พอพานางออกมาจากบริเวณกระโจมพักได้ ชางฉือหมิงก็นิ่งคิดอย่างหนักโดยไม่ได้สนใจสาวน้อยที่ถูกม้วนตัวอย่างแน่นหนาในผ้าห่ม ลี่เซียงเองก็หมดอาลัยตายอยากจนไม่อยากจะเปิดปากพูดกับเขาเช่นกัน ครู่ใหญ่จนรถม้าแล่นเข้าใกล้ประตูเมือง ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น
“กลับไปที่จวนจิ้งหยางป๋อก่อน จากนั้นข้าจะไปพบใต้เท้าลี่ด้วยตนเอง”
เขาเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม ลี่เซียงเพียงปรายตามองเขาทางหางตา นางรู้สึกชิงชังจนไม่อยากจะพูดกับเขา ยามนี้เพียงอยากอยู่คนเดียวลำพังเพื่อร่ำไห้ให้สาแก่ใจ เคราะห์ร้ายที่นางไม่อาจทำเช่นนั้น เพียงสองชั่วยามให้หลัง ชางฉือหมิงก็พานางกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลลี่ นางสวมเสื้อผ้าใหม่ที่เขาให้คนจัดให้ เดินตามเขาเข้าเรือนท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน
ลี่ซ่วนถงยังคงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถง แม้จะมิได้สนิทสนมกับบุตรสาวคนรองแต่ก็ยังมีความห่วงใยตามประสาบิดา เขาเกณฑ์คนออกค้นหาลี่เซียงไปทั่วหุบเขา ส่วนตัวเองก็กลับมารอฟังข่าวอยู่ทางนี้ ลี่หงอยู่ใกล้ๆ คอยยกน้ำชาให้และปลอบโยนบิดาให้ระงับใจ
“ท่านพ่อ น้องรองต้องปลอดภัยแน่ นางคงจะแค่พลัดหลงเข้าไปในป่า ท่านพ่ออย่าร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ”
เขาหันมามองลี่หงอย่างซาบซึ้งใจ
“ยังดีที่มีเจ้าคอยเตือนสติข้า ลี่เซียงก็เหลือเกิน ช่างทำให้คนต้องเป็นห่วงจริงๆ”
ตอนนี้ลี่หงกำลังไม่แน่ใจ เมื่อเช้านางไม่ได้เจอหน้าน้องสาว เห็นเพียงใต้เท้าชางออกมาจากกระโจมของเฮ่อเหลียว ไม่รู้ว่าแผนการสำเร็จหรือไม่ ยามนี้จึงไม่กล้าพูดมากเกินไป ขณะนั้นเองบ่าวไพร่ก็เข้ามารายงานว่าใต้เท้าชางมาขอเข้าพบ ลี่หงขมวดคิ้ว สิ่งที่นางสงสัยเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว
เพียงไม่งานร่างสูงสง่าของชางฉือหมิงก็ก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องโถง ข้างหลังเขาคือลี่เซียงที่เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามา ท่าทีของสองหนุ่มสาวเคร่งขรึมไร้รอยยิ้ม ราวกับถูกบีบบังคับให้ต้องร่วมทาง ลี่หงสังเกตว่าเสื้อผ้าที่น้องสาวสวมใส่มิใช่เนื้อผ้าที่ทางจวนสั่งมา เกรงว่าจะเกิดเรื่องกับลี่เซียงแล้วจริงๆ
ลี่ซ่วนถงเห็นชายหนุ่มรุ่นลูกผู้นี้มีสีหน้าเย็นเยียบก็ไม่กล้าล่วงเกิน แม้จะไม่ถูกกันแต่มารยาทพื้นฐานยังคงรักษาไว้ ต่างก็กล่าวทักทายอ้อมค้อมไปมาครู่หนึ่งจึงจะเข้าเรื่อง ลี่ซ่วนถงเอ่ยขอบคุณเขาที่พาลูกสาวมาส่ง ทว่าชางฉือหมินไม่ยอมรับคำขอบคุณ
ลี่เซียงเลี่ยงไปยืนหลบด้านข้างตั้งแต่แรกแล้ว แม้จะเห็นสายตาที่มองมาอย่างคาดคะเนของลี่หงก็ทำเป็นไม่สนใจ หูได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชางฉือหมิงเอ่ยกับบิดา
“ใต้เท้าลี่ ข้ามาในวันนี้ข้าไม่เพียงพาบุตรสาวท่านมาส่ง ข้ายังต้องการคุยเรื่องสมรสกับนาง”
ลี่ซ่วนถงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ไม่เพียงแปลกใจที่ตระกูลชางซึ่งไม่ถูกกันเอ่ยปากเรื่องนี้ การที่ชายหนุ่มมาพูดจาสู่ขอด้วยตนเองก็ผิดธรรมเนียมอย่างยิ่ง เขามองไปรอบตัว โบกมือให้บ่าวไพร่ออกไป จากนั้นจึงค่อยเอ่ยปากกับชายหนุ่ม
“เหตุใดท่านจึงเอ่ยเรื่องนี้ ไม่รู้หรือว่านางหมั้นหมายกับคุณชายสามตระกูลเว่ยอยู่ก่อนแล้ว”
น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด เดิมทีลี่หงควรจะต้องออกไปด้วย แต่นางอาศัยที่เป็นคนโปรดของบิดารั้งอยู่ในห้อง ลี่ซ่วนถงตามใจนางจนเคย เวลาเช่นนี้จึงมิได้ออกปากไล่นางออกไป
ชางฉือหมิงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เมื่อครู่กว่าจะกล่อมบิดามารดาไม่ให้ตามมาเอาเรื่องตระกูลลี่ได้ เขาก็แทบจะหมดเรี่ยวแรง บุพการีของเขาเชื่อว่านี่เป็นแผนการร้ายของตระกูลลี่ ที่จงใจทำลายการหมั้นหมายระหว่างเขาและตระกูลจิน ทั้งสองด่าว่าสตรีตระกูลลี่ว่าหน้าไม่อาย แม้สุดท้ายจะยอมรับฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความผิดของเขาแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะให้เขารับผิดชอบแต่งลี่เซียงเข้ามา ด้วยเหตุนี้คนหนุ่มอย่างเขาจึงต้องมาสู่ขอด้วยตัวเองเพียงลำพัง
“ใต้เท้าลี่ เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า”
เขาเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเฉยราวกับสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ลี่ซ่วนถงเห็นแล้วก็ยิ่งบังเกิดโทสะ บุตรสาวของเขา แม้มิใช่คนโปรดแต่ก็ไม่อาจทนให้ใครมาหยามน้ำหน้าได้ จึงพุ่งเข้าไปหมายจะชกต่อยชายหนุ่ม
“ท่านพ่อ! อย่าเจ้าค่ะ! ท่านอย่าลงมือเช่นนี้เลย!”
ลี่หงเอ่ยห้ามพลางเข้าไปรั้งแขนบิดาไว้ มิใช่นางเกรงว่าชางฉือหมิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่นางเกรงว่าเขาจะเปิดโปงว่านางเกี่ยวข้องกับแผนร้ายนี้ต่างหาก อันที่จริงชางฉือหมิงไม่สนใจเรื่องเล่ห์กลในเรือนหลังของครอบครัวศัตรูด้วยซ้ำ มาที่นี่เพียงทำในสิ่งที่ควรกระทำ เรื่องอื่นใดนั้นเขาไม่แยแส
ลี่ซ่วนถงเห็นว่าตนทำอะไรเขาก็ไม่ได้ก็หันไปบริภาษบุตรสาวของตน ลี่เซียงไม่ปริปากสักคำ ไม่แม้แต่จะแก้ตัวหรือร้องขอความยุติธรรม หลายปีที่ผ่านมาบิดาเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับนาง สุขทุกข์ใดๆ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ชางฉือหมิงอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองลี่เซียงที่ยังคงยืนเงียบอยู่ด้านข้างราวกับเรื่องราวทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ใบหน้าของนางขาวซีด ดวงตาคู่นั้นดูสิ้นหวัง นางดูเปราะบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมจะแตกหัก แต่รวมกันแล้วกลับเป็นความงามจับตาอย่างน่าประหลาด เขาตวัดสายตากลับมามองชายสูงวัยกว่าเบื้องหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าจะส่งคนมาเจรจาเรื่องสู่ขอ ให้เวลาท่านเตรียมตัวหนึ่งเดือนคงจะพอกระมัง”
พูดจบก็หันหลังกลับมาโดยไม่รอฟังคำตอบ
ยังไม่ทันก้าวไปถึงประตูชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้า ใต้เท้าลี่นั่นลงมือกับบุตรสาวที่เป็นเพียงสตรีบอบบาง ลี่เซียงล้มลงกับพื้น บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือแดงแต่นางกลับไม่มีน้ำตาสักหยด ดวงหน้าเล็กๆ นั้นดูยอมรับชะตากรรมจนน่าเวทนา ชางฉือหมิงหันกลับไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“จากนี้ไปนางเป็นคนของข้าแล้ว หวังว่าใต้เท้าลี่คงจะรู้การควรไม่ควรกระมัง เจ้าสาวข้าไม่อาจเป็นที่รองรับอารมณ์ของใคร จนกว่าจะถึงวันสมรสหวังว่านางจะได้รับการปฏิบัติจากครอบครัวเดิมเป็นอย่างดี”
ชางฉือหมิงมองหน้าบุรุษแก่คราวบิดานิ่งโดยไม่เกรงใจ เขาไม่คิดจะบอกเรื่องที่ลี่เซียงถูกแผนการของพี่สาวต่างมารดาเล่นงาน มีคนในครอบครัวเป็นเช่นนี้ วันหน้าย่อมก่อปัญหาให้กับตระกูลลี่โดยเขาไม่ต้องลงมือทำอะไร
หนึ่งเดือนให้หลังพวกเขาก็จัดงานมงคลสมรส ลี่ซ่วนถงไม่ได้สนใจบุตรสาวคนรองมากนัก ปล่อยให้ไป๋ซื่อมารดาเลี้ยงจัดการเรื่องสินเจ้าสาวให้ โชคดีที่แม่นมหลี่คอยรักษาสินเดิมของมารดานางเอาไว้ หาไม่แล้วลี่เซียงคงออกเรือนมาพร้อมกับสินเจ้าสาวที่ดูแร้นแค้นน่าเวทนา