ตอนที่3 ฮูหยินเอกตระกูลไป๋

2513 Words
ตอนที่3 ฮูหยินเอกตระกูลไป๋ สามวันผ่านไป.... หวังซูเหยาตอนนี้นั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางนอนคิดเรื่องราวต่าง ๆ ไม่หยุดหย่อน ตอนนี้นางกลับมาอยู่ในร่างของแม่นางน้อยที่อายุได้เพียง 18 หนาวเท่านั้น อายุจริงของนางมีอายุมากถึง 30 ปีแล้ว!! แต่ร่างเก่าของนางนั้นตกบันไดตายจึงได้ยืมร่างคืนวิญญาณมาอยู่ในร่างของสตรีอีกคนที่มีชื่อเหมือนนาง ร่างเก่านางเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่ง แม้มีเงินทองมากมาย...แต่ความปรารถนาของนางนั้นเรียบง่ายนัก นางอยากเพียงอยากมีความรักดี ๆ กับบุรุษสักคนและมีลูกน้อยสักสามคนให้ดูแลเพียงเท่านั้น แต่นางเป็นเพียงนางโลมไหนเลยจะมีลูกได้เพราะนางนั้นดื่มยาห้ามครรภ์จนไม่สามารถตั้งท้องได้อีกแล้วถึงมีได้นางก็ไม่กล้ามี... แต่ในร่างใหม่นี้นางไม่ได้เป็นนางโลม แต่กลับเป็นถึงภรรยาเอกคนใหม่ของคุณชายไป๋ที่มีลูกติด แต่นางไม่ได้รังเกียจหรือถือโทษใด ๆ นางกลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่ได้มาเข้าร่างใหม่ ความปรารถนาของนางนั้นก็เป็นจริงแล้ว เรื่องราวต่อไปก็อยู่ที่ความพยายามของนางทั้งนั้น นางจะเป็นภรรยาที่ดีและมารดาที่ดีเอง.... หวังซูเหยาคิดในใจอย่างอารมณ์ดี ย้อนไปเมื่อคืนก่อนหลังจากเสร็จกิจนางปวดหัวเจียนจะตายก่อนจะสลบไป ภายในห้วงเวลามืดมิดนางได้เจอกับหญิงสาวในร่างโปร่งแสงที่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ยมทูตเพื่อสับเปลี่ยนวิญญาณ แต่ด้วยความผิดพลาดวิญญาณของนางนั้นเข้าร่างผสานวิญญาณกับร่างใหม่จนครบสมบูรณ์แล้วอีกอย่างหวังซูเหยาตัวจริงก็ไม่อยากเข้าร่างเดิมแล้ว ทำให้นางนั้นยอมรับร่างใหม่เป็นของตนเองได้อย่างปริยาย ส่วนยมทูตก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานำหวังซูเหยาตัวจริงในวัย18 หนาวไปเกิดใหม่ทันที ส่วนร่างเก่าของนางนั้นก็ถูกจัดงานศพง่าย ๆ โดยแม่เล้าของนางอย่างสมเกียรติฐานะนางโลมอันดับหนึ่งของแคว้นหลง เมื่อหมดห่วงแล้ว หวังซูเหยาก็ตั้งใจใช้ชีวิตใหม่นี้ให้ดีขึ้น ให้ดีเท่าที่ยมทูตได้ให้โอกาส... โอกาสในการเป็นภรรยาและมารดาที่นางอยากเป็นมาตลอดในชีวิตก่อนของนาง... "ฮูหยิน น้ำชาเจ้าค่ะ" ถิงถิงสาวใช้คนใหม่เอ่ยกับเจ้านายของตนเองที่เหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว "อืม ขอบใจ" ร่างบางรับน้ำชามาดื่ม ก่อนจะตั้งใจไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อคารวะ หลังจากที่นางป่วยหนักจนไร้สติมาสามวันเต็ม ๆ "เจ้าค่ะ" "ข้าจะไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่า" ร่างบางเอ่ยความต้องการออกไป "เจ้าค่ะนายหญิง" ถิงถิงพยักหน้ารับก่อนจะพาหญิงสาวไปเตรียมตัวให้เรียบร้อยให้สมฐานะฮูหยินเอกตระกูลไป๋ หวังซูเหยาตอนนี้นางอยู่ในชุดสีแดงเลือด นางแต่งหน้าเบา ๆ อย่างชำนาญ จนสาวใช้ทั้งหลายได้แต่เอ่ยปากชม ร่างบางเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยกยิ้ม นางทั้งเก่งกาจทั้งเรื่องบนเตียงเรื่องการแต่งกายและแต่งหน้านางนั้นเป็นเลิศเสียครบของสตรีที่พึงมี ไม่งั้นนางจะเป็นนางโลมอันดับหนึ่งได้หรือ.... "งามมากเจ้าค่ะนายหญิง" ถิงถิงเอ่ยชมเจ้านายคนใหม่อย่างจริงใจเพราะหญิงสาวนั้นแต่งตัวเก่งและแต่งหน้าได้ดูดีมาก "ปากหวานนัก" หวังซูเหยาเอ่ยหยอกสาวใช้ ก่อนจะจัดทรงผมให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว "ข้าพูดจริง ๆ นะเจ้าคะ" "ไปกันเถอะ" ร่างบางเอ่ย สายตาจับจ้องความเรียบร้อยของตนเองในกระจกทองเหลืองอยู่สองสามรอบก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปเรือนฝูหรงของฮูหยินผู้เฒ่าที่เอ็นดูนาง... ไม่ใช่นาง.... แต่เป็นหวังซูเหยาร่างเก่ามากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นนางก็อยากไปพบหญิงชรา อยากจะใช้ชีวิตให้ดีต้องรู้จักผูกมิตรไมตรีกับคนใหญ่โตในบ้าน ชีวิตจะได้อยู่ง่ายนางคิดแบบนั้นมาเสมอ ทำให้นางในร่างเก่าถึงได้เติบโตมีอำนาจ ชื่อเสียง มีชีวิตสุขสบายราวกับคุณหนูไม่ปาน แม้จะเป็นเพียงนางโลมเท่านั้น!! หวังซูเหยาเดินผ่านสวนดอกไม้เพื่อผ่านทางไปเรือนฝูหรง นางมองเห็นร่างเล็ก ๆ ของเด็กสาวในวัย 5 หนาวกำลังแอบมองนางอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ อย่างไม่พอใจ 'เด็กเอ๋ย เด็กน้อย' 'ข้าหวังว่าเจ้าจะเปิดใจให้ข้านะ' หวังซูเหยาคิดในใจ นางยังไม่ได้เข้าไปทักทายเด็กน้อย แต่กลับมุ่งตรงไปหาฮูหยินผู้เฒ่าแทน เพราะนางมัวแต่ป่วยหนักจนไม่ได้พบเจอใครเลยตั้งสามวัน แม้แต่สามีหมาด ๆ ก็หายหน้าหายตาไปเขาส่งเพียงของกำนัลมาเพียงเท่านั้น บุรุษผู้นี้เย็นชาไม่น้อย จนทำให้นางนั้นคิดว่าหรือเรื่องบนเตียงของนางไม่ได้ผล... ณ เรือนฝูหรง ที่ประดับประดาด้วยความหรูหราสมฐานะจวนที่มีชื่อเสียงจวนของเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองหนิงอันแห่งนี้ ทั้งงดงามและฟุ่มเฟือยไปในตัว "คารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ" หวังซูเหยาคารวะหญิงชราอย่างอ่อนน้อมใบหน้างามยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดีให้กับหญิงชราตรงหน้า "ผู้เฒ่าอะไรเล่า เรียกข้าท่านย่าเถอะ" หญิงชรายกยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้าอย่างจริงใจ นางรอสะใภ้คนใหม่มาตั้งห้าปีแล้วในที่สุดก็ได้มาสักที นางดีใจยิ่งกว่าใครจวนหลังนี้เลยก็ว่าได้ "เจ้าค่ะท่านย่า" ร่างบางเชื่อฟังหญิงชราเอ่ยอย่างสนิทชิดเชื้อกับหญิงชราร่างอวบอ้วนอย่างอ่อนโยนและเชื่อฟัง "เป็นอย่างไรบ้าง