เริ่มต้นอีกครั้ง

1186 Words
ณ คอนโด “ณวาริน” คอนโดใหญ่กลางเมือง เมื่อทำใจยอมรับได้ริสาก็เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายยิ่ง ไม่งอแง เธอตื่นมากินแล้วก็นอน กินแล้วก็นอน กินแล้วก็นอน ไหนๆ ก็มีโอกาสได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง เธอยังจำได้ดีชาติที่แล้ว เธอยังพูดขำๆ ว่าถ้าได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กเธอจะนอนกลางวันทั้งวันทั้งคืนเลย มาตอนนี้ก็เอาให้เต็มที่ล่ะกัน ช่วงวัยเด็ก 1-3 ขวบ ค่อนข้างหมดไปอย่างรวดเร็ว เวลาทั้งหมดหมดไปกับการกินแล้วนอน อะไรที่จำเป็นสำหรับเด็กช่วงอนุบาลริสาทำทั้งหมดเพื่อสมองและร่างกายจะได้เติบโตอย่างเต็มที่และแข็งแรง เอาตัวเองให้รอดเสียก่อนจะว่าอย่างนั้นก็ได้ เมื่อเธอเติบโตและพร้อมในทุกๆ สิ่งเธอจะออกตามหาเทวา ชาตินี้เธอจะต้องแต่งงานกับเทวา เราจะกลับมาครองคู่กับอีกครั้ง พอเข้าสู่ช่วงเริ่มพูดคุย ริสาจะดูซีรี่ยส์เป็นหลักชาติที่แล้ว เห็นเพื่อนหลายคนติดซีรี่ยส์อย่างนัก ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจนักเพราะมัวแต่ตั้งใจเรียน ชาตินี้นอนดูให้สะใจไปเลย +++ ตอนแรกๆ แม่ก็ชอบจะปิดทีวี เธอก็จะพยายามเปิดและสื่อสารบอกคุณแม่ว่าชอบ ยิ่งเป็นภาษาต่างชาติ พยายามทำให้คุณแม่เข้าใจว่า เธอกำลังฝึกภาษา คุณแม่ก็ดูกังวลใจนิดหน่อย แต่ริสาไม่ได้ทำตัวเองให้เป็นเด็กผิดปกติ เลยทำให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ก็ถึงวันที่ริสาจะได้ไปโรงเรียนแล้ว ริสานั่งมองหน้าตาตัวเองที่สะท้อนในกระจก ใบหน้าริสาในชาตินี้มีเค้าโครงหน้าเดิมจากชาติที่แล้วผสมผสานกับคุณแม่พรกมลของเธอ ใบหน้ารูปไข่เล็ก ผิวเนียนละเอียด ดวงตาโตคมเรียวดำ ดูเป็นเด็กเจ้าอารมณ์อยู่บ้าง จมูกเชิดขึ้นเล็กน้อย ลงตัวกับปากเล็กๆ บางเรียว แม้จะอายุเพียง 7 ขวบ แต่ก็มีเค้าโครงบอกว่าได้เลยว่าโตขึ้นต้องเป็นสาวงามอย่างแน่นอน เธอพึงพอใจหน้าตาตัวเองในชาตินี้มาก ยิ่งมองยิ่งชอบ ยิ่งโตยิ่งสวยจะว่าหลงตัวเองก็ไม่เกินจริงเท่าไรนัก จากอายุจริงริสารวมกับชาติที่แล้ว ตอนนี้ก็มีอายุไม่น้อยแล้วบวกกับอาชีพเดิมชาติที่แล้วเป็นถึงคุณหมอสูตินรีเวช ทำให้บุคลิกของริสา มีความมั่นใจเกินวัย ลักษณะท่าทางถือดีอยู่ในตัว แม้จะยืมรวมกับผู้คน ก็จะสังเกตเห็นถึงความโดดเด่นได้ทัน หลายคนที่เห็นริสาก็อดที่หันมองดูอีกรอบไม่ได้ เธอได้ศึกษาอะไรหลายอย่างในชาตินี้ ทำให้รู้เรื่องราวว่าที่นี้ไม่เหมือนโลกที่เธอเคยอยู่ เหมือนจะเป็นโลกคู่ขนานที่ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว รถยนต์ยังมีไม่มาก รถไฟฟ้ายังไม่มี และโทรศัพท์มือถือมีแค่เฉพาะบางครอบครัวเท่านั้น แต่ยังดีที่มีช่องทีวีให้เธอได้ศึกษาความรู้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอไม่มีโอกาสทำอะไรมากนัก นอกจากตั้งใจเรียนรู้ สิ่งที่ตัวเองไม่รู้ในชาติที่แล้ว เช่น ภาษาเกาหลี ภาษาจีน เพราะตอนนี้เธอยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง การทำอะไรที่รู้มากกว่าเด็กก็เป็นไปไม่ได้ นอกจากต้องแอบเรียนแล้วยังต้องคอยทำตัวให้เป็นเด็กด้วย “ริสาลูก พร้อมยังคะ ต้องไปโรงเรียนแล้วค่ะ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรก ….ริสาตื่นเต้นไหมลูก” “มา คุณแม่จะผูกโบว์ให้ก่อน” พรกมลค่อยแปรงผม ก่อนจะมัดผมผูกโบว์สีขาวสดใสให้เด็กน้อย เธอยิ้มอ่อนโยน ความภาคภูมิใจ ความรักเต็มเปี่ยมในแววตา “ตื่นเต้นค่ะ คุณแม่ ริสาเป็นเด็กประถมแล้วนะคะ ริสาจะตั้งใจเรียน โตมาจะได้มีงานทำที่ดี และดูแลแม่ได้ค่ะ” เสียงใสๆ ของริสา ทำให้ใจพรกมลอบอุ่นใจเสมอ แม้จะเคยชินกับคำพูดๆ หวานๆ ของสาวน้อย แต่ก็อดน้ำตาคลอๆ ไม่ได้ ไปโรงเรียนวันแรกพรกมลผู้เป็นแม่ตื่นเต้นกว่าลูกสาวมากนัก พอเห็นว่าลูกสาวดูเป็นธรรมชาติไม่งอแง ใจก็เริ่มสบายใจขึ้น ความกังวลก็ลดลงมากทีเดียว “หนูเป็นเด็กดี ที่รักที่สุด ของคุณแม่เลยค่ะ” ริสาเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย แม้พรกมลจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงริสามาเพียงลำพังก็ไม่ลำบากเท่าไรนัก ตั้งแต่ริสาเกิดก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคุณพ่อเลย เรื่องราวอดีตเมื่อหนหลังนั้น เธอพยายามทำทุกอย่างให้ดีกับทุกคน แต่ก็รู้สึกผิดกับริสาที่สุด บางทีก็รู้สึกกังวลเพราะตลอดที่ริสาไม่เคยถามถึงพ่อหรือเรื่องราวอื่นๆ เลย ซึ่งผิดวิสัยของเด็กทั่วไป บางทีลูกคนนี้ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่ บางครั้งก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างเกินวัยแต่บางทีแต่เหมือนเธอจะคิดมากไปเอง พรกมลรู้สึกไม่สบายใจและกลัวลูกจะมีปัญหาเรื่องสภาวะจิตใจ สุดท้ายตัดสินใจพาลูกสาวไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กซึ่งผลออกมากว่า ริสาแค่มีความคิดความอ่านเกินวัยเท่านั้น เธอค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา บางอย่างที่ริสาทำมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็เป็นไปได้ ริสาเองรู้ว่าของพ่อเป็นเรื่องที่ทำให้แม่เจ็บปวด ที่ผ่านมาแม่มีความลับมากมาย ทั้งเรื่องครอบครัวของคุณแม่เองและเรื่องของพ่อ ตั้งแต่เกิดมาริสามีแค่แม่คนเดียว สำหรับเด็กคนอื่นอาจจะทำให้มีปัญหาได้ แต่ริสาไม่ใช่ เทียบกับชาติที่แล้วชาตินี้เธอมีแม่ แม่ที่มีอยู่จริง แม่ที่ริสาร้องให้ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน อ่านหนังสือ ทานข้าวและนอนกอดกัน มันอบอุ่นมากกว่าสิ่งใดๆ แม้ริสาอายุรวมกับชาติที่แล้วตอนนี้ก็ใกล้ 40 แล้ว มากกว่าแม่ที่มีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น แต่ริสาก็เรียกแม่อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเพราะนอกเหนือจากอายุที่ไม่สมเหตุสมผล สิ่งอื่นๆ แม่ก็คือแม่ของริสาอย่างแท้จริง วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ไปโรงเรียน ริสาตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนให้มากและจะหากล่องพรสวรรค์ของร่างกายและจิตใจของเธอในชาตินี้ เมื่อชาติที่แล้วหลายอย่างที่เธอไม่ได้ทำ เธอจะทำในชาตินี้ให้ได้ “ริสา หนูอยู่โรงเรียนนะลูก ตอนเย็นคุณแม่จะมารับ” “ค่ะแม่” สองสาวต่างวัยหอมแก้มลากัน ริสารู้ว่าแม่ต้องรีบไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าหลังจากส่งเธอแล้ว เธอจึงรีบวิ่งเข้าห้องเรียนทันที เพื่อให้แม่สบายใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD