! เที่ยงนี้มาหาฉันที่บริษัท… อย่าเบี้ยว!!”
หญิงสาวยังคงรักษาความเงียบ เธอมีเพียงรับฟังและข่มความรู้สึกที่มีให้ดิ่งลงลึกสู่ก้นบึ่งหัวใจ ทว่าเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์กลับร้อนรนใจ เมื่อสาวเจ้าไม่ยอมส่งเสียงหวานทักทายเสียที ไม่รู้หรือไงว่าเขาเหงาหู อยากจะฟังเสียงแว้ดๆ ของเธอใจแทบขาด
“…” รอเกือบนาที แต่ทิชารีย์ยังคงเงียบ คนใจร้อนทนรอไม่ไหวรีบกระชากคำห้วนกระด้างออกมาอีกครั้ง
“ได้ยินที่ฉันสั่งไหมฮะ” ความเฉยเมยที่หญิงสาวเป็นคนสร้าง ทำเอาคนตัวใหญ่ต้องหัวเสีย ถึงขั้นตะคอกถามซ้ำ ทิชารีย์ที่ฟังอยู่ถึงกับผงะหูห่างจากโทรศัพท์ ก่อนจะกลั้นใจตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบตึง
“ได้ยิน”
“ถ้าได้ยินก็รีบมาหาฉัน และอย่าลืมตามที่ตกลงไว้ ทำอย่างไรก็ได้ให้ผัวของเธอยอมขายที่ดินผืนนั้นให้ฉัน” หัวใจแกร่งอีกซอกก็หวั่นว่าแม่คนดื้อจะไม่มา เขากลัวว่าเธอจะพยศและดื้อด้านเหมือนเช่นเมื่อหลายวันก่อน แต่ถ้าแม่คุณไม่มาจริงๆ เขาจะบุกถึงบ้าน คอยดูเถอะ!
ทิชารีย์ไม่ตอบเพราะเธอตัดสายทิ้ง ก่อนที่คนตัวใหญ่จะขยับปากขู่ต่อ ภีมวัจน์ได้แต่สบถตาม ก่อนจะนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นได้
นิ้วยาวของคนเจ้าเล่ห์เลือกคลิปวิดีโอขนาดสั้น ที่เซฟเก็บไว้ในโทรศัพท์ส่งให้หญิงสาว พร้อมพิมพ์ข้อความขู่แม่สาวน้อยจอมดื้อแสนพยศ ‘ถ้าไม่มาเธอเจอดีแน่’
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงข้อความเข้า หลังจากวางสายคนนิสัยเสียไม่ถึงนาที คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น มือน้อยคว้ามาดู กลีบปากบางสีสวยเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตาอ่านข้อความที่แนบมากับวิดีโอ ชอบบังคับ! โรคจิต!
ทิชารีย์รีบลบข้อความคลิปโดยด่วน สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความมั่นใจและความกล้าในกายให้ฮึดสู้! และตัดสินใจไปเจรจากับไอ้คนนิสัยเสียให้มันแล้วๆ เอาไงก็เอา!! คาราคาซังอยู่แบบนี้ก็ไม่จบสิ้น!
ร่างแน่งน้อยในชุดเดรสแขนกุดความยาวคลุมเข่าปลายกระโปรงบานนิดๆ อวดท่อนขาเรียวเสลา สวมกั๊กยีนส์สีซีดทับอีกชั้น โชคดีที่พวกรอยคิดมาร์สต่างๆ จืดจางไปบ้าง ทำให้เธอไม่เป็นกังวลเท่าใด
เท้าเรียวบางสอดภายใต้รองเท้าส้นเตารีดรัดข้อสานหวาย ก้าวลงจากยานพาหนะคันหรู เท้าเรียวมุ่งตรงไปยังห้องทำงานเจ้าของบริษัททันที
“สวัสดีค่ะ…มาหาคุณภีมใช่ไหมคะ” เลขาสาวสวยที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานประจำตำแหน่งเอ่ยทักทาย ทิชารีย์ยิ้มหวานก่อนจะขยับเรียวปากสวยตอบกลับ
“อ่อ…ชะ…ใช่ค่ะ” เลขาสาวยิ้มรับอย่างละม่อมละไม และเธอก็พออนุมานได้ว่าผู้หญิงคนนี้ น่าจะเป็นผู้หญิงที่คุณภีมสั่งการเอาไว้
“คือว่าตอนนี้คุณภีมติดอบรมพนักงานใหม่อยู่ค่ะ อย่างไรก็รบกวนคุณนั่งรออีกสักสิบนาทีนะคะ” เลขาสาวบอกกล่าว ทิชารีย์นึกหมั่นไส้คนนิสัยเสียในใจ
นัดเธอมาหา แต่ตนเองกลับติดอบรม มันน่าโมโหไหมล่ะ
“โอเคค่ะ”
จากนั้นเลขาคนสวยก็พาหญิงสาวไปนั่งรอที่โซฟาสำหรับรับแขกคนสำคัญตามที่เจ้านายใหญ่สั่งเอาไว้ ทิชารีย์หย่อนสะโพกลงนั่งอย่างสุดเซ็ง มือน้อยคว้าหูฟังสีขาวในกระเป๋าขึ้นมาเสียบต่อกับสมาร์ทโฟนหรู ใช้หูฟังอุดหูทั้งสองข้าง ฟังเพลงเกาหลีสุดโปรดคลายอารมณ์คุกรุ่น
ไม่นานเลขาสาวคนสวยก็นำน้ำเย็นสดชื่นมาเสิร์ฟ ก่อนจะหมุนร่างสมส่วนออกไปทำงานของตน ปล่อยให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างทิชารีย์นั่งรอต่อไป
เกือบค่อนชั่วโมง เสียงเพลงที่ดังก้องในรูหูขับกล่อมให้คนตัวน้อยเคลิบเคลิ้ม กระทั่งเสียงทุ้มกระซิบไม่ห่างหู เธอยังไม่ได้ยิน ซ้ำยังไม่รู้สึกตัวด้วยว่ามีคนมาอยู่ข้างกาย
“นั่งด้วยคนนะครับ” เจ้าของร่างสูงเพรียวเอ่ย คนตัวน้อยที่กำลังเคลิ้มในเสียงเพลง ทั้งยังดูเหมือนว่าแม่คุณกำลังเริ่มเข้าสู่นิทรารมย์ มือเท้าคางพลางพร่ำเพลงคลอเบาๆ ขณะที่เปลือกตาบางใกล้แนบสนิทปิดกันเต็มที
“คุณครับ” มือหนาสะกิดแขนเรียว เพราะเรียกครั้งก่อนสาวสวยยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง เธอทำราวกับว่าอยู่คนเดียวในอาณาบริเวณ เพลย์บอยตัวฉกาจจึงถือวิสาสะ ถอดหูฟังสีขาวออกจากหูผ่องข้างหนึ่ง ทิชารีย์ถึงรู้สึกตัว
“คะ… ค่ะ…” เสียงหวานตะกุกตะกัก ตกใจไม่น้อย ใครช่างกล้ามาก่อกวนเธอ เรียวปากบางสีเรื่อขยับเตรียมจะเอ่ยด่า ทว่าเสียงทุ้มของอีกคนกลับแทรกขึ้นมาก่อน
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ส่งยิ้มหล่อร้ายมอบให้ ครั้นสิงหรัตน์เห็นใบหน้าสวยหวานเหรอหรา เขายิ่งชอบพอพลางเขยื้อนกายเข้าใกล้ ทิชารีย์ถึงกับใจเต้นตึกตัก
“อ่อ… ค่ะ…” สิ้นเสียงหวานทิชารีย์ไม่ได้เอ่ยการใดต่อ หญิงสาวทำทีไม่ใส่ใจ เธอหันหน้าพลางเสหางตาเมียงมองไปทางอื่น ทว่าพ่อคนเจ้าชู้กลับดื้อด้าน ทำเชิงเป็นถามชื่อ ทั้งที่ใจจริงอยากแจกขนมจีบเต็มแก่
“คุณชื่ออะไรครับ” โน้มหน้าเข้าใกล้ จมูกโด่งได้กลิ่นหอมเย้ายวนก็พลอยติดใจ
ทิชารีย์รีบขยับกายออกห่าง ทว่าชายเจ้าชู้อย่างสิงหรัตน์ไม่ยอม พ่อคุณเล่นตื้อตามไม่หยุดหย่อน พ่นลมหายใจร้อนรดเนินผิวขาวผ่อง จนคนตัวน้อยขนลุกซู่
“ชื่อทะ ทิ…” เสียงหวานชะงักค้าง เมื่อสายตาหวานทอดมองเขา ดันทะลุผ่านไปพบกับนัยน์ตาคู่คมดุกร้าววาวโรจน์ของอีกคนที่กำลังเดินดุ่มๆ เข้ามา
เสียงเข้มของภีมวัจน์ตวาดลั่น เมื่อเห็นคนที่ตนนัดมา นั่งพูดคุยระริกระรี้กับชายอื่น แล้วไหนจะไอ้เวรนั่นอีก หน้าตามันคงไว้ใจได้หรอกนะ เล่นทอดสายตาจ้องแม่คุณซะแทบจะเปลื้องผ้า ทำไมเขาจะไม่รู้ … เสือย่อมมองเสือด้วยกันออก
“ทิชารีย์!!!” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง ทิชารีย์อ้าปากค้าง ยิ่งเห็นเสี้ยวหน้าคมของภีมวัจน์ราวกับกินรังต่อรังแตนมานับสิบ เธอยิ่งใจผวา
“คุณภีม!!” อุทานเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ ทว่าคนโมโหสุดขีดอย่างภีมวัจน์กลับไม่สน เสียงเข้มตะคอกตอกหน้าหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจ ทั้งๆ ที่หญิงสาวก็ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว ด้านสิงหรัตน์ก็เฝ้ามองหน้าสองหนุ่มสาวที่สาดอารมณ์ใส่กันอย่างงุนงง
“ฉันโทรให้เธอมาพบฉัน ไม่ใช่มาทำระริกระรี้กับผู้ชายอื่น” คำสุดท้ายเน้นเสียงหนัก ตวัดสายตามองอีกคนอย่างขุ่นเคือง เสือหนุ่มอีกคนใช่จะกลัว เขายืนหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภีมวัจน์เห็นท่าทียิ่งโกรธเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี มือหนาหันไปคว้าเอาร่างบางมาแนบกาย ไม่สนกระทั่งแรงน้อยนิดที่ดิ้นขัดขืน มือหนากระชับร่างบางมากอดแน่น จนสาวน้อยแทบหายใจไม่ออก
“แต่คุณไม่ว่าง จะให้ฉันเข้าพบได้อย่างไร” เสียงหวานแผ่วตอบกลับ ทำเอาคนใจเพลิงต้องตะคอกคำห้วนใส่อย่างไม่ชอบใจ
“อย่ามารวน!! ถ้าว่างก็ไปจัดเอกสารที่ชั้นนู้น” พเยิดหน้าไปที่ชั้นเอกสารอีกฝั่ง ก่อนจะเอียงหน้ามาเอ่ยต่อ “รอฉันกินข้าวอีกครึ่งชั่วโมง…” ภีมวัจน์ไม่ได้กินข้าวอย่างที่ว่าหรอก เขาแค่แกล้งพูดให้ใครบางคนแถวนี้หน้างอเล่นเฉยๆ
“ไม่ไป ฉันไม่ใช่ขี้ข้า” ทิชารีย์ปฏิเสธเสียงห้วน มีอย่างที่ไหนนัดให้มาพบ แต่กลับเป็นเธอเสียเองที่ต้องทนนั่งรอเกือบค่อนชั่วโมง แถมยังมีหน้ามาใช้งานอีก ใครบ้าที่ไหนจะไปยอม เธอไม่ใช่ขี้ข้าเขาซะหน่อย
“แต่เธอต้องทำตามคำสั่งฉัน” คนเอาแต่ใจได้ยินคำปฏิเสธ ยิ่งโมโห ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นสีเข้มทันที
“ไม่!” สะบัดเสียงใส่ พลางกอดอกเชิดหน้าอย่างถือดี ภีมวัจน์เห็นท่าทางพยศผยองของแม่คุณแล้ว ชักอยากจะลงอาญาสักสามวันสามคืน เอาให้ฟ้าเหลืองกันไปเลย!
“อย่าดื้อ ทิชารีย์!!” เตือนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกระตุกปากหยักเรียกเลขาอีกคนเข้ามาหาเป็นการด่วน เมื่อเขามัวแต่ปะทะคารมณ์กับแม่คนจอมดื้อ จนลืมไปว่าในบริเวณดังกล่าวมีบุคคลที่สามร่วมด้วย
“อภิรัฐ มาหาฉันสิ” เลขาหน้าเข้มอีกคน รีบมาพบเจ้านายโดยด่วน!
“ครับ เจ้านาย”
“พาลูกค้าคนนี้ไปดูงานด้วย” เอ่ยบอกเสียงขุ่น สายตาคมตวัดมองอย่างไม่ชอบหน้า ถึงจะเป็นลูกค้าแต่เขาก็ไม่สน ในเมื่อมาทำเจ๊าะแจ๊ะกับคนของเขา
ภีมวัจน์เดือดสุดๆ ตวัดสายตามองไอ้หน้าปลาบู่ชนเขื่อนอย่างหวงก้าง ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ติดกันสองที เมื่อเลขาคนสนิทพามันออกไปพ้นหน้า จากนั้นคนหน้าหล่อเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หญิงสาวอีกครั้ง มือหนากระตุกร่างงามให้ลุกจากโซฟา
“ตามฉันมา!!” กระชากท่อนแขนเรียวอย่างรุนแรง จนหญิงสาวเกือบหัวคะมำ ทว่าเขาไม่สนใจ ตรงกันข้ามมือหนาบีบท่อนแขนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่ทวีคูณ ทิชารีย์ทั้งดิ้นรนขัดขืน ทั้งเปล่งเสียงหวานปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่ไป!!” บิดข้อแขนเรียวให้พ้นพันธนาการ เห็นเช่นนั้นคนตัวใหญ่กลับเพิ่มแรงกระทำที่ข้อแขนให้หนักขึ้น หนักเสียจนคนตัวน้อยต้องหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด
“อย่าดื้อให้มันมาก มา!!” แรงกระชากทำเอากระดูกข้อต่อแทบหลุดจากกัน สองหนุ่มสาวกระชากกระชั้น ลากถูกันไปอย่างไม่มีใครยอมใคร ทิชารีย์อยากกรี๊ดร้องใส่หูหนาตันเหลือเกินว่าเธอไม่อยากทำ เพราะมันไม่ใช่งานและไม่ใช่หน้าที่ของเธอ คิดแล้วก็เพลีย!! จิตตก!!!
“จัดการเอกสารบนชั้นให้เรียบร้อย อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะมาดู” ปากหยักพ่นคำสั่งฉอดๆ ทำเอาทิชารีย์ต้องโกรธกรุ่น มันใช่หน้าที่เธอเสียเมื่อไร ทำไมต้องทำ?
“ฉันไม่ทำ มีธุระอะไรก็รีบพูดมา เรื่องมันจะได้จบๆ” เสียงหวานปฏิเสธ ทว่าพ่อคุณกลับไม่ใส่ใจในกิริยาแจ้นๆของคนดื้อ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน วันนี้ขอแกล้งเสียหน่อย โทษฐานที่คุณเธอไปนั่งอ่อยผู้ชายอื่น เห็นแล้วขัดหูขัดตาเป็นบ้า
“อย่าใจร้อนคนสวย ทำให้เสร็จแล้วฉันจะมาเช็คงาน” มือใหญ่เอื้อมแตะใบหน้ามน เกลี่ยนิ้วยาวไล้ปลายคางมนสวยได้รูป ทำเอาทิชารีย์ต้องปัดหนวดปลาหมึกแสนยุ่มย่ามออกห่าง หมุนร่างเตรียมเผ่นออกจากบริเวณนั้นโดยเร็ว ทว่าต้องชะงักเท้า เมื่อเสียงห้วนตวาดดักทางอย่างรู้ทัน
“อย่าไปจากที่นี่ จนกว่าฉันจะอนุญาต อย่าลืมสิว่าในมือฉันมันมีอะไรอยู่” ชู้เจ้าเครื่องมือต่อลองสุดไฮเทคอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ปากบางของคนตัวน้อยเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความขัดใจ ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดใส่ ก่อนจะหันไปสนใจแฟ้มเอกสารกองโตที่กระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ
ภีมวัจน์คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ทว่าไม่ถึงสิบนาที เจ้าของบริษัท เจ.เอส. กรุ๊ป ต้องเข่นเขี้ยวด้วยความไม่พอใจ เมื่อมีเด็กหนุ่มเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอ
“ช่วยไหมครับ” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มซึ่งเข้ามาฝึกงานเสนอหน้า อาสาช่วยเหลือ ทว่าทิชารีย์กลับไม่ใส่ใจหญิงสาวไม่หันมาตอบ เธอกำลังเหนื่อยกับงานที่ใช้กำลัง ร่างบางเอี้ยวซ้ายเอียงขวาจัดเอกสาร ขณะที่มืออีกข้างยกเช็ดเหงื่อเม็ดน้อยซึมตามไรผม ปากบางสีระเรื่อบ่นขมุบขมิบต่อว่าคนจอมบงการบ้าอำนาจ
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที หลังจากที่คนก่อนหน้าออกไป เสียงทุ้มก็ดังขึ้น
“ผมช่วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้” หญิงสาวกัดฟันตอบ ภายในใจนั้นโมโหสุดๆ เหนื่อยก็เหนื่อย จะช่วยก็ทำไมไม่ช่วยเลยล่ะพ่อคุณ ไม่รู้จะถามอะไรกันนักกันหนา
“ผมช่วยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง และไม่เพียงพูดเปล่า ร่างสูงเพรียวขยับเข้าใกล้คนตัวน้อยซึ่งกำลังเขย่งปลายเท้าจัดเอกสารเรียงไว้ชั้นบนสุด
ภีมวัจน์ที่ถ้ำมองโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัวกัดฟันเสียงดังกรอดๆ พลางนึกในใจอย่างขุ่นเคือง ‘ขนาดทำงานยังยั่วโมโหได้ไม่รู้จบเลยนะแม่คุ๊ณ’
ด้านทิชารีย์นั้นสะดุ้งโหยง เมื่อมือหนาของชายหนุ่มด้านหลังสะกิดไหล่มน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับร่างงามเอี้ยวตัวกลับมาหมายจะด่าสักตั้ง โทษฐานที่มาก่อกวนเวลาเธอทำงาน แต่ไม่ทันระวัง เจ้ารองเท้าส้นตึกดันพลิก ทิชารีย์กรี๊ดร้องเสียงหลง
“ว้ายยย!!!” แขนแกร่งของชายร่างสูงเพรียว รีบยื่นเข้าไปรองร่างบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทิชารีย์สวมวงแขนคล้องลำคอของคนที่ช่วยเหลือตนอย่างรวดเร็ว
แต่คนมองนี่สิ!! อารมณ์โกรธกรุ่นพุ่งปรี๊ด กรามบึนบดเป็นสันนูน เสียงกัดฟันดังกรอดๆ เท้าหนารีบย่างสุมเข้ามาหาหญิงสาวชนิดไวยิ่งกว่าจรวด
ทิชารีย์หลับตาสนิทด้วยความหวาดกลัวระรัวตกใจ หญิงสาวรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนโดนกระชากร่างออกจากวงแขนของคนที่ช่วยเหลือ พร้อมกับเสียงห้วนเกรี้ยวกราดแสนคุ้นหูที่ตวาดดังลั่นตามมา
“สำออย!!” ไม่มีสักคำจะถามไถ่ ตรงกันข้ามถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาทำเอาสาวน้อยเจ็บหัวใจจี๊ด และไม่ทันจะอ้าปากเอ่ยขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ พ่อคนใจเพลิงเล่นไล่ตะเพิด เด็กหนุ่มเจ้าของร่างสูงเพรียวอย่างพิโรธ
“จะไปตายทางไหนก็ไป อยากโดน…รึไงวะ” ใบหน้าคมขึ้นสีเข้มอย่างน่าหวั่นเกรง อารมณ์ระเบิดเต็มที่ ทิชารีย์ได้ยินยังต้องสะดุ้ง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ตลอดจนเวลามีปากเสียงกับพี่ชายเธอ เขาก็ไม่โมโหหนักขนาดนี้!!
ด้านเด็กฝึกงานที่โดนไล่ตะเพิดนั้น รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าภีมวัจน์นั้นสุดแสนจะเท้าและหมัดหนักยิ่งกว่าหินถ้ำก้อนใหญ่
เมื่อจัดการกับฝ่ายชายเสร็จ ก็หันมาจัดการแม่สาวจอมยั่วโมโหข้างกายอย่างเกินทน
“มานี่!!” กระชากร่างแน่งน้อยปะทะอกกว้างอย่างเต็มแรง ทิชารีย์ทั้งกรี๊ดทั้งร้อง เมื่อคนใจร้ายกระทำชำราวกับว่าเธอเจ็บปวดไม่เป็น
“อ๊ายยย!! ปล่อยฉันนะ คุณภีม ปล่อย!!” ขืนกายสุดแรงทว่าไม่เป็นผล คนตัวใหญ่รำคาญอาการระริกระรี้ของสาวน้อยตรงหน้าเหลือเกิน เขาอยากจะสั่งสอนให้แม่คุณเข็ดขยาดไปจนวันตาย ฉุกคิดได้ชายใจโฉดไม่รั้งรอ ตวัดท่อนแขนแกร่งอุ้มนวลนางจอมยั่วโทสะแนบอกกระด้างอย่างรวดเร็ว
“ว้ายยย!!!” ทิชารีย์วี้ดร้องอย่างตกอกตกใจ เมื่อคนตัวใหญ่ล่วงล้ำเกินขอบเขต กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องเธอแทบทั้งตัวแบบนี้
หญิงสาวจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิมแน่ เพราะครั้งนี้เธอสติเต็มร้อย ไม่โดนคนสารเลวใช้วิธีสกปรกเหมือนคราวก่อน คนตัวเล็กระรัวกำปั้นกระหน่ำหน้าอกกว้างกระด้างของคนโฉด ป่าเถื่อน จนเขาโมโหหน้าดำคร่ำเครียด ปากหยักตะคอกเสียงห้วนใส่คนตัวน้อยใจอ้อมกอด ขณะเท้าหนากำลังย่างสุมเข้าไปข้างในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่ถัดเข้าไปจากห้องทำงาน
“อย่าดื้อ ไม่อย่างนั้นฉันจะปิดปากเธอด้วยปากฉัน!!” ไม่ใช่แค่ขู่ เพราะคนตัวใหญ่อยากจะลงโทษแม่สาวจอมดื้อแสนพยศ บดขยี้ด้วยปากหยักเพิ่มรสชาติเร่าร้อนให้เธอโอนอ่อน ราวขี้ผึ้งลนไฟ
“อย่ามาสั่ง คุณไม่ใช่สามีฉันสักหน่อย ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน” ทิชารีย์เชิดหน้าใส่อย่างไม่หวั่นกลัว หนำซ้ำร่างบางยังดิ้นพยศชนิดไร้ทีท่าจะหยุด
ด้านภีมวัจน์คนหล่อพอได้ยินถ้อยคำที่คนตัวน้อยพรั่งพรูออกมา ถึงกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียงดังกรอดๆ
“ไม่ใช่ผัวเหรอ แล้วไอ้ที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นล่ะเขาเรียกว่าอะไรฮะ!!” ตะคอกเสียงห้วนใส่อย่างเกินทน ความอดกลั้น อดทนขาดผึ่ง!! ในเมื่อคำพูดของม้าสาวจอมพยศ มันไม่ต่างจากน้ำมันชั้นดีที่ราดกองเพลิงให้ลุกโชน
เมื่อมาถึงที่หมาย ภีมวัจน์โยนร่างแน่งน้อยกระแทกเตียงกว้างอย่างไม่ใยดี
“กรี๊ด!!” เสียงหวานกรี๊ดร้องด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว หญิงสาวรนรานหาทางลงจากเตียงกว้าง แต่ก็ต้องสิ้นหวัง เพราะถอยกายร่นไปแห่งหนใด คนตัวใหญ่ก็เคลื่อนขยับตามทุกขณะ
ภีมวัจน์คร่อมร่างบอบบางอย่างตั้งใจ ขณะมือหนาอีกข้างล็อกข้อแขนเรียวไว้เหนือศีรษะ เพื่อให้เธออยู่นิ่งภายใต้อาณัติ ทว่าทิชารีย์กลับดิ้นรนขัดขืน กลีบปากอิ่มขยับขึ้นลงต่อว่าคนใจร้ายไปต่างๆ นานา
“ปล่อยฉันนะ ผู้ชายนิสัยไม่ดี รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ หน้าตัวเมีย!!” วลีสุดท้ายที่หลุดออกมา มันทิ่มแทงหัวใจแรก่งให้เจ็บจี๊ด ภีมวัจน์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า มองไม่เห็นผิดชอบชั่วดี
“หน้าตัวเมียอย่างนั้นเหรอฮะ!!” เลื่อนมืออีกข้างบีบปลายคางมนอย่างแรง ใบหน้างามเบ้บิดด้วยความเจ็บปวด ทิชารีย์แทบร่ำไห้ แต่หญิงสาวต้องกลั้นใจฝืนทน เชิดใส่คนนิสัยเสียอย่างไม่เกรงกลัว
“ผู้ชายสารเลว…เลวนรก อุ๊บ…”