ตอนที่2 เล่นกับความรู้สึก
พิมลดารู้ตัวแล้วว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองเธออย่างตั้งใจจากม้านั่งที่อยู่ถัดไปสองตัว มือที่กำลังลงสีภาพวาดดอกทานตะวันสีดำชะงักลงก่อนจะตัดสินใจหันมองเขาเต็ม ๆ ตา
“คุณมองใบทำไมเหรอคะ”
“ผมชอบดูใบวาดรูป เพลินตาดี”
“แบบนั้นใบไม่มีสมาธิค่ะ ถ้ามีคนแอบมองคุณทำอะไรคุณคงเป็นเหมือนกัน”
“งั้นผมไม่แอบมองใบก็ได้” ที่ว่างที่เหลืออยู่ถูกคนตัวสูงเอาตัวเองมานั่งเบียดโดยไม่ได้รับอนุญาต ครั้นหญิงสาวจะลุกหนีเขาก็ยึดกระดานวาดรูปของเธอไว้
“คุณคะ!”
“ทานตะวันสีดำ เมื่อวานก็ทิวลิปสีดำ?”
“ใบลงสีตามอารมณ์ค่ะ ขอกระดานคืนให้ใบด้วย”
“ผมอยากรู้จักใบ เบอร์โทรแลกกับกระดานโอเคมั้ย” พิมลดาใจไหวหวิวราวกับปุยนุ่นที่ล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง เขาเป็นใครจู่ ๆ เมื่อวานก็ปรากฏตัว
“ถ้าอย่างนั้นใบค่อยมาเอาคืนพรุ่งนี้นะครับ ผมจะมารอตรงนี้”
“เดี๋ยวค่ะ!” ชายหนุ่มเดินจากไปพร้อมกับกระดานวาดรูปนั้นของเธอ หญิงสาวร่างเพรียวบางไม่กล้าเดินตามคนแปลกหน้าไปแค่กระดานไม้ธรรมดากับกระดาษหนึ่งแผ่นเธอหาเอาใหม่ก็ได้.....
.....
“ใบ เมาเหรอหรือเป็นอะไร” พิมลดาได้สติเมื่อมีเสียงเรียกเธอจากด้านข้าง เพื่อนเดินมาจนประชิดตัวขนาดนี้ทำไมถึงไม่รู้ตัวก็ไม่รู้
“ไม่เท่าไหร่หรอก ดีขึ้นแล้วแหละ”
“ดีแล้วจะได้ดูแลน้ำขิง”
“น้ำขิงทำไมเหรอ”
หญิงสาวกระดกดื่มแอลกอฮอลจากขวดราวกับน้ำเปล่า ยิ่งรู้ว่าคืนนี้มีคนคอยรับกลับน้ำขิงยิ่งเมาแบบปล่อยตัว เธอกอดรัดรอบลำคอของนนท์นภัทรอย่างใจกล้า ทั้งที่ปกติแค่นั่งใกล้แบบแนบชิดยังไม่เคย
“เมาแล้วแรดแบบนี้แหละค่ะพี่ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ” ชายหนุ่มยิ้มรับเจ้าของงานวันเกิดที่พูดหยอกเพื่อนของเธอเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อคนที่หายไปเข้าห้องน้ำกำลังเดินกลับมา
“ใบเฟิร์นมาแล้ว แกจะกลับเลยมั้ยน้ำขิง”
“หืออ ใบมาแล้วเหรอ”
“ใช่ ว่ายังไง แต่ฉันว่ากลับเถอะตอนเช้ามีพรีเซนต์นะ”
“พรีเซนต์อะไรเหรอออ” น้ำขิงโอนเอนไปมาจนคนตัวสูงต้องประคองเอวของเธอไว้ไม่อย่างนั้นเธอคงได้นอนกับพื้นหญ้าแน่นอน
“สรุปกลับเลยเนอะ ใบดูแลน้ำขิงด้วยนะ”
“จ้ะ”
หากไม่ติดว่าน้ำขิงเมาจนภาพตัดเธอคงจะขอปลีกตัวกลับรถแท็กซี่เสียดีกว่า พิมลดาหันมองข้างทางโดยมีเพื่อนสาวนอนหนุนศีรษะบนตักพึมพัมไม่ได้ศัพท์มาตลอดทาง
“ไม่คิดจะทักทายพี่สักหน่อยเหรอ”
“...”
“ใบเฟิร์น พี่รู้ว่าได้ยิน”
“อย่าพูดอะไรได้มั้ยคะ เกรงใจน้ำขิง”
“หึ”
ร่างคนเมาถูกนนท์นภัทรพาส่งถึงห้องด้วยการอุ้มเธอขึ้นมาแนบอก พิมลดาคอยอำนวยความสะดวกให้เขาด้วยการกดลิฟต์และหิ้วกระเป๋าของเพื่อนขึ้นมาด้วย
ชั้นที่ 5
“ขิง คีย์การ์ดแกล่ะ”
“ในกระเป๋างายย”
“ไม่มี ฉันหาสองรอบแล้วนะ” พิมลดาเค้นคนเมาในอ้อมแขนของนนท์นภัทร เธอพยายามฟังสิ่งที่เพื่อนพูดเสียงเบาจนต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้แต่กลายเป็นว่าคนตัวสูงแอบสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอจนหญิงสาวดีดตัวขึ้นหลังตรงฉับ
“สรุปเจอมั้ยคีย์การ์ด พี่จะวางเพื่อนเธอไว้ตรงนี้นะ”
“พาขิงเข้ามาในห้องใบก็ได้ค่ะ” พิมลดาพูดไม่เต็มคำเท่าใดนัก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ของเธอแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อเพื่อนเธอเมาทิ้งตัวขนาดนั้น
น้ำขิงถูกวางลงบนเตียงนุ่มที่หวลกลิ่นหอมอย่างเบามือ เมื่อสัมผัสกับที่นอนคนเมาก็ม้วนผ้าห่มขึ้นห่อตัวเองไม่สนใจว่าตัวเองจะอยู่ที่ไหน
“กลับไปได้แล้วค่ะ”
“เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ” ตั้งแต่ขึ้นรถจนตอนนี้พิมลดาไม่มองหน้าเขาสักวินาทีเดียว ชายหนุ่มนึกสนุกขึ้นมาที่ทำให้ใจบอบบางของคนตรงหน้าหวั่นไหวได้สำเร็จ
“จะทำอะไรคะ!”
“คุยกันหน่อย” นนท์นภัทรลากเธอออกไปยังระเบียงราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง เขาหันไปเลื่อนปิดประตูกระจกให้สนิทกันผู้หญิงบนเตียงได้ยินแม้ว่าเธอจะเมามากก็ตาม แล้วหันมากักขังคนที่ทำท่าจะหนีกลับเข้าไปข้างใน
“หลบค่ะ อย่ามาทำลุ่มล่ามแบบนี้”
“เสียใจ? หรือเป็นอะไร”
“เสียใจ.. เรื่องอะไรคะ” พิมลดาปั้นหน้าถามอย่างเย้ยหยันทั้งที่ใจไม่ใช่อย่างที่แสดงออกมาสักนิด เธอกำลังเสียความรู้สึกมากที่สุด
“แล้วไอ้ที่ไม่มองหน้าพี่ คืออะไร”
“กับคนแปลกหน้าจำเป็นเหรอคะ”
“แน่ใจว่าพี่เป็นคนแปลกหน้า” หญิงสาวที่หลบตาเขาเผลอกำมือทั้งสองข้างแน่น เขามาเล่นกับใจกับความรู้สึกเธอทำไม
“แน่ใจค่ะ” เมื่อเธอยืนยันแบบนั้นนนท์นภัทรก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรหาใครคนหนึ่งซึ่งเสียงเรียกเข้านั้นมันดันไปอยู่ที่สมาร์ทโฟนในกระเป๋าสะพายของพิมลดา
“เธอเม็มชื่อพี่ว่าอะไรกันนะ”
“ไม่ได้เม็มไว้ว่าอะไรทั้งนั้น ออกไปจากที่นี่ได้แล้วค่ะ”
“พี่ยังไม่ได้อะไรติดมือเลย จะกลับได้ยังไงคะ.. น้องใบ” เขาใช้มือจับเส้นผมที่พัดปลิวทัดหูให้พิมลดาราวกับเป็นความอ่อนโยนที่ออกมาจากใจ แต่นับตั้งแต่เขามาในฐานะคนคุยของน้ำขิงหญิงสาวก็ไม่สามารถมองเขาเป็นอย่างนั้นได้อีก
“อย่ามาโดนตัว”