ตอนที่5 เทศกาลอาหาร
รุ่งอรุณวันใหม่มาเยือนหวังซูเหยาตื่นขึ้นมาอีกทีก็สายมากเสียแล้ว ข้างกายของนางก็ไร้ร่างของสามีหนุ่ม ร่างบางไม่รอช้าเข้าไปจัดการทำธุระส่วนตัวของตนเองจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วจึงออกจากเรือนนอนไป....
ณ สวนดอกไม้ตระกูลไป๋มีมวลผกามากมายหลากหลายสายพันธุ์ ที่ถูกนำมาปลูกไว้โดยฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้ร่างบางกำลังสาวเท้าตรงไปยังศาลากลางน้ำเพื่อไปพูดคุยเป็นเพื่อนหญิงชราในช่วงยามบ่ายเฉกเช่นปกติ
"คารวะท่านย่าเจ้าค่ะ" หวังซูเหยายอบกายคารวะหญิงชรา ก่อนจะเยื้องย่างกายเข้าไปในศาลาที่มีหญิงชรานั่งอยู่กับเด็กสาววัยห้าขวบที่ตอนนี้กำลังส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้นางอยู่อย่างเนือง ๆ
"ดี ๆ ๆ เห็นทีข้าจะได้หลานชายเร็ว ๆ นี้แน่นอน" หญิงชราเอ่ยหยอกเย้าหลานสะใภ้คนใหม่ของตนเอง เพราะหลานชายตัวดีของตนนั้น ดึก ๆ ค่อนคืนก็แอบหนีไปเรือนนอนของภรรยาอยู่ตลอด ขัดกับท่าทีตอนแรกโวยวายไม่อยากแต่งงาน
"ท่านย่าก็" หวังซูเหยายกยิ้มอย่างเหนียมอายให้กับหญิงชราตรงหน้า ก่อนจะดื่มน้ำชาดับกระหาย
"หึ" เด็กน้อยในวัยห้าหนาวพอได้ยินว่ามารดาเลี้ยงจะมีน้องชายคนใหม่ให้ก็ถอนหายใจเสียงดังทันที ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นต่างยกยิ้มให้กันอย่างตลกขบขำกับท่าทางของเด็กน้อย
"วันนี้มีเทศกาลอาหาร มิสู้เจ้าไปเปิดหูเปิดตาเสียสิ พาหลี่ฮวาไปด้วย" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับหลานสะใภ้อย่างใจดี นางกลัวว่าเด็กสาวจะรู้สึกเบื่อ
"เจ้าค่ะท่านย่า" หวังซูเหยาตอบอย่างดีใจ ในร่างก่อนของนางนั้นไร้ซึ่งอิสระ ด้วยความที่เป็นนางโลมทำให้เวลาเสียส่วนใหญ่ของนางนั้นคือการทำงานไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน พอได้ยินฮูหยินชราเอ่ยปากให้ไปเที่ยวเล่นได้ก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
"ข้าไม่ไปกับนาง" ไป๋หลี่ฮวาตัวน้อยเอ่ยปฏิเสธทันทีที่ได้ยินท่านย่าทวดของนางนั้นให้ไปเที่ยวเล่นกับมารดาคนใหม่ นางไม่ยอมหรอก เด็กน้อยคิดได้ดังนั้นก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้กับหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามตนเองทันที นางไม่ไปกับหญิงใจร้ายตรงหน้าแน่นอน
"เอ๋ ? ในงานมีถังหูลู่ด้วยนะใช่หรือไม่ถิงถิง" หวังซูเหยาแกล้งเอ่ยกับสาวใช้ แต่ความจริงนั้นนางตั้งใจเอ่ยให้คนตัวเล็กตรงน่าฟังเสียมากกว่า พอได้เห็นสายตาของเด็กน้อยเปล่งประกาย หวังซูเหยาก็อดจะยิ้มไม่ได้ เด็กก็คือเด็กแค่เอาขนมล่อบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ติดนางแจราวกับตังเม