ปรับตัวได้หรือไม่" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามหลานสะใภ้อย่างเป็นห่วง กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่มีความสุขแต่สังเกตจากสีหน้าท่าทางแล้ว ความกังวลของนางตลอดหลายสัปดาห์นั้นดีขึ้นไม่น้อย~~ "ได้เจ้าค่ะท่านย่า" หวังซูเหยาเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม "อืม ดี ๆ ขาดเหลืออะไรก็บอกสาวใช้ของเจ้า หรือไม่ก็จัดการเอาเองได้ตอนนี้เจ้าเป็นฮูหยินเอกแล้ว" หญิงชราเอ่ย ขอแค่มีหลานสะใภ้อะไรก็ได้หมดทั้งนั้น อีกทั้งเด็กสาวตรงหน้านั้นยังเป็นหลานสาวของผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือนางอีก "เจ้าค่ะ ท่านย่า" หวังซูเหยาเอ่ยไม่ทันจะขาดคำ ก็มีเสียงเล็กของเด็กน้อยดังขึ้นมาทางด้านหลัง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความจองหองพองขน ท่าทางที่มองมาทางนางไม่มีความพอใจแม้แต่น้อย "ท่านย่าทวด" ไป๋หลี่ฮวาในวัยห้าขวบปีเอ่ยเรียกหญิงชราอย่างเอาแต่ใจ สายตาจ้องภรรยาใหม่ของบิดาอย่างไม่พอใจออกหน้าเหตุผลของนางคือนางไม่ชอบสตรีตรงหน้าเสียเลย "ฮวาเอ๋อร์มานั่งสิ" หญิงชราเอ่ยเรียกเหลนสาว ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยนั่งบนตักอย่างเอาอกเอาใจเฉกเช่นที่ทำประจำ "ท่านย่าทวดข้าไม่ชอบนาง" ไป๋หลี่ฮวาได้เจอกับย่าทวดของตนเองก็เอ่ยความไม่พอใจทันที เพราะคนที่รักนางที่สุดก็คือย่าทวดนั้นเอง "นางเป็นมารดาของเจ้า" หญิงชราขมวดคิ้วเอ่ยตอบขัดใจเหลนสาว นางอยากให้เด็กน้อยได้มีมารดา แต่ดูเหลนสาวคนนี้ตอบแล้ว... ไม่ทันหญิงชราจะได้เอ่ยต่อ "ไม่ ข้าไม่ชอบนาง แง ๆ " ไป๋หลี่ฮวาเอ่ยปฏิเสธก่อนจะร้องไห้งอแงเสียงดังอย่างไม่ยอม จนหญิงชราได้แต่ส่งสายตาขอโทษหลานสะใภ้คนใหม่อย่างช่วยไม่ได้ "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านย่า ข้าเข้าใจ" หวังซูเหยาเอ่ยตอบอย่างไม่ถือสาเด็กน้อย นางเข้าใจเด็กน้อยอย่างดี เด็กสาวตรงหน้าก็แค่กลัวนางไปแย่งความรักจากบิดาของนางเพียงเท่านั้น "................." หญิงชราไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้หลานสะใภ้อย่างพึงพอใจ พอใจกับความคิดอ่านและความใจกว้าง... แค่นี้นางก็ตายตาหลับแล้ว "เงียบเดี๋ยวนี้" หญิงชราเอ่ยดุเด็กน้อยทันที ทำให้เด็กน้อยที่คิดจะแผลงฤทธิ์กับมารดาคนใหม่ก็ได้แต่ จับจ้องหญิงชราอย่างน้อยใจ เพื่อสตรีตรงหน้าแล้วท่านย่าของนางถึงกับดุนาง "ไม่ ท่านย่าทวดไม่รักข้าแล้ว ฮือ ๆ เป็นเพราะเจ้าคนเดียว " เด็กน้อยลุกขึ้นก่อนจะแผดเสียงร้องไห้อย่างไม่พอใจ ส่งสายตาเคียดแค้นไปทางมารดาเลี้ยงแล้ววิ่งหนีไปทันทีด้วยความโกรธและน้อยอกน้อยใจ "ฮวาเอ๋อร์ หยุด" หญิงชราเอ่ยห้ามเหลนสาวแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเด็กน้อยได้หายไปจากสายตาของคนในเรือนฝูหรงอย่างรวดเร็วแล้ว "ลำบากเจ้าแล้ว เหลนสาวคนนี้ถูกตามใจจนเสียคน" หญิงชราเอ่ยกับหลานสะใภ้อย่างโอดครวญให้เข้าใจถึงนิสัยของเหลนสาว แม้จะเอาแต่ใจแต่นางก็เป็นถึงดวงใจของหญิงชราอย่างนาง "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะค่อย ๆ ปรับกันไป หวังว่านางจะยอมรับข้าได้ในสักวัน" ร่างบางเอ่ยอย่างเข้าใจ แต่ใจลึก ๆ นางก็หวังว่าเด็กน้อยจะยอมรับนางในสักวัน นางก็หวังไว้แบบนั้นเช่นกัน... "ข้าก็หวัง" หญิงชราเอ่ยด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างอ่อนเพลีย "ข้าเหนื่อยแล้ว" "ไม่รบกวนท่านย่าแล้ว ข้าขอตัวก่อน" ร่างบางที่เห็นความอ่อนล้าของหญิงชราก็ได้แต่ขอตัวกลับ เพื่อให้หญิงชราได้พักผ่อนคลายเหนื่อย "ไปเถอะ เจ้าเพิ่งหายป่วย" หญิงชราก็ไม่ได้เอ่ยรั้ง เพราะนางเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เหนื่อยทั้งกายและใจมาตลอดหลายปี "เจ้าค่ะท่านย่า" คล้อยหลังจากที่ออกมาจากเรือนฝูหรง หวังซูเหยาก็รับถังหูลู่ที่ได้สั่งสาวใช้ออกไปซื้อมาให้นาง ก่อนจะตั้งใจเดินไปทางเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยที่ดังอยู่ในสวนดอกไม้ "ฮือ ๆ ๆ " ไป๋หลี่ฮวานั่งแมะอยู่บนพื้นร้องไห้ไม่หยุด สาวใช้ต่าง ก็พากันนั่งอยู่ห่าง ๆ คอยปลอบใจไม่หยุด "เสียงใครร้องน่ะ? " หวังซูเหยาเอ่ยลอย ๆ ทำให้สาวใช้ที่กำลังปลอบใจคุณหนูน้อยนั้น ต่างยอบกายคารวะผู้มาใหม่อย่างอ่อนน้อม "คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ" สาวใช้ทั้งสองต่างยอบกายทำความเคารพผู้มาใหม่อย่างอ่อนน้อม และส่งสายตาขอโทษแทนเจ้านายน้อยของตนเองอย่างลำบากใจ "อืม" "ฮึก....ฮึก" เด็กน้อยพยายามกลั้นน้ำตา ก่อนจะใช้มือเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาอย่างลวก ๆ แล้วเอ่ยปากต่อกับสตรีตรงหน้าทันทีด้วยความโมโห "ข้าไม่ได้ร้องไห้ ข้าเกลียดเจ้า" "เกลียดก็ดี ข้าก็ไม่อยากเป็นมารดาให้กับเด็กนิสัยไม่ดีหรอก" หวังซูเหยาเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ส่งผลให้เด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้งอย่างน้อยใจ "ฮือ ๆ ใจร้าย ๆ ใจร้ายที่สุด ข้าจะฟ้องท่านพ่อให้ตีเจ้า...เจ้าเป็นมารดาเลี้ยงที่ใจร้ายที่สุด" ไป๋หลี่ฮวาจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ปากก็ตะโกนว่าและร้องไห้ไม่หยุด "ไปเสียสิ เด็กดื้อ" หวังซูเหยาเอ่ยตอบอย่างท้าทายใส่เด็กน้อยไม่หยุด "ข้าไม่ดื้อ" เด็กสาวตะโกนตอบทั้งน้ำมูกน้ำตาก็ไหลพรากอย่างกับสั่งได้ ทำให้ใจของหวังซูเหยาอ่อนยวบไม่น้อย นางชอบเด็กน้อยมาก ๆ น่ารักน่าเอ็นดูนัก "ดื้อมาก" หวังซูเหยาเอ่ยอีกครั้ง "ไม่ดื้อ ข้าไม่ใช่เด็กดื้อ" ไป๋หลี่ฮวาตอบอย่างไม่ยอมกับสตรีตรงหน้า เพราะท่านย่าของนางมักจะบอกว่านางคือเด็กดีเสมอมา "ฮ่า ๆ " หวังซูเหยาขำกับท่าทางเด็กน้อย นางเอ็นดูคนตรงหน้ามาก ๆ เด็กน้อยตรงหน้าก็แค่ขาดความรักและมีความเกรงกลัว ดูจากการมาแอบมองนางอยู่สามสี่วัน แต่พอเจอหน้ากลับพูดจาร้ายกาจใส่ตลอดเวลา เด็กน้อยคนนี้ขอแค่ชนะใจได้ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากแล้ว ตอนนี้นางแค่ทำดีกับเด็กน้อยให้มาก มอบความรักความใส่ใจ ยังไงเด็กน้อยก็ต้องยอมรับนางในสักวัน อาจจะหนึ่งปี สิบปี ยี่สิบปี...นางก็ไม่แน่ใจนัก "ใครให้ท่านขำ คนใจร้าย" ไป๋หลี่ฮวาจ้องมองสตรีตรงหน้าที่มีหน้าตางดงามก็รู้สึกเขินอาย สตรีตรงหน้านั้นงดงามไม่น้อย เด็กสาวหยุดร้องไห้และทำการสังเกตหญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัยทันที "เด็กเอ๋ย เด็กน้อย" หวังซูเหยาเอ่ยก่อนจะยกถังหูลู่ออกมา ทำให้เด็กสาวที่ไม่เคยออกไปไหนเลยสงสัยกับของตรงหน้าอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะเกิดความใคร่รู้ตามวัยเด็กที่อยากรู้อยากลองไปหมด "นั้นคืออะไร" ไป๋หลี่ฮวาเอ่ยถามอย่างสงสัยกับสิ่งที่ยั่วยวนตรงหน้า "ถังหูลู่ ไม่เคยทานหรือ" หวังซูเหยาเอ่ยตอบ ในใจนึกสงสารเด็กน้อยไม่น้อยแม้แต่ถังหูลู่ก็ไม่รู้จัก "มะ...ไม่" เด็กน้อยเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก สายตากลับไม่ลดละจากของแปลกตรงหน้า "อืม อร่อยเหลือเกิน" หวังซูเหยาเลียถังหูลู่ยั่วน้ำลายเด็กน้อย ก่อนจะกัดถังหูลู่ไปหนึ่งคำท่าทางที่เอร็ดอร่อยนั้น ตกอยู่ในสายตาของเด็กน้อยทำให้เด็กน้อยทนไม่ไหว "ขะ..ข้า" ไป๋หลี่ฮวาเอ่ยตะกุกตะกักใจจริงนางอยากจะทานขนมแต่อีกใจก็ไม่อยากทานขนมของมารดาเลี้ยงใจร้ายผู้นี้ "เอาไปทานสิ" หวังซูเหยาเอ่ยกับลูกเลี้ยงตัวน้อย "หึ" ไป๋หลี่ฮวากอดอก หันหน้าไปทางขวาอย่างไม่พอใจ นางไม่ชอบมารดาคนใหม่ เรื่องอะไรจะทานของตรงหน้าด้วย เด็กน้อยคิดได้แบบนั้น ก็ทำปากยู่อย่างไม่พอใจแต่สายตากลับลอบมองมารดาเลี้ยงตลอด "อร่อยมาก ทั้งหอมทั้งหวาน" หวังซูเหยาเอ่ยยั่วไป๋หลี่ฮวา นางตลกตัวเองที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ไม่น้อย... "อึก อึก" เด็กน้อยลอบกลืนน้ำลายเสียงดัง ก่อนจะอดใจไม่ไหว ใช้มือเล็ก ๆ คว้าถังหูลู่จากมือมารดาเลี้ยงทันที หมับ เด็กสาวคว้าถังหูลู่สีแดงสดได้ ก็วิ่งจากไปทันทีนางไปหลบที่หลังสวนดอกไม้อีกมุม ก่อนจะแลบลิ้นเลียขนมหวานตรงหน้าอย่างตื่นเต้น รสสัมผัสแปลกใหม่ทำให้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเลียขนมตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หลงลืมความเกลียดชังต่อมารดาคนใหม่ของตนเองเสียสิ้น 'อร่อยมาก ข้าชอบ'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD