ล่วงดึกหลังงานเลี้ยงฉลองที่มารดาเอ่ยขอเป็นเจ้าภาพแต่บิดาเป็นผู้ชำระเงินเสร็จสิ้น อัคคีแยกตัวไปส่งปาริฉัตรแฟนสาวที่ห้องเช่า โดยให้ธารีกลับไปกับบิดาและมารดา
ห้องเช่าขนาดเล็กเหมาะสมกับเงินเดือนพนักงานบริษัทของปาริฉัตรเปิดไฟคืนความสว่างหลังมืดมิดเพราะเจ้าของห้องยังไม่กลับมา ห้องที่ดูโล่งเพราะมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น มีเพียงเตียงเล็กพร้อมตู้ลอยใส่เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งใกล้หน้าต่างบานเกร็ดที่รูดม่านปิดสนิท เครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆ ที่พอใช้ทำงานได้วางกินเนื้อที่ใช้สอยของโต๊ะไปเกือบครึ่ง ที่ดูเหมือนจะจำเป็นสำหรับสาวทำงานอย่างปาริฉัตร ที่ต้องนำงานกลับมาที่บ้านบ่อยครั้ง ส่วนที่เหลือใช้วางเครื่องสำอางจำนวนไม่มากนัก ดีที่มีห้องน้ำในตัวไม่ต้องไปใช้รวมเช่นที่อื่นแม้จะเสียค่าเช่าเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ก็สะดวกเวลาอัคคีมาค้างด้วย
อัคคีเดินมาทิ้งตัวนอนยาวเหยียดด้วยความเมื่อยล้าอย่างเคยชิน บนเตียงนอนที่เจ้าของห้องไม่ได้ประท้วง เพราะเขาและเธอก้าวเกินคำว่าแฟนธรรมดามานานพอสมควรแล้ว เขาและเธอพบกันโดยบังเอิญในงานแต่งงานของเพื่อน จากนั้นก็ทำความรู้จักคบหากันมาได้ไม่ถึงปีเธอก็ยอมมีอะไรกับเขา แม้เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่อัคคีก็แสดงความรับผิดชอบแนะนำเธอกับครอบครัวและเพื่อนๆ อย่างเปิดเผยว่าเป็นผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย แต่ขอเวลาเก็บเงินตั้งตัวก่อน
“อาบน้ำไหมคะ เสื้อผ้าคุณฉัตรซักรีดไว้ให้แล้ว” ปาริฉัตรทิ้งตัวลงนั่งริมเตียงข้างร่างยาวเหยียดของชายหนุ่ม
“ก็ดีนะ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยเลย” อัคคีดีดตัวขึ้นนั่ง มองสาวคนรักที่วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษ หรือเพราะก่อนหน้านี้เขาไปราชการเสียหลายวันจนเกือบกลับมาไม่ทันวันรับปริญญาของน้องสาว ไปหลายวันจนคิดถึงกลิ่นหอมระรวยจากเรือนร่างของปาริฉัตร มือใหญ่ของนายทหารหนุ่มยกขึ้นแตะแก้มปาริฉัตรเบาๆ ก่อนลูบไล้หนักมือขึ้นอย่างโหยหา
“อาบด้วยกันดีกว่า คิดถึงคุณจะบ้า”
สองคนใช้เวลาในห้องน้ำเล็กๆ นั้นไม่นาน แค่ช่วยกันทำความสะอาดเนื้อตัว ก่อนมาจบที่เตียงเล็กๆ ของปาริฉัตร โดยไม่ยอมให้เวลาเผาพลาญไปอย่างเปล่าประโยชน์ ร่างที่โหยหาต่างกอดรัดปรนนิบัติซึ่งกันและกัน จนเตียงเล็กในห้องไม่กว้างอบอวลไปด้วยเสียงแห่งความสุข อย่างที่โหยหา
ปาริฉัตรหลงรักอัคคีมากมายยิ่งขึ้นเพราะเขาไม่เห็นแก่ตัวหวังมีความสุขฝ่ายเดียว เขาไม่เคยหนีเธอขึ้นวิมานหากเธอยังไม่พร้อม ชายวัยสามสิบอย่างอัคคีผ่านโลกมามาก และช่ำชองมองทะลุปรุโปร่งว่าช่วงไหนควรเร่งเวลาไหนควรผ่อนช้าเพื่อรั้งอารมณ์และรอคอยให้คู่นอนเดินทางขึ้นสวรรค์พร้อมกันกับเขา เวลาผ่านไปนานพอสมควรกับบทสวาทที่จบลง แต่ปาริฉัตรยังกอดเขาไว้แนบแน่นยังไม่อยากให้เขาขยับยออกห่าง อยากให้กกกอดเธอแนบชิดอีกนานเท่านาน เพราะรู้ดีว่าเมื่อเขาลุกขึ้น เขาก็จะกลับออกไปจากห้องนี้เช่นกัน
ปาริฉัตรรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไหร่ และยิ่งรู้สึกหวั่นไหวยามเขาห่างหายไปไหนหลายๆ วันเช่นการไปราชการก่อนหน้านี้ แม้เขาจะโทรศัพท์มาพูดคุย แต่เธอกลับคิดว่าเขาทำตามหน้า ที่ต้องโทร.หาเธอทุกวันก่อนเข้านอน ถ้าเขาอยู่บ้านก็จะมาหามาพูดคุย หรือแม้กระทั่งมีเพศสัมพันธ์กันแล้วกลับไป แม้เขาป่าวประกาศว่าเธอคือคนที่จะแต่งงานด้วย แต่ปาริฉัตรรู้สึกว่าเขาพูดเพราะให้เกียรติไม่อยากให้เธอเสียหายไปกว่านี้ เพราะหลายคนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเธอและเขาเกินเลยขนาดไหน เช่นเดียวกับหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่คบหากันนั้นมักหนีไปพ้นเรื่องบนเตียง และปัญหาสังคมมากมายก็ตามมา ทั้งมีบุตรโดยไม่พร้อม ทำแท้งเถื่อน ฆาตกรรณทารกแรกเกิดด้วยน้ำมือมารดาที่รักสนุกแต่ไม่รับผิดชอบชีวิตที่ให้กำเนิด หรือแม้กระทั่งปัญหาการติดโรคทางเพศสัมพันธ์
“ฉัตร ผมต้องกลับบ้าน” อัคคีเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของวงแขนที่กอดเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้ขยับร่างกายออกห่าง
“ค้างที่นี่ได้ไหมคะ คุณไปราชการเสียหลายวัน ฉัตรคิดถึงอยากนอนกับคุณทั้งคืน” สายตาเธอเว้าวอน พร้อมเริ่มเล้าโลมเขาด้วยการลูบไล้เนื้อตัว ที่ยังชื้นเหงื่อแม้เครื่องปรับอากาศเก่าๆ ที่เปิดไว้ทำงานเต็มกำลัง
“ไม่ไหวครับ หมดแรง” เขาปดคำโต ชายกำยำเช่นเขาหรือจะหมดแรงยอมถอยยามหญิงสาวเชิญชวน ทว่าอัคคีรู้ดีว่าคนที่บ้านต้องรอดูรูปถ่ายที่ติดมาในรถเขาอย่างแน่นอน แค่เขาเสียเวลาไปกับการแสดงความคิดถึงกับปาริฉัตรเสียยกใหญ่ๆ ป่านนี้มารดาคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้ว ถ้าขืนค้างที่นี่กลับบ้านตอนเช้ามีหวังเขาถูกบ่นหูชาไปสามวันแปดวัน
“ไว้พรุ่งนี้ผมมารับไปกินข้าวเที่ยงนะ” อัคคีจำใจต้องขืนตัวลุกขึ้น เพราะถ้ายังนอนให้เธอลูบไล้ ร่างกายเขาอาจทรยศได้
ปาริฉัตรมองตามตาละห้อยเมื่ออัคคีเดินพาร่างกำยำที่เปล่าเปลือยเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำอีกครั้ง เธอรู้สึกใจหายเหมือนไม่ใช่แค่การเดินจากไปเพียงไม่นาน จนต้องเอ่ยมาดหมายในใจ
ไม่มีวันที่ฉัตรจะปล่อยคุณไป!