"เจ้าค่ะ มีขนมหวานมากมายขายไม่หวาดไม่หวั่น" ถิงถิงอธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้คนได้ฟังนั้นนั่งไม่ติดพื้นทันที
"ข้าจะไปกับท่านพ่อ" เด็กน้อยเอ่ยเสียงดังทันที ที่ได้ยินว่าเทศกาลอาหารนั้นมีขนมมากมาย นัยน์ตาของเด็กน้อยจินตนาการถึงขนมหวานต่าง ๆ ก่อนจะยิ้มออกอย่างอารมณ์ดี แต่พอได้ยินคำที่ย่าทวดเอ่ยมานั้นเด็กน้อยก็หน้าบึ้งตึง
"บิดาเจ้าไม่อยู่ กว่าจะมาถึงจวนก็มืดค่ำงานก็คงเลิกหมดพอดี" หญิงชราเอ่ยขัดเหลนสาว และยังพูดดับฝันของเด็กน้อยอีกครั้งอย่างตัดโอกาส "งั้นก็อยู่จวนกับย่าทวดเถอะ" หญิงชราเอ่ยจบก็ยกน้ำชามาดื่มบดบังสีหน้า
"ไม่นะเจ้าคะ" ไป๋หลี่ฮวาจ้องมองย่าทวดของตนเอง ดวงตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา
"งั้นก็ไปกับมารดาเจ้า" หญิงชราเอ่ยอย่างเด็ดขาด นางต้องการให้เด็กน้อยมีมารดาเฉกเช่นผู้อื่น
"ไม่ ข้าไม่ไปกับนางแน่นอน" เด็กน้อยเอ่ยปฏิเสธทันควัน พร้อมยังเบะปากมาทางแม่เลี้ยงอย่างไม่พอใจ
"ตามใจเจ้าเถอะ ฮวาเอ๋อร์" หญิงชราเอ่ยอย่างไม่สนใจ เหลนทวดตัวเองนิสัยแบบไหนทำไมนางจะไม่รู้ล่ะ เลี้ยงเองมากับมือถึงได้นิสัยแบบนี้
"....................."
ยามโหย่ว(ช่วงเวลา17.00 – 18.59 น.) หวังซูเหยาตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง เพื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง นางตอนนี้อยู่ในชุดสีแดงปักลายบุปผาทรงผมถูกจัดทำในแบบง่าย ๆ เพื่อสะดวกต่อการเที่ยวเล่น
"นายหญิงเป็นอย่างที่ท่านว่า คุณหนูใหญ่มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าเรือนไม่หยุด" ถิงถิงที่เพิ่งเข้าเรือนมา นางรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับคุณหนูไป๋หลี่ฮวาให้เจ้านายฟังทันที
"ไปกันเถอะ อย่าปล่อยให้นางรอนาน" ร่างบางพูดจบก็ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าจนเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะออกจากเรือนไปเพื่อเที่ยวเล่นเทศกาลอาหาร
หวังซูเหยาเดินออกจากเรือนนอน ด้านหลังมีสาวใช้สองคนเดินตามไม่ห่างกาย นางเดินตรงไปที่หน้าจวนเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถม้าที่จอดไว้ เพื่อรอพวกนางไปเที่ยวเทศกาลอาหารในยามค่ำคืนนี้
เด็กน้อยในวัยห้าหนาว กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้จ้องมองมารดาเลี้ยงเดินผ่านตนเองไปอย่างร้อนใจ เด็กน้อยที่เห็นมารดาเลี้ยงไม่ได้สนใจตนเอง ก็เกิดอาการร้อนใจ นางกลัวไม่ได้เที่ยวเล่น ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่นางจะได้ออกไปด้านนอกจวน โอกาสครั้งนี้นางก็ไม่อยากพลาด
ไป๋หลี่ฮวาวิ่งไปสกัดทางเดินของมารดาเลี้ยง มือเล็ก ๆ กอดอกอย่างเอาแต่ใจ แล้วตะโกนกับมารดาเลี้ยง "หยุดเดี๋ยวนี้คนใจร้าย"
"มีอะไรหรือจ๊ะ" หวังซูเหยาโค้งตัวไปคุยกับคนตัวเล็กอย่างใจดี ปากส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยมือเรียวหมายจะไปลูบหัวของเด็กหญิง แต่คนตัวน้อยกลับขยับหัวออก ทำให้หวังซูเหยาทำได้แค่เก็บมือกลับคืนอย่างเศร้าใจนิด ๆ
"ข้าจะไปด้วย" ไป๋หลี่ฮวาเอ่ย สายตาก็มองมารดาเลี้ยงอย่างไม่แน่ใจ นางกลัวว่าหญิงตรงหน้าจะไม่ให้ไปด้วย
"ไหนว่าไม่ไปเล่า" หวังซูเหยาเอ่ยถามเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับมารดาเลี้ยงแสนใจร้าย
"ตะ...ตอนนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว" ไป๋หลี่ฮวาเอ่ย แต่สายตากลับมองต่ำไปที่พื้น ดวงตาเล็ก ๆ ร้อนผ่าวคลับคล้ายคลับคลาจะร้องไห้
"งั้นก็ไปกันเถอะ" หวังซูเหยาเอ่ยจบก็จูงมือเด็กน้อยเดินตรงไปที่รถม้าทันที เด็กน้อยแม้จะไม่พอใจที่ถูกจับจูงแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรมากเพราะนางเกรงกลัวจะไม่ได้ออกไปเที่ยวเสียมากกว่า
บรรยากาศระหว่างมารดาเลี้ยงและลูกเลี้ยงนั้นทำให้บ่าวไพร่ที่เดินมาพบเห็นต่างแปลกใจ ปกติแล้วคุณหนูใหญ่ของจวนนั้นมักจะตีโพยตีพายให้ตายก็ไม่เอามารดาเลี้ยง แต่วันนี้กลับเดินตามต้อย ๆ ไม่ห่างกาย
ณ เรือนฝูหรงของฮูหยินชรา บ่าวไพร่คนสนิทเดินมากระซิบกับเจ้านาย หลังจากที่ไปสืบข่าวมาเมื่อช่วงเวลาก่อนหน้านั้น
"นายท่าน คุณหนูไปกับฮูหยินน้อยแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างดีใจกับนายหญิงชราของตนเอง
"ดี ดี ดี ในที่สุดหลานข้าจะได้มีแม่สักที" หญิงชรายิ้มอย่างดีใจ
"ฮูหยินน้อยก็ดีนะเจ้าคะ ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้จะยอมรับคุณหนูหรือไม่" สาวใช้คนสนิทเอ่ยอีกครั้ง
"สายตาของข้าไม่ผิดหรอก ข้าอยากจะไปถือศีลกินเจสักเดือน หนึ่งเดือนนี้ข้าหวังว่าพวกนางจะเข้ากันได้นะ" หญิงชราเอ่ยมือก็หมุนลูกประคำต่ออย่างเงียบ ๆ สิ่งที่นางกังวลใจมาหลายปีนั้นได้คลี่คลายลงแล้ว แค่นี้นางก็ตายตาหลับสักที
"ได้แน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูพอไม่มีนายท่านเอาใจ ยังไงก็ต้องไม่ดื้อดึงกับมารดาเลี้ยงแน่นอน" สาวใช้เอ่ยอีกครั้ง
"มารดาเลี้ยงอะไรเล่า นางก็คือลูกของเหยาเอ๋อร์" หญิงชราจ้องมองคนสนิทอย่างไม่พอใจ จนทำให้คนสนิทนั้นต้องก้มหน้ารับผิดทันที
"ขออภัยเจ้าค่ะนายหญิง" บ่าวคนสนิทเอ่ยขออภัยอย่างรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองนั้นได้พูดไป
"เจ้าไปเถอะ ข้าจะทำสมาธิอีกสักพัก" หญิงชราโบกมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนจะตั้งใจทำสมาธิต่ออีกสักพักอย่างที่ทำทุกวัน
"เจ้าค่ะ บ่าวขอตัว"
