“ก็คิดไว้แล้วคงไม่มีใครรู้จัก ไปเอาโน้ตบุ๊กมาข้ามีเรื่องต้องทำนิดหน่อย”
ใครคนหนึ่งรีบไปนำมาให้อย่างรวดเร็ว เมื่อวางอยู่ตรงหน้า หลิงฮันจึงให้พวกเขาไปทำงานต่อ ส่วนตัวเองนั่งหาข้อมูลประเทศเป่ยกิงที่กำลังอาศัยอยู่ รวมทั้งสำนักต่อสู้ หญ้าฉี และอื่นๆ อีกมากมายรวมถึงโลกใบนี้
ผ่านไปนานหลายชั่วโมงหลิงฮันได้รู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ แน่ชัดว่าไม่ใช่โลกที่เคยอยู่ ผู้คนไม่ได้บ่มเพาะ ไม่มีสำนักเหลือแล้ว และหญ้าฉีก็ไม่มีข้อมูลเช่นกัน
หากไม่มีหญ้าฉีกระตุ้นพลังปราณเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะได้เพราะร่างกายนี้ไม่มีพลังปราณใดๆ ดังนั้นหนทางกลับย่อมน้อยลงจนแทบไม่มีโอกาส
เมื่อทุกอย่างมืดมนเขาทำเพียงกอดอกนิ่งอยู่นานจากนั้นขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำ เหงื่อมากขนาดนี้ไม่อาจทนนั่งได้อีกต่อไป
สายน้ำที่ไหลจากบนสู่ล่างผ่านไขมันมากมายไม่สร้างความประทับใจต่อหลิงฮันแม้แต่น้อย เขามองร่างกายตัวเองส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าบวมใหญ่คางเป็นชั้นหากผอมขึ้นมาคงดูดีบ้าง
ร่างกายใหญ่โตยังไม่เท่ามีนิสัยแย่ พูดง่ายๆ ช่างเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีเลย หลิงฮันรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนสวรรค์ลงโทษที่ฆ่าคนไปมากมาย
หลังจากอาบน้ำและสวมใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ เขาเดินลงไปยังชั้นล่างอีกครั้งเพื่อไปยังห้องหนังสือ จำได้ว่าที่นั่นมีหนังสือมากมายเป็นของเฉินเหยียนและมีของเก่าแก่ตระกูลเฉินที่นำมาไว้ที่นี่บางส่วน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เงียบสงบเขาพบหนังสือเรียงรายบนชั้นมากกว่าพันเล่ม กลิ่นกระดาษเก่าลอยมาติดจมูกแม้จะมีหนังสือเล่มใหม่อยู่มากแต่ไม่อาจกลบความเก่าแก่ได้ หลิงฮันให้ความสนใจหนังสือเล่มใหญ่ซึ่งวางอยู่บนสุดเพราะเห็นชื่อเรื่องจากระยะไกลรางๆ เกี่ยวกับสมุนไพรจึงพลันกระโดดตัวลอยด้วยความเคยชินทันที
ปึก!
ผลคือพื้นปูนและชั้นหนังสือสั่นสะเทือน เขากระโดดได้ไม่ถึงสามสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ หลิงฮันสบถด่าร่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“กินอะไรนักหนาถึงได้อ้วนแบบนี้ อย่าว่าแต่กระโดดเลยแค่เดินยังเหนื่อย”
เขาหงุดหงิดจนกระทั่งเห็นบันไดไม้ ตัดสินใจยกมาเพื่อปีนขึ้นไปหยิบแต่ขณะก้าวขึ้นเพียงขั้นเดียวกลับได้ยินเสียงเหมือนมันจะพัง
“ฮึ่ม! ต้องรีบลดน้ำหนักโดยด่วน” แม้จะอยากเอาไขมันส่วนเกินออกมากแค่ไหนแต่หากใช้วิธีธรรมดาคงกินเวลาร่วมปี แต่ถ้ามีหญ้าฉีกระตุ้นพลังปราณแล้วบ่มเพาะถึงขั้นก่อกำเนิดระดับหนึ่งจะสามารถชำระร่างกายได้ เพียงคืนเดียวร่างกายที่อ้วนแบบนี้จะเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมทันที ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องตามหามันให้เจอ
ระหว่างที่หลิงฮันกำลังตัดสินใจปีนอีกขั้นประตูห้องหนังสือได้เปิดออกก่อน เมื่อหันไปมองเห็นร่างสูงในชุดสูทก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“ใครอนุญาตให้นายมาที่ห้องนี้”
ใบหน้าที่หล่อเหลาแม้แต่หลิงฮันที่อยู่มาหลายร้อยปีพบเจอชายหนุ่มรูปงามมามากมาย ไม่ว่าจะฮ่องเต้ เจ้าสำนัก หรือผู้ใด เขายอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้าอยู่อันดับต้นๆ ทำเนียบบุรุษผู้หล่อเหลา
และเขาคนนี้คือสามีของหลิงฮันคนก่อน
….เฉินเหยียน….
“ลงมา” น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงไปด้วยอำนาจหากคนอื่นได้ยินคงตัวสั่นแต่
หลิงฮันคือผู้ที่เคยสั่งคนอื่นมานับไม่ถ้วนย่อมไม่กลัวทั้งยังรู้สึกหงุดหงิดที่มีคนกล้าสั่งตน
แต่เขาก็ยอมลงเพราะหากรั้นปีนต่อไปบันไดได้หักแน่นอน
“เจ้ากลับมาแล้วรึ”
“เห็นฉันไหมล่ะ”
“ข้าเห็น แต่ถามเพื่อเป็นการทักทาย”
“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าไม่อนุญาตให้เข้ามาในนี้และนายก็เคยสัญญา”
เมื่อค้นหาความทรงจำของร่างนี้ก็เห็นเหตุการณ์สัญญาว่าจะไม่เข้า
มาจริงๆ นั่นเพราะหลิงฮันชอบนำอาหารเข้ามากินมากกว่าจะมาอ่านหนังสือ
เฉินเหยียนจึงสั่งไม่ให้เข้ามาอีก
“ข้าอยากอ่านหนังสือ”
“คนอย่างนายที่สมองมีแต่ขยะ สอบได้อันดับสุดท้ายของชั้นเรียน คิดอ่านหนังสืองั้นเหรอ” เขากอดอกมองหลิงฮันอย่างดูถูก
คนฟังไม่สนใจยืนแคะหูแล้วเป่า “ข้าจะอ่านหนังสือจริงๆ เจ้าก็เห็นตอนนี้ข้าไม่ได้นำอาหารเข้ามา”
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับการพูดที่หลงยุคแต่เฉินเหยียนโกรธเรื่องที่เข้ามาโดยพลการมากกว่า
“ออกไป”
“ข้าไม่ออก”
“ฉันบอกให้ออก”
หลิงฮันรู้สึกหงุดหงิดเพราะตลอดเวลาเขาสั่งแต่ผู้อื่น หากเขาอยู่ในร่างเซียนผู้กุมโลก เฉินเหยียนย่อมถูกฆ่าตายเป็นพันครั้ง
“ข้าคือสะใภ้ของตระกูลเฉิน” แม้จะน่าละอายแต่ก็ยังตีหน้าขรึมเพื่อขู่ต่อไป
“ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้เหมือนกันและเจ้าอย่าลืมว่าพ่อแม่ข้าช่วยตระกูลเจ้าไว้มากแค่ไหน”
เฉินเหยียนพลันนิ่วหน้า รู้สึกอยากนำร่างอ้วนไร้ประโยชน์คนนี้โยนลงน้ำ หากไม่เพราะตระกูลเฉินเกือบล่มสลายเนื่องจากธุรกิจมีปัญหาคงไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลิง โดยข้อแลกเปลี่ยนที่ช่วยคือต้องแต่งงานกับลูกชายซึ่งก็คือหลิงฮัน
ด้วยคำมั่นสัญญาเฉินเหยียนจึงยอมจดทะเบียนสมรสแบบลับๆ แล้วรอแต่งงานหลังอีกฝ่ายเรียนจบ ใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันมาเกือบหนึ่งปี แต่พฤติกรรมอีกฝ่ายมันทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก ซกมก ตะกละ โง่ น่ารำคาญ เหม็น ทั้งยังชอบผู้ชายหล่อเหลาทั้งที่ตนเองมีสามีแล้ว
สุดท้ายเฉินเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไปขอหย่าแต่ก็ถูกหลิงฮันปฏิเสธอยู่เรื่อยมา