ตอนที่ 1 กาลกิณี
ฤดูตงเทียนปีนี้ช่างเหน็บหนาวกว่าปีที่ผ่านมานัก แล้วยังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในจวนเซียวอีก เมื่อฮูหยินเอกไป๋จินจูเกิดป่วยหนักขึ้นมาท่ามกลางอากาศหนาวเยียบเย็น จนกระทั่งกระอักเลือดออกมาเป็นกองโต
นางนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ข้างกายมีสาวใช้คนสนิทคอยเติมถ่านเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ผู้เป็นนายเสมอ ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อยนิด ทว่าไป๋จินจูไม่รู้เลยว่ายามนี้บุตรสาวที่แสนน่ารักน่าชังนั้นทำอันใดอยู่
ด้วยเพราะสติของนางเลือนรางไปทุกที ลมหายใจยังติดขัดขาดห้วง อีกทั้งไร้เรี่ยวแรงที่เอ่ยกล่าว กระทั่งขยับแขนขาก็ไม่สามารถทำได้
ทางด้านดรุณีน้อยนางหนึ่งสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว นั่งคุกเข่าอยู่ลานกว้าง หน้าเรือนของผู้เป็นบิดา เพราะถูกลงโทษให้นั่งสำนึกผิดท่ามกลางหิมะโปรยปรายไม่ขาดสาย
แม้อากาศจะเลวร้ายเพียงใด เซียวอิ๋นฮวาก็ไม่ขอร้องวิงวอนสักครึ่งคำ ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่เช่นนั้น แม้ในใจของนางจะตัดพ้อบิดา ที่ลงโทษนางเช่นนี้ เพียงเพราะถ้อยคำของนักพรตปีศาจนั่น
“ท่านพี่เจ้าคะ นางเป็นแค่เด็ก จะทำร้ายพี่สาวได้อย่างไรกันเจ้าคะ” เถาซื่อจีบปากจีบคอ เอ่ยเข้าข้างคุณหนูใหญ่
“ก็นางเป็นกาลกิณี ถึงทำให้จินจูของข้าอาการหนักเช่นนี้” พูดแล้วก็ใจคอไม่ดีนัก อากาศเช่นนี้จะตามท่านหมอมาดูอาการฮูหยินของตนได้อย่างไร ความโกรธแค้นทั้งหมดจึงเอามาลงที่ลูกสาว
“นักพรตคนนั้นก็พูดไปส่งเดช ท่านพี่ยังเก็บเอามาใส่ใจอีกหรือเจ้าคะ ยามนี้อากาศข้างนอกหนาวเย็น หิมะก็ปกคลุมหนา เกรงว่าฮวาเอ๋อร์อาจป่วยขึ้นมาก็เป็นไปได้” เถาซื่อยังคงพูดกล่าวน้ำเสียงนุ่ม แสดงสีหน้ากังวลใจต่อดรุณีน้อยที่นั่งคุกเข่าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว
ชายสูงวัยลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อด้วยความหงุดหงิดใจ “นางเป็นดั่งที่นักพรตทำนายเอาไว้ หากจินจูไม่พ้นคืนนี้ละก็ พรุ่งนี้ส่งนางไปอารามชีเสีย”
“นางยังเด็กไม่ประสา จะให้เดินทางท่ามกลางหิมะตกได้อย่างไรกันเจ้าคะ” เถาซื่อยังคงพูดจาหว่านล้อมผู้เป็นสามี ในใจของนางล้วนมีความปีติเป็นนักหนา ในที่สุดก็กำจัดไป๋จินจูได้เสียที
ตำแหน่งฮูหยินเอกจะไปไหนเสีย หากไม่ตกเป็นของนางกัน บุตรสาวของนางก็จะได้กลายเป็นคุณหนูรองมีหน้ามีตาในสังคมชนชั้นสูง จะได้ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ลูกสาวของฮูหยินรองอีกต่อไป
“เจ้าก็เป็นเสียแบบนี้ เข้าข้างนาง เอ็นดูนาง แต่นางเล่าทำอะไรบ้าง” ชายสูงวัยมองมายังดวงหน้าของภรรยา นางเป็นคนจิตใจดีเช่นนี้เสมอ
ซ้ำยังรักใคร่เอ็นดูอิ๋นฮวาราวกับสายเลือดเดียวกัน เขานั้นโชคดีนักที่มีภรรยาแสนดีเช่นนี้
พอเห็นเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมากะทันหัน นึกย้อนไปถึงคำพูดของนักพรตที่มาปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ว่าอาเพศนั้นจะเกิดขึ้นมาในไม่ช้า ซ้ำยังทำนายว่า
วันที่อิ๋นฮวาคลอดออกมา ก็เกิดพายุโหมกระหน่ำ บ่งบอกว่าเด็กคนนี้นั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในบ้าน และอีกไม่นานมารดาก็จะจากไป เพราะมีลูกสาวเป็นกาลกิณี
“นางเปรียบเสมือนลูกสาวของข้า พี่สาวก็มีเมตตาต่อข้า ไยข้าจะต้องทำตัวร้ายกาจต่อฮวาเอ๋อร์ด้วยเล่า ท่านพี่ทบทวนอีกครั้งเถิดเจ้าค่ะ” เถาซื่อลงทุนคุกเข่าเบื้องหน้าของสามี วิงวอนเขาด้วยน้ำเสียงเศร้าอีกครา
ทว่าเถาเหมยฮัว กลับถูกสามีประคองให้ลุกขึ้น โดยเซียวจิ่งเทียนซึ่งเป็นสามีของนาง เขาชักสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าหยุดเสียเถอะ ต่อให้นางคุกเข่าจนหมดลมไป ข้าก็ไม่ยกโทษให้นาง”
สิ้นเสียงของผู้เป็นบิดา ดรุณีน้อยก็หมดสตินอนอยู่บนพื้นที่เยียบเย็น เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
สาวใช้ของคุณหนูใหญ่ ยืนมองอยู่ระเบียงด้วยความกังวลใจ กระทั่งแม่นมเฒ่ายังร้อนใจนั่งไม่ติดพื้น ก่นด่าสาดเสียเทเสียต่อความใจดำของผู้เป็นนาย ลงโทษโดยไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่เท่ากับสังหารคุณหนูของนางทางอ้อมหรอกหรือ
พอแม่นมเฒ่าเห็นคุณหนูน้อยล้มลงไป นางรีบลุกพรวดพราด “ไปเร็วเข้า ไปอุ้มคุณหนูเข้าห้อง”
“แม่นมฝูลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ หากไม่มีคำสั่งจากนายท่านละก็ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไปช่วยคุณหนูเด็ดขาด” น้ำเสียงนี้ดังมาจากสาวใช้คนสนิทของฮูหยินรอง ในมือของนางนั้นถือผลไม้ลูกหนึ่งอยู่ เอนแผ่นหลังพิงต้นเสาอย่างสบายอกสบายใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอิ๋นฮวานั้นหมดสติไปแล้ว
นางทำตามคำสั่งของฮูหยินรองและคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของจวนนี้ ทว่าเมื่อครู่ แม่นมฝูริอ่านจะสอดมือเข้าไปช่วยตัวกาลกิณีละก็ คงต้องข้ามศพนางไปก่อน
เช่นนั้นสาวใช้คนนี้รีบโยนผลไม้ทิ้ง แล้วไปยืนดักหน้าแม่นมเฒ่ากับสาวใช้คนสนิทของเซียวอิ๋นฮวา