อีกฟากหนึ่งของหวังซูเหยาและไป๋หลี่ฮวามารดาเลี้ยงและลูกเลี้ยง ตอนนี้พวกนางกำลังมุ่งหน้าไปลานเทศกาลบรรยากาศในเมืองหนิงอันตอนนี้คึกคักไม่น้อย เนื่องจากในตัวเมืองนั้นจัดเทศกาลอาหารขึ้นมาในรอบปี ทั่วทั้งทางเดินประดับประดาไปด้วยโคมไฟธงสีระย้าเต็มไปหมดร้านรวงต่าง ๆ นั้นต่างพากันขายของอย่างสนุกสนาน ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปทั่วบริเวณงานอย่างมีความสุข
"ถึงแล้วขอรับนายหญิง คุณหนู" บ่าวขับรถม้าเอ่ยกับบรรดาเจ้านายอย่างนอบน้อม
"พวกเราลงกันเถอะ" หวังซูเหยาเอ่ยก่อนจะจูงมือเด็กน้อยลงจากรถม้า เด็กน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรกลับยอมให้มารดาเลี้ยงนั้นจับจูงมือได้ตามใจ เพราะนางกลัวพลัดหลงได้ข่าวว่าถ้าถูกจับไปอาจจะถูกตัดแขนตัดขา แค่คิดเด็กน้อยก็ไม่กล้าไปไกลจากมารดาเลี้ยงมากนัก
"วะ...ว้าว สวยมากเลย" ไป๋หลี่ฮวาจ้องมองลานเทศกาลอาหารอย่างตื่นตา รอบ ๆ บริเวณนั้นตกแต่งอย่างสวยงามมีโคมไฟประดับไปทั่วบริเวณงาน ทำให้เด็กน้อยนั้นตื่นเต้นที่สุดกว่าใครในกลุ่ม
"สวยจริง ๆ " หวังซูเหยาพยักหน้าเอ่ย บริเวณเทศกาลนั้นถือว่าจัดได้ดีไม่น้อย มีทั้งอาหารการแสดงของต่าง ๆ อย่างมากมายวางขายเต็มไปหมด
"นั้นอะไรน่ะ ข้าอยากไปดู" ไป๋หลี่ฮวาชี้นิ้วไปทางที่ผู้คนมุงดูไม่น้อย มือก็ดึงมือของมารดาเลี้ยงเพื่อให้นางพาไปดูอย่างเอาแต่ใจ
"เรียกข้าท่านแม่สิ" หวังซูเหยาเอ่ยแหย่เด็กน้อยที่ดึงมือนางไม่หยุดเพื่อให้พาไปเที่ยวเล่น
"ไม่ หึ" เด็กน้อยได้ยินแบบนั้นก็ร้องเสียงไม่พอใจทันที ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแต่มือเล็กนั้นกลับไม่ปล่อยจากมารดาเลี้ยงแม้แต่น้อย
"ไปกันเถอะ" หวังซูเหยาจูงมือเด็กน้อยไปทางที่คนมุงอยู่เยอะอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน
"ปลาตะเพียนสานน่ะ จะเอาหรือ" หวังซูเหยาเอ่ยถามเด็กน้อยแม้แต่ปลาตะเพียนสานยังไม่รู้จัก เห็นแบบนั้นแล้วนางได้แต่สงสารเด็กน้อยยิ่งนัก
"ข้าเอา ๆ ๆ" ไป๋หลี่ฮวาพยักหน้ารัว ๆ ดวงตากลมจ้องมองปลาตะเพียนสานอย่างตื่นเต้นราวกับของล้ำค่าไม่ปาน
"นั้น ๆ ถังหูลู่ เหมือนที่ท่านเคยให้ข้า" เด็กน้อยชี้นิ้วไปทางชายชราที่เดินแบกไม้ไผ่ขายถังหูลู่ เด็กน้อยมากมายต่างรุมล้อมชายชราเพื่อแย่งซื้อขนมหวานอย่างตื่นเต้น
"อืม ชอบหรือไม่" หวังซูเหยาเอ่ยถาม
"ชอบ ๆ ข้าจะเอาอีก" เด็กน้อยตอบอย่างไม่คิดนางชอบขนมหวานนี้ไม่น้อย ทั้งกรอบทั้งอร่อย
"ไปกันเถอะ" หวังซูเหยาเอ่ยจบก็พาเด็กน้อยฝ่าผู้คนไปซื้อทันทีอย่างไม่รีรอ
สองร่างต่างวัยเดินเล่นไปตลอดทาง แวะร้านนั้นร้านนี้บ้างประปรายตามแต่ที่เด็กน้อยอยากจะเข้า หวังซูเหยามองเด็กน้อยด้วยสายตาเปี่ยมเอ็นดู นางตามใจเด็กน้อยไม่หยุดส่งผลให้ช่องว่างระหว่างมารดาเลี้ยงและลูกเลี้ยงนั้นดีขึ้นไม่น้อย ไม่ได้อึดอัดเหมือนตอนแรก ๆ ที่ได้เจอหน้า
