9-2 ******สตรีผู้โง่เขลา

1161 Words
เวรกรรมอันใดของนาง! หลุดพ้นจากเทือกเขานักพรตมาได้ กลับต้องมาพานพบอาวุธเวทติดตามตัวของปีศาจ อานุภาพร้ายแรงเช่นนี้ “โธ่! ท่าน... เทพอู่เฉิน...” นางอุทานอย่างหัวเสีย กระตุกผ้าสีขาวโยนลงน้ำไปเมื่อมันไม่มีประโยชน์อันใดอีกยังเกะกะศีรษะของนางยิ่ง นางหลุบตามองผืนน้ำ กลบเกลื่อนความผิดด้วยการอุ้มพยัคฆ์อัคคีมานั่งบนหน้าตัก “เจ้าควรเลิกอุ้มเจ้าเหลียนเหลียนได้แล้ว มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเยี่ยงสุนัขหรือแมวบนโลกมนุษย์ มันคือสัตว์อสูร แม้แต่มารดาของมันก็ยังไม่อุ้มกอดมัน ไม่ร้องเพลงกล่อมมันเหมือนที่เจ้าปฏิบัติกับมัน เจ้ากำลังทำให้มันเคยตัว หากภัยมาเยือนแก่ตัวมันในสักวันหนึ่ง ไม่มีทางที่มันจะรอดชีวิต” “ท่านให้ความช่วยเหลือข้าเลี้ยงดูมันสิ เทพอู่เฉินเป็นผู้มีประสบการณ์แก่กล้า มีเมตตาต่อปีศาจแม้แต่สองงูตนนั้นท่านยังชุบเลี้ยงมา ก็ไม่ควรจะเลือกปฏิบัติ ลำเอียงต่ออสูรตัวน้อยตนนี้ ท่านช่วยสั่งสอนข้าทีว่าข้าควรทำอย่างไร ข้าเป็นเพียงสมบัติผู้โง่เขลาบนเมืองเทพ” นางยังลูบศีรษะมันด้วยอีกต่างหาก แม้เห็นแววตาคู่คมของบุรุษร่างสูงใหญ่บัดนี้เต็มไปด้วยโทสะ ซึ่งสงบลงในอีกครู่หนึ่ง “วางเจ้าเหลียนเหลียนลง ให้มันเดินกลับไปเองแล้วเจ้า... ตามข้ามา” “ไม่ล่ะ ตอนนี้ข้าขอเอาเจ้าหินพวกนั้นขึ้นมาก่อน ข้าอยากได้มัน ข้าค่อยไปนั่งคุยกับท่านทีหลัง...” อาเป้ยวาดมือซ้ายของนางจนชายเสื้อสีดำสะบัดพลิ้วตามแรงลม นางสร้างไอเวทสีดำทำให้ผืนน้ำเบื้องหน้าขยับเป็นระลอกคลื่น เทพอู่เฉินมีสีหน้าประหลาดใจที่นางเอาแต่ใจตนเอง แต่การฉุดกระชากลากนางกลับไป บ่าวที่อยู่ในเรือนคงมองไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพียงเท่านี้ก็ถูกติฉินนินทาไปถึงเทวโลกชั้นฟ้าแล้ว เทพอู่เฉินคิดว่าเขาต้องวางตัวให้ดีกว่าเดิม จึงยืนมองนางพยายามเก็บหินใต้น้ำ ด้วยการวาดมือใช้เวทหยินอย่างตั้งอกตั้งใจเหลือเกิน “เมตตาธรรมค้ำจุนโลกของเจ้าคืออะไร ข้าเห็นเจ้ากำลังบังคับปลาตัวหนึ่งให้ลงไปหยิบหินพวกนั้นให้เจ้า” “ข้าเรียนรู้มาจากท่านยังไง ข้าเห็นว่าท่านสามารถทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับท่าน” นางเหน็บแนมเทพได้อย่างเจ็บแสบเรื่องที่ท่านไม่รักษาคำพูดตนเอง เทพอู่เฉินถึงกับหน้าชา เดินเข้าไปใกล้ ๆ นาง เอามือไพล่หลังก้มหน้าลงมองนาง “ข้ากำลังยุ่งกับการบำเพ็ญเพียร เป็นเรื่องที่ข้าจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาพลังเทพเอาไว้” “เชิญท่านทำต่อไปซี ข้าจะขอใช้เวลาส่วนตัวของข้าบ้าง... ทำไมข้าจะเอามันขึ้นมาไม่ได้ ข้าอยากได้มันเพราะมันเป็นหินสีดำเหมือนเกล็ดของท่าน ดีล่ะ... ข้าชอบ...” นางพูดพลางหมุนข้อมือขวาเป็นวงกลม ใช้พลังของกำไลหยินหยางเข้าช่วย เพื่อให้ปลาอีกสองตัวซึ่งว่ายน้ำผ่านมาเข้าไปจัดการหินเหล่านั้น ทว่ามันกลับขยับเพียงเล็กน้อย น้ำนิ่งสนิทและใสสะอาดแห่งนี้เชี่ยวกรากและไหลลึกกว่าที่นางคิด “เจ้าจงระวังอาเป้ย... เวทหยินหยางเจ้ายังฝึกได้ไม่ดีนัก...” “ได้... นี่แหละ เป็นหน้าตายามเกรี้ยวโกรธของเทพอู่เฉิน” เทพอู่เฉินหลุบตามองมือเล็กบอบบางของนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย นางหาได้รู้ตัวไม่ อาเป้ยละความพยายามลงในอีกไม่ช้า ในเมื่อนางไม่สามารถนำหินเหล่านั้นขึ้นมาจากน้ำได้ นางจึงโบกสะบัดร่ายเวทหยินหยางเล่นเสียเป็นการฝึกปรือ บังคับหมู่มัจฉาให้นำหินพวกนั้นเรียงต่อกันเป็นรูปร่าง “ใช่แล้วล่ะ หินพวกนี้มันอยู่หน้าเรือนท่าน มันต้องเป็นรูปเรือนของท่านซี ทำไมมันเรียงกันเป็นรูปเรือนใต้เท้าจีกงได้เล่า” “อันนี้เรือนท่าน... อันนี้... เจ้าเหลียนเหลียนยิ้มแฉ่ง” “เจ้าเสียสติไปแล้วรึยังไง? อาเป้ย หยุดเล่นสนุกแล้วลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” “ข้าไม่มีอะไรทำ ข้าก็หาเรื่องเล่นสนุกไปเรื่อย ข้ารับปากท่านว่าข้าจะไม่ไปไกลเกินกว่าบริเวณนี้ก็แล้วกัน ท่านมีตรีเนตร แอบมองข้าอยู่ตลอดนี่ ท่านจะอะไรกับข้านักหนาล่ะ” พูดจบ นางหยุดร่ายเวททั้งขาวและดำที่ลงตัวกันอย่างพอเหมาะพอดี นางปล่อยเจ้าเหลียนเหลียนลงจากตัก เพื่อลุกขึ้นยืนเหยียดแผ่นหลังตรง ไพล่มือไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ด้วยความสูงของบุรุษตรงหน้า นางต้องเงยขึ้นมองท่าน พร้อมความรู้สึกว่าตนช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พลันกระโดดไปยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่งบนธารน้ำใส “ข้าอยากได้หินสีดำทั้งหมดตรงนี้ ข้าจะหาทางเอามันขึ้นมาและกลับไปของข้าเอง แต่หากว่าท่านจะบังคับข้าไป... ลองมาไล่จับข้าดู...” นางยั่วโทสะเทพอู่เฉินอีกครั้งหนึ่ง ทว่าคงไม่เป็นผล นัยน์ตาสีแดงสดสวยบัดนี้กลับมาเย็นชา เช่นคราแรกพบสบตากันบนแม่น้ำสายนี้ “ข้าคงไม่มีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้า เชิญเจ้าเล่นน้ำเล่นหินตามอัธยาศัย อยากกลับเรือนเมื่อใดก็กลับ แต่หากว่าเจ้าจะหาที่นอนกลางป่า จงระวังตัวให้ดี...” พูดจบ เทพปีศาจเพียงหมุนกายเดินจากนางไป อาเป้ยจับจ้องอาภรณ์สีดำ ปักด้วยดิ้นสีทองเป็นลวดลายของอสรพิษ บนแผ่นหลังกว้างกำยำด้วยแววตาเศร้าหมอง เมื่อเทพอู่เฉินไร้ซึ่งเยื่อใยต่อนาง ไม่หวงแหนนางอีกต่อไป นางแสนเจ็บปวดใจ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นฝ่ายขอให้ท่านมาหวงนางแต่แรก นางเป็นผู้รักใคร่ในอิสรภาพของนางยิ่งชีพ เท่าลมหายใจของนาง นางหาได้รู้ถึงสาเหตุของอาการเจ็บปวดในอกซ้ายเยี่ยงนี้ “ไยท่านจึงไม่ใส่ใจในตัวข้า เทพอู่เฉิน ท่านจะทิ้งขว้างสมบัติอันสวยงามชิ้นนี้ของท่านแล้วหรือ... ข้าไม่งดงามในสายตาท่านแล้วหรือไร...” นางพึมพำ พลางก้มหน้าลงมองสายน้ำสีมรกตงดงาม เม้มริมฝีปากของนางแน่น ทว่าทันใดนั้นเอง ก้อนหินสีดำสนิททั้งกลุ่มก้อนที่นางอยากได้มันนักหนากลับจมหายไปในดินใต้น้ำต่อหน้าต่อตา โดยที่นางไม่มีโอกาสได้เก็บมันขึ้นมาเชยชม พยัคฆ์อัคคีเป็นสัตว์อสูรมีสัญชาตญาณก่อนเทพและมนุษย์ ตะโกนเรียกนาง “อาเป้ย! เจ้าต้องออกมาจากตรงนั้น!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD