1-2 เจ้าสาวของทวยเทพ ****

1487 Words
อาเป้ยหาได้ล่วงรู้ชะตากรรมข้างหน้า นางไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่านางจะรอดชีวิตหรือไม่ งูตัวใหญ่ยักษ์ความสูงเสียดฟ้า เกล็ดบนลำตัวเป็นสีดำสนิท ผงาดกางกรงเล็บแหลมคมบนเท้าทั้งสี่ข้างลักษณะคล้ายอุ้งมือมังกร ปรากฏกายขึ้นมาจากผืนน้ำ อ้าปากงาบนางเข้าไปในคำเดียว! ขนาดอาจารย์ฮุ่ยหมิง ผู้บำเพ็ญพรตจนเป็นเทพเซียนได้ยังเผ่นป่าราบ โบกมือล่ำลานางเป็นที่เรียบร้อย สภาพของนางหรือจะเหลือ... เรือไม้ลำเล็กที่จิตรกรเอกบรรจงวาดอย่างสุดฝีมือกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ละลายหายไปเหมือนถูกเผาไหม้จากสายพิรุณพิโรธ แต่นับว่ายังดี ท่านเทพหลงไม่กลืนนางลงท้อง ยังไม่นิยมเคี้ยวอาหารอันโอชะอย่างนาง หรือเป็นเพราะท่านมีเพียงเขี้ยวแหลมคมสองข้างซ้ายขวา นางมองไม่เห็นว่าท่านจะมีฟันสำหรับบดอาหารเยี่ยงมนุษย์ สถานที่มืดมิดแห่งนี้อากาศร้อนอบอ้าว กลิ่นก็ไม่ค่อยดีนัก น่าอึดอัดไม่น้อย เสียงเสียดสีของพิษสีเหลืองที่เดือดพล่านกระทบกับเขตอาคมของอาจารย์ฮุ่ยหมิง ได้กางเอาไว้เป็นเกราะกำบังให้นาง นางระลึกถึงบุญคุณท่านอาจารย์ผู้มอบแสงสว่างให้กับนางเสมอมา แม้ในครานี้ ท่านยังชี้หนทางรอดให้นาง ขณะที่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เสียงน้ำจากภายนอกเป็นระลอกคลื่นสูงมหึมา เมื่อนั่งหลับตาเพ่งจิต ตั้งสมาธิให้มั่น นางพอที่จะควบคุมสถานการณ์โคลงเคลง กระเด็นไปมาเหมือนลูกบอลกลิ้งในขวดแก้วได้ ถึงไม่รู้ว่าอยู่ในปากงูนานเท่าไร กระทั่งมาถึงแหล่งน้ำที่ไหนสักแห่ง จากการสัมผัสได้ถึงเสียงระลอกคลื่นสาดกระจาย กายเทพอสรพิษโผล่พ้นขึ้นจากน้ำ นางอาศัยจังหวะที่ท่านเผยอปาก ลอดช่องเล็ก ๆ ถีบตัวเองออกมาในท่านอนหงาย สะบัดปลายเท้ากระโดดขึ้นอากาศ ถือวิสาสะเหยียบบนอุ้งมือหยาบซึ่งมีเล็บแหลมคมราวอุ้งมือของมังกร กระตุกดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวโยนทิ้งไป ตาสบตาใต้แสงจันทร์มืดสลัว เทพผู้ยิ่งใหญ่ท่าทางประหลาดใจ ยกนิ้วอันโอฬารขึ้นเพื่อพิจารณา นางเป็นมนุษย์ สตรี ตัวเล็กกว่าดวงตาสีแดงอันน่ากลัวของท่านเสียอีก "เจ้า... ยังมีชีวิตอยู่หรือ?" "ท่านเทพหลงเหนียนจะแสดงความยินดีกับข้าไหมเล่า สงสัยว่าข้าหนังเหนียวไปสักหน่อย" "เครื่องสังเวยที่ข้าพากลับมาทั้งสิบสองชีวิตเหลือเพียงเถ้ากระดูก พวกนางไม่สามารถทนพิษจากน้ำลายข้าได้ ไม่คิดว่าปีนี้... เจ้าเมืองหลงอี้จินจะส่งเซียนหญิงมา... เป็นไปได้ว่าท่านอาจคิดเป็นกบฏ ต่อต้านเทพ..." ปลายเสียงข่มขู่หญิงตรงหน้า นางยกฝ่ามือขึ้นปราม "เดี๋ยวก่อนท่านเทพหลงเหนียน เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้าเป็นบุตรสาวของแม่นางเหยียน เมื่อนางคลอดข้าแล้วพบว่าข้ามีรอยปานแดงรูปงู จึงส่งข้าไปอยู่ตีนเขาวันเทียนหลงกับท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิง ข้าได้รับการสั่งสอนวิทยายุทธ์มาเล็กน้อยเท่านั้น ข้ามิได้รู้เรื่องอะไรมากมายเลย ตัวข้ามิอาจนับว่าเป็นเซียนด้วยซ้ำ" รอดตายมาทั้งที อาเป้ยไม่อยากให้พวกเขามีปัญหา นับว่านางจิตใจงดงามนัก นางคิดเข้าข้างตัวเอง ยืดแผ่นหลังตรงเอามือไพล่หลังอย่างหาญกล้า "มนุษย์เช่นเจ้าล้วนโป้ปด วิชาเกราะกำบังของเจ้าต้องแข็งกล้าเทียบเท่าเทพเซียน เจ้าจึงจะสามารถรอดชีวิตจากพิษของข้า" "เป็นจริงดังท่านว่า หากอาจารย์ฮุ่ยหมิงมิได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ลำพังตัวข้า หากกางเกราะกำบังเองก็คงไม่รอด เชื่อเถิดว่าข้าพูดความจริง ท่านเจ้าเมืองหลงอี้จินไม่เคยคิดคดทรยศต่อท่าน ออกจะเทิดทูนเหล่าทวยเทพด้วยซ้ำไป มิฉะนั้นท่านจะส่งเครื่องสังเวยในทุกสิบสองปีเพื่อการใด" เทพหลงเหนียนกลอกนัยน์ตาสีโลหิตไปมา แล้วจดจ้องนางเช่นเดิม "ข้าจะส่งรายงานท่านราชาแห่งสวรรค์ ***ตามที่เจ้าบอกข้ามาทุกอย่าง หวังว่าเจ้าจะไม่โกหกข้า" สิ้นคำ อสรพิษกายายิ่งใหญ่โอฬาร ก็กลายร่างเป็นบุรุษสวมอาภรณ์งดงาม เสื้อคลุมไหล่แขนยาวเป็นหนังเงามันเหมือนหนังงู ผ้าคาดเอวถักทอด้วยดิ้นทองปักลายอสรพิษ ซึ่งน่าแปลกนัก งูยักษ์น่ากลัวตนนี้กลับมีอุ้งมือมังกร อาเป้ยไม่ละวางตาไปจากท่านเลยแม้สักอึดใจเดียว นางสูญเสียการทรงตัว เกือบร่วงลงน้ำเพราะท่านแปลงกายไม่บอกนางสักคำ นางยกมือปัดป่ายในอากาศ แตะปลายเท้ากระโดดข้ามผืนน้ำไปอย่างทันท่วงที เมื่อเทพหลงเหนียนออกคำสั่ง "ตามข้ามา" บุรุษร่างกำยำวาดฝ่ามือทั้งสองออก ถีบปลายเท้าทะยานขึ้นสู่เวหา ท่านนำหน้านางไปอย่างรวดเร็วปานเทพแห่งสายลม ผ่านแม่น้ำลำธารในยามราตรี ดวงเดือนบนท้องนภาส่องสว่างลงมาให้พอมองเห็นหนทาง ถัดจากพงพนาเขียวชอุ่มเป็นเรือนหลังใหญ่ คล้ายจวนท่านเจ้าเมืองหลงอี้จินซึ่งนางจำได้แม่นยำตอนนางถูกทหารจับตัวมา ต่างตรงที่โดยรอบนั้นโอบล้อมด้วยห้วงนทีสีมรกตประกายระยิบระยับ พฤกษาเบ่งบานรุธิระ งดงามปานสีของโลหิต ยังมีบุษบันสีชมพูหวาน สีขาวสว่างผลิบานอย่างงดงาม ไม่น่าเชื่อว่าความงามเบื้องหน้าจะประจักต์สู่สายตาของนาง เคยได้ยินหญิงชราเล่าขานกันว่าเทวโลกแสนสวยงามสะอาดสะอ้าน กว้างขวางกว่าโลกมนุษย์มากนัก เทวโลกทั้งชั้นฟ้า ชั้นดิน ชั้นน้ำ ยิ่งสูงเท่าไรยิ่งงดงาม เงียบสงบมากขึ้นเท่านั้น "เจ้าโกหกข้าข้อหนึ่ง" เสียงเข้มว่า เทพหลงเหนียนหันกลับมาประจันหน้านาง ด้วยสายตาคมกริบราวมีดเฉือน "รู้วิทยายุทธ์เพียงเล็กน้อย แต่วิชาตัวเบาแสนร้ายกาจ เจ้าจึงสามารถไล่ตามข้าทัน" "ข้าจำเป็นต้องตามท่านให้ทันเพราะข้าไม่อยากถูกทิ้งไว้กลางป่าต่างหากเล่า เท้าข้าร้าวระบมไปหมด ท่านเอาแต่กระโดดหนีข้า ไม่เหลียวมองสักนิดว่าข้าจะตามทันหรือไม่ จะไปรู้เรื่องได้ยังไงกัน" ฝีปากอาเป้ยไม่เป็นรองใคร นางยกขาขึ้นถอดรองเท้ายับเยินหลังผ่านสมรภูมิมาหมาด ๆ เหลือบตามองซ้ายขวาอย่างอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นเอง ท่านเทพผู้มีหน้าตาโกรธขึ้งบึ้งตึงตลอดเวลาเหาะเหินขึ้นเวหาไป นางรีบตาม ตะโกนไล่หลัง "ท่านเทพหลงเหนียน ได้โปรดอย่าเสกฟ้าฝนลมกริ้วทำลายบ้านเมืองข้าเลย ทุกถ้อยคำของข้าล้วนเป็นความจริง ข้ามิกล้าโกหกท่านแน่นอน" "เป็นบัญชาสวรรค์ ข้าไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ" นั่นปะไร! ข่าวร้ายข่าวใหญ่ของท่านเจ้าเมืองหลงอี้จิน! หากแล้วแต่บัญชาสวรรค์ แปลว่าพวกนางทั้งหลายก่อนหน้านี้ก็มาตายเปล่าน่ะสิ อาเป้ยตื่นตระหนกตกใจ ทว่านางไม่มีโอกาสได้ไถ่ถามอะไรอีก เมื่อมาถึงหน้าประตูบานเลื่อนสลักลวดลายของป่าไผ่ มองเข้าไปภายในห้องคับแคบมีที่นอนปูทับด้วยขนสัตว์ดูฟูนุ่ม โต๊ะไม้หนึ่งตัว เทียนเล่มใหญ่เพียงเล่มเดียวส่องสว่างไปทั่้วทั้งห้อง "เรือนข้าไม่ชอบที่จะต้อนรับแขก ที่พักของเจ้าคือห้องใต้ดิน ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปเพ่นพ่าน และอย่าได้ส่งเสียงรบกวนข้า" "เดี๋ยวก่อนท่านเทพ..." นางยกมือรั้งอย่างตั้งใจ ทว่าด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ของท่านตอนนี้ พูดไปก็จะหาว่านางเรื่องมากจึงก้าวเข้าไปในห้อง เอ่ยเสียงอ่อน "มนุษย์ต่างเล่าขานกันว่าท่านในร่างบุรุษมีใบหน้าสีดำ มีเขี้ยวอสรพิษ ลำตัวเต็มไปด้วยเกล็ดงูคมกริบราวใบมีด บางคราท่านอาจมีร่างเป็นงูคู่สองตัวพันกันแต่มีศีรษะเป็นมนุษย์ บางตำราว่าท่านเป็นงูพันรอบเต่า" คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากันถาม "อย่างนั้นรึ?" "แต่ท่าน... เอ่อ... ดูดีกว่าที่ข้าได้ยินมา... ตัวท่านเวลานี้หากได้ไปเดินเที่ยวในโลกมนุษย์ สตรีจากทั่วหล้าคงรุมล้อมท่านหน้าหลังทีเดียว ท่านเทพหลงเหนียนช่างรูปงามนัก ราวหยกสลักก็มิปาน" ปัง! เทพหลงเหนียนสะบัดมือฟาดเวทเซียนใส่ประตู ไอสีดำสนิทยังลอยอยู่ในอากาศ อาเป้ยหน้าตาตื่นตะลึง ก้าวถอยแทบไม่ทัน เมื่อถูกกระแทกประตูใส่ นางเพียงเชยชมท่านว่ารูปงาม แล้ว... นางพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ!?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD