Chapter 6 เฟยเซียง...สาวใช้คนใหม่
“อาห์ แม่นางเจ้าทำให้ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน”
จางชงหยวนชักมือรูดขึ้นลงรัวเร็ว จนหัวหยักบานออกก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกมา
ถัดไปไม่ไกลนั้นที่บานหน้าต่าง มีนกกระเรียนสีฟ้าเหลือบเทาเกาะอยู่ นกกระเรียนผินหน้าหนีราวกับมิอยากรับรู้เรื่องราวภายในห้องตำรา ก่อนจะโผบินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านผู้มีพระคุณกำลังปรนเปรอตัวเอง ข้ามิน่าเข้าไปเห็นเลย”
เฟยเซียงหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย นางเพิ่งเดินทางมาถึงอำเภอฉาง นางใช้เวลาออกตามหาสกุลจากอยู่ไม่นาน เพราะใครๆ ต่างก็รู้จักตระกูลผู้ทรงอิทธิพลนี้
แล้วนางก็พบว่าเขากำลังชักแท่งทวนใหญ่อย่างออกรส ทวนของเขาใหญ่กว่าของตาเฒ่าจวินซื่อที่หอนางโลมเสียอีก และนั่นทำให้ร่องลึกของนางเปียกแฉะด้วยความต้องการที่ถาโถม จำต้องบินเข้าป่าแล้วใช้ปลายนิ้วบดขยี้เมล็ดสวรรค์จนสุขสม
แน่นอนคราวนี้นางไม่ได้ใช้ภาพร่วมรักของนางคณิกาและจวินซื่อสูงวัยในการปลุกเร้าตนเอง เพราะภาพชายหนุ่มรูปงามผู้มีพระคุณยังคงติดตรึงจนนางมิอาจถอดถอน
“อาห์...คุณชายผู้มีพระคุณเจ้าขา ท่านทำให้ข้าร้อนไปหมดทั้งตัว ข้าอยาก...ข้าอยากเหลือเกินเจ้าค่ะคุณชาย”
กระเรียนสาวกระตุกร่างเกร็งจนสะท้าน อ่อนระทวยเมื่อความสุขอาบไล้ไปทั่วร่าง ทว่าทุกครั้งที่นางเสร็จสิ้นการบำเรอตัวเอง นางก็จะรู้สึกผิดและอับอาย ด้วยเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่นางไม่สมควรกระทำ
“ขะ...ข้าช่างเป็นหญิงไร้ยางอายเหลือเกิน”
แผ่นประกาศรับสมัครสาวใช้ดูแลคุณชายจางชงหยวนถูกติดไว้ที่หน้าจวนท่านผู้ว่าการภายในเช้าวันต่อมา เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ต่างชี้ชวนกันมาอ่านประกาศด้วยความหวัง ต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างออกรส ด้วยทุกคนต่างอยากใกล้ชิดคุณชายรูปหล่อ ชาติตระกูลดีด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อยามอู่มาถึงพ่อบ้านประจำตระกูลจางก็ออกมาตั้งโต๊ะที่หน้าจวน เพื่อจัดระเบียบให้หญิงสาวนับร้อยคนเข้าแถวเป็นระเบียบ เพื่อรอคัดตัวด่านแรก
ด่านนี้พ่อบ้านจิ้นป้านเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด ซึ่งเขาจะคัดเลือกหญิงที่ไม่มีรูปชั่ว ไม่พิกลพิการ สติครบถ้วน ไม่มีกลิ่นกายเหม็นเปรี้ยวน่ารังเกียจ เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ก็จะผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
ด่านต่อไปนั้นเป็นการสอบข้อเขียนง่ายๆ ของคุณชายจางชงหยวน ซึ่งคุณชายต้องการสาวใช้ที่พออ่านออกเขียนได้ ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจ แต่หากให้หยิบจับตำราเล่มใดก็สามารถหยิบให้ได้โดยไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไชอย่างสาวใช้คนก่อนๆ
เมื่อผ่านด่านข้อเขียนไปแล้ว จึงเป็นด่านสุดท้ายซึ่งคุณชายจางชงหยวนจะเป็นคนมาคัดเลือกพูดคุยด้วยตนเอง
ไม่ไกลจากบริเวณจวนตระกูลจาง นกกระเรียนสาวโผบินอยู่บนฟ้า ปล่อยให้สายลมปะทะใบหน้าและลำตัว กางปีกสยายสะบัดฉวัดเฉวียนหยอกล้อสายลมเย็นอย่างสบายอารมณ์
เมื่อเหลือบมองไปยังพื้นดินเบื้องล่าง เห็นผู้คนมากมายยืนกันอยู่หน้าประตูจวนตระกูลจาง นางจึงรีบจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้วปราดเข้าไปเอ่ยถามผู้คนบริเวณนั้นทันที
“มีเรื่องอะไรกันหรือ เหตุใดจึงมีผู้คนมากมายเช่นนี้”
“คุณชายจางกำลังคัดเลือกสาวใช้คนใหม่ ถ้าเจ้าจะมาสมัครก็รีบเข้าแถวเถิด ท่านพ่อบ้านกำลังจะปิดรับสมัครแล้ว”
“รับสมัครสาวใช้งั้นเหรอ”
เฟยเซียงยิ้มกว้าง ประกายตาระยับเต็มไปด้วยความหวัง รีบเข้าแถวเป็นคนสุดท้ายได้อย่างพอดิบพอดี
กระเรียนสาวผ่านทุกการทดสอบ โชคดีที่เมื่อยังเด็กท่านยายสอนให้นางฝึกเขียนอ่าน นางมิได้เกียจคร้านหมั่นฝึกฝนตั้งใจจนอ่านออก เขียนได้ในระดับดี
และในการทดสอบครั้งนี้นางมีคะแนนสอบข้อเขียนมาเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
“หากข้ากับท่านมีวาสนาต่อกัน ข้าคงได้เข้าไปรับใช้ปรนนิบัติเพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”
เฟยเซียงยืนกุมมือเข้าหากันแน่นด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวที่ผ่านขั้นตอนสอบข้อเขียนมีทั้งหมดเพียงสิบห้านางเท่านั้น ซึ่งบัดนี้คนที่สิบสี่ได้เข้าไปสอบสัมภาษณ์กับคุณชายจางชงหยวนตามลำพังสองต่อสองในห้อง
นางสังเกตว่าทุกคนที่เดินออกมานั้นสีหน้าไม่สู้ดี ร่ำๆ คล้ายจะร้องไห้เสียอย่างนั้น คุณชายจางชงหยวนคงจะดุ และเข้มงวดมากสินะ ทุกคนถึงได้มีท่าทางหวาดกลัวเช่นนั้น
แต่คุณชายจางชงหยวนที่นางรู้จักนั้น เป็นเด็กชายอายุแค่เพียงสิบเอ็ดปี จิตใจดี มีเมตตาต่อสัตว์
สิบปีก่อนคุณชายจางไปเที่ยวเล่นเดินป่ากับญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นางแอบหนีท่านยายออกมาเที่ยวเล่นพอดี
นางเป็นเพียงกระเรียนที่ยังไม่มีวิชาแก่กล้า ไม่อาจแปลงร่างเป็นมนุษย์ เมื่อถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์ตะปบจนบาดเจ็บ จึงไม่อาจบินหนี จังหวะที่หมาป่าก้มลงเกือบจะกัดคอนางให้ขาดนั้น
ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาปักลงกลางลำตัวของหมาป่าจนมันวิ่งหนีไป เด็กชายคนนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลที่ปีกให้นาง ทุกวันนี้นางยังเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพกติดตัวเสมอ
เฟยเซียงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากสาบเสื้อ แล้วแนบมันไว้ที่แก้มอิ่มของตนเองอย่างแสนรัก
ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้ม ที่มุมล่างของผ้าเช็ดหน้า ปักชื่อเอาไว้ว่า ‘จางชงหยวน’ นับตั้งแต่นั้นนางตั้งปณิธานว่าจะต้องทดแทนบุญคุณเขาให้ได้
แล้วเวลานี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว...
“ลำดับที่สิบห้า! เชิญ!”
กระเรียนสาวตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินพ่อบ้านจิ้นป้านขานเรียกลำดับของตน นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในสาบเสื้อดังเดิม แล้วก้าวเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ด้วยหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมานอกอก
“ข้าเฟยเซียงขอคารวะคุณชายจางเจ้าค่ะ”
“เชิญนั่ง!”
จางชงหยวนผายมือเชื้อเชิญโดยไม่แม้แต่มองหน้าหญิงสาว กี่คนๆ ก็เหมือนกันหมด ชม้ายชายตาหมายจะยั่วยวนเขา ไม่ได้อยากมาทำงานเป็นสาวใช้อยากที่ปากว่าเลยสักคน เห็นทีว่าสิ้นสุดคนสุดท้ายเมื่อไหร่ เขาต้องแจ้งพ่อบ้านว่าให้หาบ่าวรับใช้ชายแทนเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องปวดหัวเหมือนกรณีเจียวเชินอยู่ร่ำไป