สองพี่น้องช่วยกับจัดบ้านด้วยของที่เอามาอีกครั้ง คราวนี้ห้องครัวจึงเต็มไปด้วยข้าวของและอาหาร นอกเสียจากเนื้อสัตว์ที่ไม่เอาออกมาเพราะยังไงในมิติทุกอย่างยังคงสดใหม่และอยู่ในสภาพเดิม เธอจะเอามาให้เสียรสชาติและความสดทำไม
บ้านนี้มีเพียงสองห้องนอน เธอจึงยกห้องใหญ่ให้พ่อกับแม่ เธอไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก เพราะยังไงทุกคนเข้าไปนอนในมิติอยู่แล้ว ซึ่งบ้านหลังนี้ก็อยู่ชั่วคราวเท่านั้น มีเพียงที่นอน ฟูกผ้าห่มก็พอแล้ว จะบอกว่าเอาแค่บังหน้าก็ได้
กว่าที่สองพี่น้องจะจัดการเสร็จสิ้นเล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย แต่เธอจัดมุมหนึ่งของบ้านไว้เพื่ออ่านหนังสือกับพี่ชาย เพราะยังไงทุกคนก็ต้องรู้ว่าเธอและพี่ใหญ่ต้องไปสมัครเรียน
“เสี่ยวอิง พี่จะไปบ้านลุงผู้นำน้องจะไปกับพี่ด้วยไหม”
หลันอี้ข่ายจะไปแจ้งเรื่องเขาและน้องไม่ทำงานในคอมมูนแล้วเพื่อกลับมาเรียน เลยหันไปถามน้องสาวว่าจะไปด้วยไหม
“ไปด้วยพี่ใหญ่ หนูว่าต่อให้เราอยู่บ้านนี้ชั่วคราว ยังไงก็ต้องสร้างเล้าไก่ไว้นะ หากมีไข่ไก่กินทุกวันชาวบ้านจะสงสัย แม้ว่าบ้านหลังนี้จะมีบ้านของอาเฟยเทียนเป็นเพื่อนบ้าน แต่ใครจะบอกได้ว่าชาวบ้านคนอื่นจะไม่แวะเวียนเข้ามาดู บ้านเราน่าจะเลี้ยงไก่ได้สองตัว พี่ว่าดีไหม”
“ดีเหมือนกัน ไปบ้านลุงผู้นำหมู่บ้านแล้วก็ถามท่านเลยแล้วกัน”
หลันอี้ข่ายเห็นด้วย แต่สายตาเขาเป็นประกายเมื่อน้องสาวเอาหนังสือออกมา ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาของหลันลู่อิง ชาติก่อนเธอเรียนหลายภาษา จึงมีหนังสือของภาษาของที่นี่ด้วย ทำให้สองพี่น้องใช้แก้ขัดไปได้ แต่ยังไงพรุ่งนี้หลันลู่อิงก็ต้องหาซื้อหนังสือเรียนของที่นี่เพื่อมาศึกษาไว้บ้าง หากมีตรงไหนที่พี่ชายไม่เข้าใจเธอจะได้ช่วยติวให้
เมื่อได้ข้อสรุปสองพี่น้องจึงชวนกันไปบ้านของผู้นำหมู่บ้านเพื่อแจ้งเรื่องทั้งหมด
“ลุงผู้นำครับ อยู่บ้านไหมครับ” หลันอี้ข่ายร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน
“อ้าวอาข่ายเองเหรอ มีอะไรหรือเปล่า พ่ออยู่ในบ้านเดี๋ยวพี่ไปตามให้นะ” มู่ซวงเอ๋อร์ลูกสาวผู้นำหมู่บ้านเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้มพอรู้ว่าสองพี่น้องมาหาพ่อ เธอจึงเรียกให้เข้ามาในบ้านก่อน
“ขอบคุณมากครับพี่สาวซวงเอ๋อร์”
หลันอี้ข่ายกล่าวขอบคุณก่อนจะจูงมือหลันลู่อิงเดินเข้ามารอในลานบ้าน ไม่นานผู้นำหมู่บ้านจึงเดินออกมาพบ เขากำลังจะไปหาสองพี่น้องพอดีเรื่องจัดสรรที่ดินสร้างบ้าน
“ลุงกำลังจะไปหาเราสองคนพอดีเลย จะแจ้งเรื่องจัดสรรที่ดินสร้างบ้าน พอดีว่าทางสำนักงานในอำเภอแจ้งว่าให้อยู่บ้านหลังนั้นไปเลย โดยใช้กรรมสิทธิ์ชื่อของหลันเทียนหยู่ จะได้ไม่เสียเวลาในการก่อสร้างและไม่ต้องสิ้นเปลือง
ทางเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ในอำเภอเห็นหนังสือตัดขาดแล้ว และมองว่าบ้านรองหลันคงลำบากไม่น้อยหากต้องสร้างบ้านใหม่ เลยจัดสรรที่ดินแปลงนั้นพร้อมบ้านให้”
ผู้นำหมู่บ้านพูดอย่างไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว ในเมื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์คนเก่าตรงนั้นคือนายน้อยหยางเฟยเทียน ใครจะกล้ามีปัญหา
“ขอบคุณมากเลยนะครับลุงผู้นำ แบบนี้ผมไม่ต้องหาเงินมาสร้างบ้านแล้ว จริงสิครับ ผมมาวันนี้เพื่อจะรบกวนลุงแจ้งกับคอมมูนให้หน่อยว่าผมกับเสี่ยวอิงจะขอหยุดงานเพราะอยากจะกลับไปเรียนต่อ เผื่อเรียนจบแล้วจะได้สมัครงานที่โรงงานได้ ต่อไปพ่อกับแม่จะได้สบายขึ้น”
แม้ว่าจะดีใจเรื่องที่ดินและบ้าน แต่ไม่ลืมที่จะบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“จริงเหรอ ลุงดีใจด้วยนะที่เราสองคนจะกลับไปเรียนต่อ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีมหาลัยให้เรียน แต่เรียนจบมัธยมปลายให้ได้นะ อาเทียนกับอาเหยาจะได้ภูมิใจ”
ผู้นำหมู่บ้านดีใจไปกับเด็กน้อยทั้งสองคนเมื่อได้ยินว่าจะกลับไปเรียนต่อ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าฟ้าหลังฝนสินะ ยิ่งถ้าเด็กทั้งสองคนเรียนจบมัธยมปลายแล้วได้งานดีๆ ทำ บ้านใหญ่หลันคงกระอักเลือดตายแน่ๆ
“ใช่ครับ ผมและเสี่ยวอิงต้องการกลับไปเรียนต่อ รอพ่อออกจากโรงพยาบาลก็จะไปสมัครเรียนกันเลยครับ”
“ดีๆ แล้วอาเทียนเป็นยังไงบ้างดีขึ้นบ้างไหม” ผู้นำอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงถามถึงอาการป่วยของหลันเทียนหยู่
“ดีขึ้นแล้วครับ อีกสองวันพ่อกลับบ้านได้แล้ว ขอบคุณลุงผู้นำมากนะครับ วันนี้ผมกับน้องขอลาก่อน” หลันอี้ข่ายกล่าวลา เขายังไม่ลืมว่าต้องห่อสบู่เพื่อไปส่งลูกค้าพรุ่งนี้ เมื่อกล่าวคำลาแล้ว สองพี่น้องจึงขอตัวกลับ
ระหว่างทางทั้งสองเจอเข้ากับบ้านใหญ่หลัน และหลันซูซิน แต่ละคนหน้าตายังคงซีดเซียว เมื่อเห็นสองพี่น้องบ้านรอง บ้านใหญ่จึงเมินเฉย การที่หลันซูซินยังปกติดี แสดงว่าบ้านใหญ่ยังไม่รู้ว่าเงินหายไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของสองพี่น้องอย่างหลันลู่อิงและหลันอี้ข่าย ทั้งสองคนจึงเดินผ่านไปอย่างเฉยชาเช่นกัน
เมื่อมาถึงบ้านหลันลู่อิงจึงพาพี่ชายเข้ามิติ ก่อนจะห่อสบู่ตามจำนวนที่สั่งและทำเหลืออีกเล็กน้อย และเตรียมของสำหรับขายพรุ่งนี้ หลังจากเสร็จงานแล้วหลันลู่อิงจึงชวนหลันอี้ข่ายขึ้นเขา แม้ว่าในมิติจะมีอาหารมากมาย แต่ถ้าไม่ออกไปหาเลยจะเป็นการผิดสังเกตของชาวบ้าน
“พี่ใหญ่ ไปหาของป่ากันดีกว่า”
“เอาสิ ดีเหมือนกัน หากมีกินทุกวันแล้วไม่ออกไปหาอาหารเลย ชาวบ้านจะสงสัยเอานะสิ”
หลันอี้ข่ายเห็นด้วยกับน้อง เชื่อเถอะตอนนี้บ้านรองหลันยังคงเป็นจุดสนใจของชาวบ้านไม่น้อย อย่าลืมสิว่าพวกเขาแยกบ้านและตัดขาดกับบ้านใหญ่แทบจะไม่ได้อะไรมาเลย เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสองจึงออกจากมิติและมุ่งหน้าขึ้นเขาโดยทั้งสองคนถือหน้าไม้ไปคนละอัน ยังดีที่หลันอี้ข่ายยิงธนูเป็น จึงไม่ยากหากจะเปลี่ยนเป็นหน้าไม้
“เสี่ยวอิง นี่จะลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ เริ่มเข้าสู่ป่าชั้นกลางแล้ว”
หลันอี้ข่ายเอ่ยเตือนน้องสาว แม้จะรู้ว่าต่อให้มีอันตราย อย่างมากน้องเล็กก็พาเข้ามิติ แต่ยังไงตอนนี้ทั้งสองยังเด็ก ร่างกายยังไม่โตเต็มที่หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะทำยังไง
“หนูตั้งใจจะเข้ามาเองแหละพี่ใหญ่ เข้าป่าชั้นในเผื่อว่าจะเจอโสม เราจะได้เอาไปบำรุงร่างกายพ่อไง”
เธอพยายามหาข้ออ้าง หาโสมเรื่องรอง เพราะในมิติมียาบำรุงมากมาย และมีเครื่องดื่มบำรุงกำลังผสมโสมเยอะแยะ แต่เธอเพียงอยากเข้ามาดูเท่านั้น ชาติก่อนเธอชอบธรรมชาติมาก ในเมื่อตอนนี้ได้มาอยู่กับธรรมชาติเลยขอซึมซับเสียหน่อย เผื่อว่าจะเจอหมูป่าบ้าง ต่อให้ร่างเล็กไปนิดแค่หมูป่าตัวเดียวคงไม่ยากเกินไปสำหรับเธอ
“ไม่ต้องหาข้ออ้างเลยเสี่ยวอิง จะหาเรื่องเล่นซนนะสิ ใช่ไหม”
หลันอี้ข่ายเอือมระอากับคำแก้ตัวของน้องสาวจึงมองอย่างรู้ทัน หรือว่าเพราะที่ผ่านมาเขาตามใจเธอเกินไป จึงชอบทำอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้ สองพี่น้องยังไม่ทันพูดอะไรต่อ หลันลู่อิงเหมือนจะได้ยินเสียงสัตว์ใหญ่วิ่งมาทางนี้
“พี่ใหญ่ขึ้นต้นไม้ก่อน”
ทั้งสองจึงปีนต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองทิศทางของเสียง สายตาของทั้งสองปะทะเข้ากับหมูป่าตัวใหญ่สามตัวกำลังวิ่งไล่กันมา หลันลู่อิงมองดูจังหวะ เมื่อหมูป่าทั้งสามตัววิ่งใกล้เข้ามาจึงกระซิบบอกพี่ชาย
“พี่ใหญ่ใช้หน้าไม้ยิงจุดตายตัวหนึ่ง อีกสองตัวหนูจัดการเอง หากเรารอให้มันไปที่อื่น หนูว่าวันนี้เราคงไม่ได้กลับบ้าน และถ้าอาเฟยเทียนไม่เห็นพวกเรารับรองเรื่องใหญ่”
“อืมได้สิ เฮ้อ…ทำไมพี่ต้องมีฝาแฝดทั้งแสบทั้งซนแบบนี้นะ ไม่ใช่พอเข้าเรียนมัธยมจะกลายเป็นหัวโจกของห้องหรอกใช่ไหม”
หลันอี้ข่ายตอบรับและถอนหายใจหนักๆ นี่หมูป่านะไม่ใช่กระต่ายป่าหรือไก่ป่า เสี่ยวอิงของเขาช่างมีความกล้าจริงๆ ต่อให้บ่นในใจ แต่เด็กหนุ่มก็ทำตามที่น้องสาวบอกอย่างไม่มีตกหล่น แม้ว่าจะยิงพลาดไม่เข้าจุดตายแต่ก็ทำให้หมูป่าตัวนี้หนีไปไหนไม่ได้อีก