“หากยังดึงดันละก็ ข้าจะบอกนายท่านให้ลงโทษพวกเจ้า” สาวใช้คนนี้สีหน้าเกรี้ยวกราดไม่น้อยนัก คิดว่าตนเองได้รับมอบหมายงานสำคัญให้ จนหลงลืมสิ้นความเมตตากรุณาของฮูหยินเอกที่มี
“นางเด็กคนนี้ช่างกำเริบเสิบสานนัก คอยดูเถิดสักวันเจ้าจะต้องถูกตีจนตาย เด็ก ๆ ลากนางให้พ้นหน้าข้า วันนี้เป็นไงเป็นกัน” ว่าแล้วหญิงชราก็เอ่ยเสียงแข็ง สั่งการสาวใช้ข้างกาย
สาวใช้ทั้งสองรับคำสั่ง รอโอกาสนี้มานานแล้ว ถ้าจะถูกลงโทษก็ยินดี วันนี้ขอขัดขืนคำสั่งของนายท่านสักวัน “ปล่อยข้านะ ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านเจ้าคะ” สาวใช้นามว่ากวนตู้ ถูกหามออกไปโดยสหายทั้งสอง เดิมทีทั้งสองสาวนี้ไม่ค่อยชอบหน้ากวนตู้มากนัก วันนี้มีโอกาสแล้วขอจัดการเสียหน่อย
หว่านหนิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ลงทุนถอดรองเท้าออก แล้วนำถุงเท้ายัดปากกวนตู้ ส่วนคนถูกยัดด้วยถุงเท้า นั้นตาเหลือกถลนดีดดิ้นหนีพันธนาการ พลางก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ มิหนำซ้ำยังถูกหรูหรันสาวใช้อีกคนใช้ฝ่ามือสั่งสอนเสียจนเจ็บปวดไปหมด
แม่นมเฒ่ารีบจ้ำเท้าไปยังลานด้านหน้าห้องของผู้เป็นนาย กำลังประคองคุณหนูน้อยที่นอนแน่นิ่ง หายใจแผ่ว ๆ ใบหน้าซีดเซียว ของเซียวอิ๋นฮวานั้นก็ยิ่งทำให้แม่นมแทบร่ำไห้ออกมา “เร็วเข้า พาคุณหนูกลับห้องเร็ว”
เซียวจิ่งเทียนเปิดประตูออก ก็เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก เมื่อเห็นหญิงชรากำลังประคองตัวกาลกิณี เขาจึงระเบิดเสียงขึ้น “ใครใช้ให้พวกเจ้ามานำนางออกไป”
แม่นมฝูมองคนใจร้าย ด้วยความคับแค้นใจ ติดอยู่ที่ว่านางเป็นแค่แม่นมของคุณหนู จะมีปากเสียงกับเจ้านายได้อย่างไรกัน
แม่นมเฒ่าคนนี้จึงเอ่ยปากคอสั่นขึ้น “นายท่าน จิตใจโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่ นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ”
ฝูเจียวอยากด่าทอนายท่านเหลือเกิน ว่าจิตใจทำด้วยอะไรกัน ถึงไม่แยแสต่อความเป็นตายของลูกสาว ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนหิมะเช่นนี้ แต่แล้วแม่นมเฒ่ากลับทำได้แค่สกัดกั้นความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้ อุ้มร่างเยียบเย็นขึ้นมาอย่างทุลักทุเลด้วยอายุมากแล้ว มิได้แข็งแรงดั่งสาวแรกรุ่น
เซียวจิ่งเทียนเห็นหญิงชราขัดขืน เขายกนิ้วชี้ต่อว่า ด้วยถ้อยคำอันหยาบคาย
ซ้ำยังประกาศก้องดั่งที่ตนคิดเอาไว้อีกว่า “นางเป็นกาลกิณี ทำให้จินจูกลายเป็นเช่นนี้ก็นาง...พรุ่งนี้ส่งนางไปอารามชี หากข้าไม่เรียกนางกลับจวน ก็อย่าหวังว่าจะได้มาเหยียบย่ำจวนนี้อีก”