‘ออกเดินทางกันได้แล้ว’ อิสมาอิลชักม้านำขบวน กองโจรขนาดย่อมที่มีไม่เกินสิบกับเชลยอีกสี่ ก้าวย่ำไปบนผืนทรายที่คายความร้อนระอุซึ่งดูดซับไว้ในเวลากลางวันหมดสิ้นแล้ว การเดินทางกลางคืนจึงนับว่าสบายที่สุด แต่สำหรับนางในฮาเร็มที่เคยชินแต่ชีวิตที่หรูหราสุขสบายในตำหนักนั้นลำบาก ไหนจะต้องนั่งระวังไม่ให้พลัดตกลงมาจากหลังอูฐทั้งที่มือสองข้างถูกผูกไพล่หลัง ตอนนี้ต่างพากันนึกอิจฉานางสนมที่นั่งบนหลังม้าเดียวกับหัวหน้าโจรเสียมากกว่า ลมทะเลทรายพัดผ่านบางเบา ท้องฟ้ายามพระจันทร์เสี้ยวโตแขวนไว้กระจ่างมากกว่าตอนหัวค่ำ ทางเดินที่ทอดยาวไปข้างหน้ามองไกลสุดลูกหูลูกตา หันมองกลับไปอูฐทั้งขบวนเดินกันเป็นแถวยามเร่งฝีเท้าก็เร่งด้วยกัน ยามผ่อนช้าก็ช้าเหมือนกัน เชลยสาวที่ถูกผูกเอวติดกับจอมโจรหนุ่มที่เขาอ้างว่ากันไม่ให้เธอตกถ้าเผลอหลับ ม้าโคลงเคลงขนาดนี้หรือจะหลับลง เธอมองไกลไปข้างหน้าอย่างทอดอาลัย ป่านนี้ชีคกาเบรียนที่