"เหนื่อยหรือยัง ดูซิเหงื่อไหลเต็มหน้า" หวังซูเหยาเอ่ยอย่างไม่ใส่ ก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู
"ขะ...ขอบคุณท่านแม่" ไป๋หลี่ฮวาเอ่ยขอบคุณเสียงเบา นางคุ้นชินกับมารดาเลี้ยงไม่น้อยทั้งใจดีและเอาใจนางมากกว่าทุกคนที่ทำให้ เด็กน้อยเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ นางกลับชอบมารดาคนใหม่ที่เอาใจใส่นางแถมยังตามใจ พานางเที่ยวเล่น
" จ๊ะ อยากทำอะไรอีกล่ะ" หวังซูเหยาเอ่ยถามเด็กน้อยนางสงสารเด็กสาวไม่น้อยจึงอยากจะเอาใจและเติมเต็มให้กับเด็กน้อยให้มากหน่อย
"ท่านแม่.... ข้าอยากไปล่องเรือนั้นบ้าง" ไป๋หลี่ฮวาชี้นิ้วไปทางเรือสำราญลำใหญ่ที่กำลังแล่นกลางแม่น้ำไปมา นางมองมารดาคนใหม่อย่างไม่แน่ใจนัก....ว่าหญิงตรงหน้าจะพานางไปหรือไม่
"ไปสิ" เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นท่ามกลางสองแม่ลูกสองแม่ลูกที่กำลังจ้องมองเรืออยู่นั้นพอได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยก็รีบหันหลังกลับไปดูก็เจอกับคนตัวโตที่รู้จักดีไม่น้อย นั้นก็คือไป๋หลี่คุนผู้เป็นสามีและบิดาของเด็กน้อยนั้นเอง
"ท่านพ่อ"
"ท่านพี่"
"อืม ไปกันเถอะ" ไป๋หลี่คุนจูงมือลูกน้อยทางซ้ายทางขวาก็เป็นภรรยาตัวน้อยที่ถูกเขาถือวิสาสะจับมือโดยเจ้าตัวยังไม่ทันตั้งตัว
"พวกเจ้ากลับจวนก่อนเลย หรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่นเสียเถอะ" ไป๋หลี่คุนเอ่ยกับบ่าวไพร่ของตนเองและของภรรยาให้จากไปไม่ต้องติดตาม
"ขอรับนายท่าน"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
บนเรือสำราญหรูด้านบนเรือถูกไป๋หลี่คุนเหมาหมดทั้งลำ ทำให้ตอนนี้บรรยากาศบนเรือนั้นเป็นส่วนตัวสุด ๆ สองสามีภรรยานั่งลงที่ดาดฟ้าเรือโดยมีเด็กน้อยที่ยืนจ้องมองแม่น้ำอย่างตื่นตาตื่นใจ
"ท่านพ่อข้าชอบเรือมาก ๆ " ไป๋หลี่ฮวาเอ่ยอย่างดีใจไร้ซึ่งความร้ายกาจดังเช่นทุกวัน
"ชอบก็ดีแล้ว" คนตัวโตลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ในรอบกี่ปีแล้วนะที่ไม่เคยสนใจลูกสาวคนนี้เลย ร่างหนาคิดในใจอย่างรู้สึกผิด แม้มารดาของนางจะหักหลังตนเองแต่เด็กน้อยนั้นหารู้เรื่องด้วยไม่ ร่างหนาถอนหายใจอีกครั้งไม่พูดอะไรต่อ
"ท่านพ่อดวงจันทร์งามมาก ๆ " ไป๋หลี่ฮวาชี้นิ้วน้อย ๆ ไปทางพระจันทร์สีเหลืองนวลที่เด่นตระหง่านท่ามกลางความมืดมิด
"อืม งามมาก ๆ" ไป๋หลี่คุนเอ่ยเบา ๆ แต่สายตากลับจดจ้องสตรีข้างกายแทนอย่างตั้งใจ จนหญิงสาวนั้นต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอาย
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจเต้นแรงของหวังซูเหยาดังขึ้นรัวราวกับกลองศึก หญิงสาวยืนชมทิวทัศน์เงียบ ๆ ไม่ได้สนใจสามี แต่ความคิดของนางนั้นยังคิดแต่เรื่องของชายหนุ่มผู้อยู่ข้าง ๆ ไม่หยุด