จันทร์หอมเดินใจลอยออกมาจากคฤหาสน์หลังงามของคุณหญิงประไพพรรณได้สักพักหนึ่งแล้ว ในหัวเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“เมื่อกี้ก็อดที่จะขอดูรูปลูกชายคุณหญิง” หญิงสาวบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ขณะจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งที่จะเข้าร้านสะดวกซื้อ “หวังว่าคงไม่ลงพุง หัวล้านเหมือนขุนช้างหรอกนะ”
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ดวงตาเหม่อลอย ใจก็ล่องลอย ทำให้ไม่ทันได้ระวังยามข้ามถนน จนเกือบถูกรถยนต์พุ่งเข้าชน
เอี๊ยดดดด!!!
เสียงล้อรถครูดไปกับพื้นถนนดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับหล่อนที่ล้มคว่ำลงไปกับพื้น หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ โชคดีที่ล้อรถหยุดลงก่อนที่จะชนร่างของหล่อนเข้า
มือเล็กที่ยกขึ้นปิดหน้าค่อยๆ ลดลง ก่อนจะหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นกระจังหน้ารถอยู่ห่างเพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น
“เกือบไปแล้วเรา...”
หล่อนพึมพำออกมาอย่างขวัญเสีย กัดฟันลุกขึ้นยืน และกำลังจะไปไหว้ขอโทษขอโพยเจ้าของรถ เพราะรู้ดีว่าตัวเองผิดเต็มประตู
แต่...
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออก พร้อมกับผู้ชายตัวสูงแต่งตัวดีคนหนึ่งก้าวลงมา และเมื่อได้เห็นหน้าชัดๆ ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นี่คุณเองเหรอ!”
จากที่จะเอ่ยขอโทษ หล่อนเปลี่ยนเป็นโมโหแทน
“ขับรถประสาอะไรของคุณเนี้ย ไม่เห็นเหรอว่าคนกำลังจะข้ามถนน”
ธันฐกรณ์แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงซุ่มซ่ามที่ทะเล่อทะล่าจะข้ามถนนตัดหน้ารถยนต์ของตัวเองจะเป็นยัยปากปลาร้าคนเมื่อวาน
“แล้วคุณไม่เห็นหรือไงว่ารถมาน่ะ ทำไมไม่ไปข้ามสะพานลอย”
เขาเค้นเสียงโมโหใส่อย่างไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน
“สะพานลอยอยู่ตรงนู้น อีกตั้งสี่ห้าร้อยเมตร ฉันไม่เสียเวลาเดินไปหรอก และตรงนี้ก็ทางม้าลาย คุณควรจะชะลอรถไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เหยียบคันเร่งจนมิดแบบนี้”
หล่อนแหวกลับอย่างโมโห และไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ไม่เข้าใจเลยว่าแม่ผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขาตั้งแต่ชาติปางไหน ถึงได้เจอถี่นัก แถมเจอแต่ละครั้งก็ล้วนแต่สร้างความปวดหัวให้ถึงขั้นสุดทุกที
“ผมไม่อยากเถียงกับผู้หญิงบ้าๆ แบบคุณแล้ว หลีกทางไป ไม่งั้นคราวนี้ผมชนคุณแน่”
เขาจะเดินขึ้นรถ แต่หญิงสาวปรี่เข้าไปกระชากแขนล่ำเอาไว้
“คุณจะไปไหนไม่ได้นะ ต้องขอโทษฉันก่อน”
ชายหนุ่มหันกลับมามอง มองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะแค่นยิ้ม
“หน้าตาคุณก็สวยดีนะ แต่ไม่คิดว่าจะปัญญาอ่อน ปล่อยแขนผม ผมจะไปแล้ว”
“ไอ้... ไอ้คนบ้า นี่คุณว่าฉันปัญญาอ่อนเหรอ!”
“หรือไม่จริงล่ะ”
จันทร์หอมไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนยั่วโทสะเก่งเท่าพ่อสุดหล่อคนนี้มาก่อนเลย
“นี่ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะไอ้คนบ้า ไอ้คนไม่ยอมรับผิด นี่แน่ะ นี่แน่ะ”
“โอ๊ย นี่คุณ... อย่ามาทำร้ายร่างกายผมนะ”
ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบกำปั้นเล็กๆ ของแม่สาวตัวแสบพัลวัน และพอหลบได้ก็ชี้หน้าเตือนเสียงเดือดดาลทันที
“อย่าเข้ามาทุบผมอีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“ฉันไม่กลัวคุณหรอกยะ!”
