ช่วงเช้า เที่ยง เย็น
ริสาจะมานั่งตรงระเบียงคอยยิ้มให้เทวา ริสาไม่ได้คิดไปเองแน่นอน เทวาก็ยิ้มตอบให้เธอ
แต่ละวันเจอกันเพียงเท่านี้ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจริงๆ วันนี้เป็นวันหยุดไม่ได้ไปโรงเรียน ริสาได้เวลาทบทวนแผนการของตัวเองกับเทวาใหม่
จากการสืบเรื่องครอบครัวเทวาคร่าวๆ ครอบครัวเทวามีฐานะไม่น้อยเลย สิ่งที่จำเป็นตอนนี้คงไม่ใช่ตามจีบเทวาเสียแล้ว เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นเราต้องเร่งฐานะเพื่อให้ชีวิตคู่ในชาตินี้ ให้เธอกับเทวาเป็นคู่ที่เหมาะสมทั้งฐานะ การศึกษา ทัศนคติที่ตรงกัน ในข่าวที่สืบได้ ในชาตินี้เทวาต้องการเป็นหมอเหมือนเดิม ริสาก็ตั้งใจจะเป็นหมอเหมือนกัน แต่ด้วยฐานะตอนนี้แม่น่าจะลำบากมากถ้าตัวเองเรียนหมอ ตอนนี้เราอายุเพียง 7 ขวบ พึ่งจะเรียนแค่ ป.1 คงต้องหาทางชี้หนทางธุรกิจให้กับแม่เท่านั้น
จากที่เคยอ่านนิยายมา หลายคนจะย้อนอดีตกลับไปเพื่อแก้ไขเรื่องราวเดิม แต่ของริสาเธอระลึกชาติได้ ถึงแม้ไม่ได้มีภารกิจแก้ไขเรื่องราวอะไรในอดีต แต่เธอก็ได้เปรียบหลายคน เธอก็ไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนให้มาก ขอแค่เนียนๆ ไป เธอมีความรู้เดิมจากชาติที่แล้ว เธอจำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้วอาชีพที่สร้างรายได้ ได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานของครอบครัวเป็นทุน น่าจะเป็นการทำธุรกิจกับเป็นดารา เป็นดาราเอาไว้ก่อนดีกว่า แต่การทำธุรกิจขอแค่เห็นช่องทางการทำธุรกิจก็สามารถเติบโตได้รวดเร็วได้ ข้อได้เปรียบของเธอคือตรงนี้
เธอเห็นช่องทางแล้ว แม่ที่ทำอาชีพขายเสื้อผ้า
“ขายออนไลน์ นี้เลยคำตอบ" ตอนนี้ที่บ้านมีคอมพิวเตอร์แต่ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ จะต้องหาวิธีให้ที่บ้านมีอินเตอร์เน็ตเสียก่อน
“ริสา….ลูกมาช่วยคุณแม่ทำอาหารหน่อยค่ะ”
เสียงแม่เรียกริสาจากห้องครัว แม้จะเลี้ยงตามใจแค่ไหน แต่เรื่องงานบ้านหรือทักษะชีวิต การช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น คุณแม่ก็จะพยายามให้ริสาได้ฝึกตัวเองตามพัฒนาการให้สมวัย
“ค่ะ คุณแม่ ริสากำลังลงไปค่ะ”
“มาค่ะ ริสาช่วยคุณแม่ปลอกไข่ต้มนะคะ คุณแม่จะนึงผัก"
ริสามองดูอาหารคลีนของคุณแม่เพราะอาหารแบบนี้ทำให้แม่ดูมีสุขภาพที่ดีมากๆ ผิวพรรณผ่องใส หลายคนจะทักผิดเข้าใจผิดตลอดว่า ริสากับคุณแม่เป็นเพียงพี่สาวกับน้องสาว คุณแม่มีคนเข้าหาพอสมควร แต่คุณแม่ค่อนข้างปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับใครเข้ามาเลย
“คุณแม่ค่ะ ริสาจะเปิดคอมดูวีดีโอ แต่มันเปิดไม่ได้ค่ะ ตอนอยู่ที่โรงเรียนคุณครูเปิดให้ริสาดูช้าง ริสาอยากดูอีก คุณแม่เปิดให้ริสาได้ไหมคะ”
ริสาพูดเสียงใสแจ๋ว
“อ้างถึงโรงเรียนเพื่อให้คุณแม่เข้าใจว่าเป็นส่วนจำเป็นในการเรียนของริสาแต่มันก็จำเป็นจริงๆ น่า อินเตอร์เน็ตกับการเรียนรู้ในอนาคต เพียงแต่ตอนนี้เอามาเพื่อสร้างรายได้ก่อน ริสาไม่ได้โกหกคุณแม่น่า”
ริสาคิดในใจแก้ตัวให้ตัวเอง
“คอมพิวเตอร์บ้านเราไม่มีอินเตอร์เน็ตค่ะลูก คุณแม่ขอเวลาไปติดต่อบริษัทก่อนนะคะ ช่วงนี้ริสาอ่านหนังสือดูรูปก่อนได้ไหมเอ่ย”
พรกมลปลอบใจลูกน้อย รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตัวเองไม่รอบคอบทำให้ลูกรู้สึกถึงความไม่พร้อม
“ค่ะคุณแม่ ขอบคุณคุณแม่ค่ะ ริสาจะตั้งใจเรียนนะคะ”
ริสารู้ว่าแม่ต้องโทษตนเองอยู่แน่นอน ริสาเองก็รู้สึกผิดที่ต้องหลอกคุณแม่ในครั้งนี้ แต่มันจำเป็นจริงๆ นะคะแม่
สองแม่ลูกทานข้าว ด้วยกันอย่างมีความสุข ริสาเล่าเรื่องที่โรงเรียน ให้คุณแม่ฟัง พรกมลก็จะเล่าเรื่องที่ร้านให้ริสาฟังเช่นกัน พรกมลเข้าใจว่าริสาจะไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไรนัก จึงเล่าเรื่องราวเกือบจะทุกอย่างไป ทำให้ริสาพอรู้คร่าวๆ ว่าตอนนี้ที่ร้านรายได้เริ่มลดลงแล้วหนทางการสร้างรายได้จากขายของออนไลน์น่าจะใช้ไม่ทัน งั้นแผน 2 ต้องมาก่อน ถ้ามีโอกาสได้เป็นดาราเด็ก ริสาค่อนข้างมั่นใจถึงแม้ตัวเองจะไม่เคยมีพื้นฐานทางด้านการแสดง แต่ด้วยความฉลาดเกินวัยของ ริสาจะต้องสู้เด็กวัยเดียวกันได้แน่นอน บวกกับหน้าตาริสาก็น่ารัก สดใส โดดเด่น แต่ปัญหาอยู่ที่เราจะไปเป็นดาราได้อย่างไร ขอแม่พรกมลพาไปแคสต์งาน น่าจะเป็นไปได้อย่างยาก คงต้องเสี่ยงดวงไปเดินเล่นที่สยามบ่อยๆ จะดีกว่า จำได้ว่าชาติที่แล้ว ดาราหลายคนเกิดเพราะแมวมองติดต่อมาจากได้เจอที่สยามนี้ล่ะ
บ้านเราก็ไม่ห่างจากห้างให้คุณแม่พาไปเดินเล่นบ่อยๆ ได้ เริ่มเย็นนี้เลยล่ะกัน ริสารีบอย่างยิ่ง
“คุณแม่ขา ริสาอยากไปเดินเล่นที่สยาม เพื่อนเล่าๆ ให้ฟังว่าที่นั้นสวยมากมีอะไรให้ดูเยอะแยะ”
ริสารู้ดีว่าอะไรที่จะจี้ใจคุณแม่ได้ แม้จะรู้สึกผิดอยู่นิดๆ แต่เพื่อเป้าหมายที่สำคัญกว่าริสาจำเป็นต้องทำ ริสาก็ได้แต่ขอโทษคุณแม่อยู่ในใจ ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องจริง ริสาเคยไม่ถือสาสิ่งเหล่านี้ แต่วันนี้ได้หยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์
“ได้ค่ะ งั้นวันนี้หลังปิดร้าน เราก็ออกไปติดต่อเรื่องอินเตอร์เน็ตที่สยามและไปเดินเล่นสยามด้วยเลยดีไหมคะ”