หญิงสาวไม่กลัว เตรียมจะถลาเข้าไปทุบเขาอีก แต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้หล่อนหยุดเท้าแทบไม่ทันเลยทีเดียว
“ถ้าตีผมอีก ผมจะขยี้ปากคุณให้เละเชียว ไม่เชื่อลองดูสิ”
คำพูดของเขาดุดัน และก็ทำให้หล่อนหวนคิดไปถึงจูบแรกที่ถูกขโมยไป
หญิงสาวกำมือแน่น มองเขาอย่างโมโห หน้าตาแดงก่ำด้วยโทสะ
“คุณมันก็เก่งแต่กับผู้หญิงนั่นแหละ ไอ้คนบ้า ไอ้คนฉวยโอกาส”
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างมีชัย เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว
“แต่คุณก็ชอบจูบของผมไม่ใช่เหรอ เห็นเคลิ้มเป็นนานสองนาน”
“ไม่ใช่ ฉันขยะแขยงจูบของคุณจะตายไป”
“ไม่จริงมั้ง หล่อๆ แบบผมไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากกินหรอก” ชายหนุ่มยิ้มยั่วยวนกวนโทสะให้กับหญิงสาว
“ถ้าหล่อแล้วทำฟาร์มสุนัขเอาไว้ในปากแบบนี้ ฉันยอมแห้งเหี่ยวตายดีกว่า”
“ปากเก่งนักนะแม่คุณ”
หญิงสาวเชิดหน้าสูง มองเขาอย่างเจ็บใจ “ใช่ฉันปากเก่ง แต่ไม่ได้ปากสุนัขแบบคุณก็แล้วกัน”
แล้วจันทร์หอมก็สะบัดหน้าใส่ พร้อมกับรีบเดินข้ามถนนไปทันที
ธันฐกรณ์มองตามไปจนลับสายตาด้วยความเดือดดาล
“อย่าให้เจออีกเชียวนะ พ่อจะจับตีก้นเสียให้เข็ด”
แล้วชายหนุ่มก็ก้าวขึ้นรถ และขับมุ่งหน้าเข้าไปในบ้านอย่างหัวเสียเป็นที่สุด
ธันฐกรณ์ลอบผ่อนลมออกจากปากเบาๆ เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้านแล้วพบมารดากำลังนั่งรอคอยอยู่ ลางสังหรณ์ของเขาร้องเตือนว่าจะต้องเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เขาเคยปฏิเสธอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับคุณแม่ ทานข้าวเย็นหรือยังครับ” เขาเอ่ยทักทายเพื่อต้องการเบี่ยงประเด็น แต่ดูท่าทางแล้วจะหนีไม่พ้น
“แม่รอทานพร้อมพ่อธันนั่นแหละ”
“งั้นผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ ตัวเหนี๊ยวเหนียว”
“นั่งคุยกับแม่ก่อน สักห้านาทีคงไม่เหนียวตัวตายหรอกเนอะ”
มารดามองมาด้วยสายตารู้ทัน ซึ่งเขาก็จำต้องยอมแพ้
“เรื่องเดิมอีกใช่ไหมครับคุณแม่”
ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับมารดา สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นทันที
“แม่หาผู้หญิงสวยๆ นิสัยดีๆ ให้มาอุ้มท้องหลานของแม่ได้แล้วนะพ่อธัน”
ธันฐกรณ์ถอนใจพรืดออกมาแรงๆ เอนกายพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนใจ
“ผมบอกคุณแม่ไปตั้งกี่รอบแล้วครับเนี้ย ผมไม่อยากมีเมีย ไม่อยากมีครอบครัว และไม่อยากมีลูกด้วยครับ”
“พ่อธันไม่อยากมี แต่แม่อยากมีนี่นา และแม่ก็ต้องอุ้มหลานก่อนตายให้ได้ด้วย”
“แต่คุณแม่จะบังคับให้ผมนอนกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“อ้าว แล้วทีพ่อธันนอนกับผู้หญิงที่เจอกันในผับในบาร์แค่ไม่ถึงชั่วโมงได้ยังไงกันล่ะ แล้วอย่ามาเถียงนะว่าไม่ใช่น่ะ”
ธันฐกรณ์เป่าลมออกจากปากอีกครั้งอย่างเคร่งเครียด
"แต่นั่นมันไม่เหมือนกันนี่ครับ ผมนอนด้วยก็จบแล้ว เราแยกย้ายกันหลังเสร็จกิจ”
“ผู้หญิงคนนี้แม่ก็ไม่ได้บังคับให้พ่อธันรับเป็นเมียไปตลอดชีวิตนี่นา แค่ในช่วงระยะเวลาที่เธอตั้งท้องก็พอ...”
ชายหนุ่มยืดตัวตรง และมองหน้ามารดา “คุณแม่ครับ ผมยืนยันคำเดิมนะครับ ผมไม่ต้องการนอนกับผู้หญิงของคุณแม่”
เมื่อเห็นลูกชายยืนกรานเสียงแข็งเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ตัวเองเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว คุณหญิงประไพพรรณจึงต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย
“งั้นพ่อธันก็เตรียมทำศพแม่ได้เลย”
ธันฐกรณ์หันมองหน้ามารดาด้วยความตกใจ เพราะคุณแม่ของเขาไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน
“คุณแม่ครับ อย่าบังคับผมแบบนี้เลยครับ”
“แม่แค่อยากอุ้มหลาน พ่อธันก็แค่มีหลานให้แม่อุ้ม มันยากตรงไหนเนี้ย”
“มันยากตรงที่ผมยังไม่อยากมีครอบครัวไงครับ”
“ก็แค่มีหลานให้แม่เอง แล้วลูกจะเลิกกับหนูหอมก็ตามสบายใจ แม่ไม่ห้ามหรอก”
“แล้วคุณแม่ต้องการเห็นหลานของคุณแม่เป็นกำพร้าเหมือนกับผมเหรอครับ”
คนเป็นแม่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เมื่อถูกลูกชายย้อนถามกลับมา
“ถ้าผมจะมีลูกสักคน ผมต้องพร้อมกว่านี้ครับ แต่นี่ผมยังไม่พร้อม ผมยังอยากมีอิสระอยู่ครับ อ้อ และที่สำคัญ ผู้หญิงที่ผมจะมีลูกด้วย ต้องเป็นผู้หญิงที่ผมรักครับ”
คุณหญิงประไพพรรณส่ายหน้าไปมาอย่างขัดใจ
“ถ้ารอให้ลูกเจอผู้หญิงที่รัก แม่คงตายแล้วเกิดใหม่ไปสามภพสามชาติแล้วล่ะ”
“แล้วผมจะทำยังไงได้ล่ะครับ ในเมื่อผมยังไม่เจอผู้หญิงที่ชอบเลย”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าพ่อธันไม่ยอมรับหนูหอม แม่จะไปกระโดดน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด และแม่จะทำจริงๆ นะพ่อธันก็รู้ว่าแม่ใจเด็ดแค่ไหน” คุณหญิงประไพพรรณยื่นคำขาด “ถ้าพ่อธันไม่รักแม่แล้วก็ตามใจ”
“คุณแม่ครับ... ผมรักคุณแม่เสมอนะครับ แต่ผมว่าวิธีนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีนะครับ รอให้ผมเจอคนที่ใช่ก่อน แล้วผมจะมีหลานให้เป็นโหลเลยครับ” เขาพยายามโน้มน้าวมารดา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลย
“แม่รอไม่ไหว แม่แก่มากแล้วนะพ่อธัน ยังไงซะ พ่อธันก็จะต้องรับหนูหอมเป็นเมีย นี่คือคำสั่งของแม่ และถ้าพ่อธันไม่ยอม แม่จะไปโดดน้ำตายจริงๆ ด้วย”
ธันฐกรณ์เป่าปากออกมาอย่างไม่มีทางเลือก แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะยอมมารดาทั้งหมด
“โอเคครับ ผมยอมให้คุณแม่พายัยหอมอะไรนั่นเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยก็ได้ครับ แต่ผมขอยืนยันนะครับว่าผมจะไม่แตะต้องแม่นั่นเด็ดขาด” ชายหนุ่มยืนกรานเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “เพราะผมไม่เต็มใจกับวิธีนี้ของคุณแม่ครับ”
“แม่ก็จะคอยดูว่าพ่อธันจะเก็บไม้เก็บมือจากหนูหอมได้นานแค่ไหน”
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดและหายไป
คุณหญิงประไพพรรณระบายยิ้มดีใจออกมา เพราะครั้งนี้หล่อนสามารถต่อสู้กับลูกชายได้สำเร็จ ซึ่งหล่อนก็มั่นใจว่าแผนต่อไปจะต้องสำเร็จเช่นกัน