ไม่ใช่ว่าพรกมลไม่เคยปฏิเสธริสาเลย แต่เพราะเรื่องนี้ริสาน่าจะได้ยินเพื่อนคุยกันมาตั้งแต่ต้นเทอมแล้ว การเล่าเรื่องราวพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติของสังคมโรงเรียน ไม่ใช่การโอ้อวดอะไร แต่ลูกก็พึ่งมาขอร้องตัวเอง คงอดใจกับความอยากรู้มาพอสมควร พรกมลก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ กับความคิดง่ายของตัวเองที่เข้าใจว่ามีแค่เงินค่าเทอมก็พอแล้ว ตอนนี้คงต้องพยายามหารายได้เพิ่ม โชคดีที่ตัวเองเป็นคนประหยัดเงินเก็บที่มีก็เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายได้อีกเป็นปี
ในขณะที่พรกมลคิดเรื่องอื่นไปไกล ริสาก็กำลังเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ไปถ่ายรูป ไปถ่ายเสื้อผ้าที่ร้านของคุณแม่ เตรียมให้เรียบร้อย พรุ่งนี้หลังได้อินเตอร์เน็ตจะได้เปิดร้านออนไลน์เลย
หลังปิดร้าน สองสาวก็ไปสยามกันทันที
ริสาไปสยามคราวนี้ก็ได้สังเกตและมองหาจุดที่คิดว่าแมวมองจะมาหาเด็กในสังกัดใหม่ๆ ทำให้พรกมลเข้าใจว่าริสาดูตื่นเต้นมากและรู้สึกดีใจที่วันนี้ตัดสินใจพามา
“สนุกไหมคะ คนสวยของคุณแม่”
“สนุกค่ะคุณแม่ ขอบคุณคุณแม่ค่ะ"
และริสาก็หันไปดูรูปโปสเตอร์โฆษณาเสื้อผ้าเด็ก เป็นรูปเด็กผู้หญิงน่ารักๆ น้องคนนี้ชื่อ ญาญ่า เหมือนดาราดังชาติที่แล้วเลย หน้าตาก็คล้ายๆ กัน แล้วชาตินี้เราจะเป็นดาราได้ไหมน้อ
“หนูสนใจอะไรคะ” พรกมลถามริสาเพราะเห็นหนูน้อยจ้องรูปอยู่นาน
“ริสา อยากถ่ายรูปแบบนั้นบ้างค่ะ”
ริสาพูดและชี้ให้แม่ดูรูปโปสเตอร์ ญาญ่า ใส่ชุดเด็กหน้าร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ ZAZA แบรนด์ดังในยุคนี้
“เอ้ะ!! "
พรกมลตกใจสิ่งที่ริสาคิด นี้ไม่เหมือนริสาเด็กน้อยคนเก่าเลย ริสาคนเก่าค่อยข้างเก็บตัว ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า การทำตัวเด่นให้เป็นจุดสนใจปกติริสาไม่ค่อยทำ การไปโรงเรียนทำให้เด็กน้อยเติบโตขึ้นมากจริงๆ
“ริสาอยากได้ชุดนั้นหรือคะ” พรกมลลองถามดูเผื่อริสาจะสื่อสารผิดพลาด
“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ ริสาอยากมีรูปแบบนั้น ติดหน้าเสื้อผ้าของเราค่ะ” ริสาตอบคุณแม่แบบเลี่ยงดูแล้วคงบอกจริงๆ ไปไม่ได้ว่าอยากเป็นดารา คุณแม่จะตกใจมากเกินไป
“ได้ค่ะ คุณแม่มีแผนปรับปรุงร้านอยู่ เอาไว้แผนเรียบร้อยคุณแม่จะให้หนูช่วยนะคะ”
หลังจากติดต่อบริษัทต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะเรียบร้อย ภารกิจเสร็จไปหนึ่งอย่าง แต่ว่าเดินและวิ่งจนขาลาก ริสาก็ไม่เจอแมวมอง สงสารคุณแม่เลยต้องหยุดวิ่ง หยุดเดินเสียก่อน และแล้วก็ได้กลับบ้านด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
เราเดินกลับบ้านซึ่งไม่ไกลมากประมาณ 500 เมตร หลังจากอาบน้ำแต่งตัวริสาก็รีบเข้านอนวันนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