เย็นวันทำงานที่อัคคีกลับมาบ้านเร็วโดยไม่แวะไปหาปาริฉัตร แค่ย่างก้าวเข้าไปในบ้าน ธารีน้องสาวที่อายุห่างกันพอสมควรก็วิ่งถลามากอด พร้อมกระโดดโลดเต้น สีหน้าแสดงความดีใจจนไม่ต้องสงสัย
“อะไร ธารีกระโดดเหยงๆ เหมือนจิงโจ้ มีอะไร”
“พี่อัคคี ธารีได้งานทำแล้ว นี่ๆๆ บริษัทน้ำมันสาขาของอัลโซกียาห์เชียวนะ” เธอยื่นจดหมายเรียกเข้าทำงานให้พี่ชายดู
“เออๆ ดีใจด้วย แต่ตอนนี้เลิกกระโดดเสียที พี่เวียนหัว”
“พี่อัคคีอ่ะ บริษัทในเครือผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่เชียวนะ ไม่ดีใจกับธารีหรือไง” ใบหน้าหญิงสาวง้ำลงเล็กน้อย พร้อมน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เมื่อพี่ชายทำเหมือนไม่ยินดียินร้าย แค่พูดว่าดีใจด้วยเท่านั้น
“ดีใจไง บอกแล้วดีใจด้วย” อัคคียกมือขึ้นขยี้ผมทรงทันสมัยเส้นมันวาวของน้องอย่างเอ็นดู แล้วถามต่อ “เริ่มงานเมื่อไหร่ละ”
“วันจันทร์ค่ะ แต่ไม่ใช่ที่นี่” ธารีเชิดใบหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“อ้าว แล้วทำที่ไหน งง” คิ้วเข้มของชายหนุ่มขยับมาเกือบจะชนกัน
“ที่บริษัทแม่ สาธารณรัฐชาร์มาค่ะ เขาส่งธารีไปฝึกงานที่นั่นก่อนแล้วค่อยกลับมาประจำที่ประเทศไทย ตื่นเต้นจังเลย ประเทศนี้ได้ยินแค่ว่าร่ำรวยแต่ไม่ค่อยมีข่าวด้านอื่น ได้ไปดูด้วยตาตัวเองคงสนุกพิลึกเลย พี่อัคคีดีใจกับธารีไหมคะ”
ใบหน้าน้องสาวเขาตอนนั้นชวนฝันและเปร่งประกายความสุข ธารีไปฝึกงานไม่นานก็ส่งอีเมลกลับมา เป็นระยะๆ
‘ธารีเข้าฝึกงานในบริษัทของ ชีคกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ ตำแหน่งเลขาท่านเชียวนะคะ สักวันธารีจะบริหารงานให้เก่งแบบท่าน ธารีส่งรูปท่านมาให้ดูด้วย รูปงามมากเลยค่ะ’
‘พ่อขาแม่ขา ธารีมีเรื่องจะสารภาพ ธารีเข้าถวายตัวเป็นสนมของท่านชีคแล้ว แต่ท่านไม่ได้ใช้กำลังบังคับหรือใช้เล่ห์กลอันใด ธารียินยอมพร้อมใจเป็นสนมของท่านเพราะธารีรักท่าน แล้วท่านก็เมตตาธารีมาก ตอนนี้ธารีมีความสุขมาก ขอโทษพ่อกับแม่ด้วยที่ลูกสาวคนนี้ไม่มีพิธีรีตองให้ภาคภูมิใจ อย่าโกรธธารีเลยนะคะ ธารีรักทุกคนค่ะ’
‘พี่อัคคี ฝากพ่อกับแม่ด้วยนะคะ ธารีคงไม่มีวันได้กลับไปทำหน้าที่ลูกกตัญญูอีกแล้ว ช่วงชีวิตตอนนี้ของธารีเปรียบเหมือนเรือใบไม้ที่หลงวนในกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด อาจจะล่ม จมดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ทุกเวลา ถึงท่านชีคจะใจดีกับธารี แต่คนรอบข้างนั้นหาความจริงใจไม่ได้เลย ธารีเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในวังกว้างใหญ่หลังนี้ ธารีอยากกลับบ้านแต่ทิ้งท่านไปไม่ได้ ในเมื่อธารีรักท่านมากธารีก็ต้องทนกับชีวิตที่เลือกทางเดินเองแบบนี้
จดหมายฉบับสุดท้ายของน้องสาวเมื่อหลายเดือนก่อน ข้อความไม่ยาวนั้นบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เหมือนคนเขียนกำลังตกอยู่ในภาวะสับสน อ้างว้า ว้าเหว่และอาจหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และนี่เองที่ทำให้อัคคีอยากไปพบชีคกาเบรียน อยากไปดูความเป็นอยู่ของน้องสาวที่ขาดการติดต่อมาเกือบปี ไม่มีจดหมายกลับมาเลยนอกจากเงินที่โอนมาให้พ่อกับแม่ประจำทุกเดือน
จำนวนเงินที่ธารีส่งมานั้นบ่งชัดว่าสามีเธอร่ำรวยเพียงใด เพราะเป็นถึงเจ้าผู้ครองรัฐ เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันและเหมืองเพชรรวมถึงบริษัทในเครืออีกมากมายที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก เงินจำนวนหลายล้านที่ธารีส่งให้พ่อกับแม่นั้นถ้าเทียบกับเงินเดือนข้าราชการทหารยศพันโทของเขาในเวลานี้คงต้องเก็บกันหัวโต หรือไม่ ชาตินี้อาจไม่มีทางเก็บได้ และอีกอย่างเขาก็ได้พึ่งใบบุญของน้อง เมื่อหยิบยืมเงินบางส่วนจากพ่อและแม่ไปเรียนต่อด้านการทหารที่ประเทศอังกฤษ สำเร็จการศึกษากลับมาพร้อมตำแหน่งหน้าที่การเงินที่สูงขึ้น ทว่ายังผ่อนใช้หนี้กันอยู่ทุกเดือน จนยังไม่ได้เก็บเงินแต่งงานเสียที น่าแปลกเงินจำนวนเท่าเดิมยังโอนมาเหมือนเดิม ทว่าอีเมลติดต่อไม่มี แม้เขาจะส่งอีเมลไปถามไถ่แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ นานวันเข้าจดหมายก็ตีกลับเพราะกล่องรับจดหมายปลายทางเต็ม
“อัคคี!”
เสียงของอิสบานรั้งให้อัคคีชำเลืองมองอย่างสงสัย ว่าทำไมถึงเรียกเขาดังขนาดนั้นทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้เอง
“เรียกเสียดัง ทำไมกลัวอิสมาอิล ไม่ได้ยินหรือยังไง” อัคคีประชดเพื่อนนายทหารชาวชาร์มา ด้วยการเอ่ยชื่อ อิสมาอิล บัยตุลมักติส จอมโจรแบ่งแยกดินแดนที่คอยก่อการแถวชายแดนด้านนี้ รัฐบาลชาร์มาจึงกำหนดการฝึกร่วมใกล้ชายแดน เป็นการแสดงแสนยานุภาพข่มขวัญผู้ก่อการร้ายไปในตัว
“พูดเบาแล้วคุณได้ยินไหม นี่ผมถามครั้งที่สามแล้วคุณยังนั่งนิ่งไม่ตอบ ถามจริงคิดถึงสาวๆ ที่เมืองไทยหรือ” ใบหน้าคมเข้มหนวดเคราสั้นๆ ขึ้นเต็มกรอบหน้าของอิสบานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบ่งชัดว่าล้อเลียน รู้เท่าทัน เพราะสนิทสนมกับอัคคี ที่ร่วมฝึกซ้อมแผนการรบด้วยกันมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเมื่อเขาไปราชการที่เมืองไทยก็ได้อัคคีเป็นเจ้าภาพดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี
อัคคีเลือกที่จะไม่พูดพาดพิงคนอยู่เมืองไทย หญิงสาวที่เขาปลงใจและวางแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคตอันใกล้ รอให้เขาเก็บเงินเก็บทองได้มากกว่านี้ พอที่จะให้เธอคนนั้นได้อยู่อย่างสุขสบายในการมาเป็นภรรยาและแม่บ้านให้นายทหารอย่างเขาโดยไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เสียก่อน
“เมื่อกี้คุณถามผมว่ายังไงนะ”
“ผมบอกว่า คืนนี้ไปพักบ้านผมที่ตาจาร์ฮีดีไหม พรุ่งนี้เช้าจะได้เข้าเฝ้าเลย” อิสบานเอ่ยชวนเพราะบ้านเขาอยู่ในตาจาร์ฮีเมืองหลวงที่อยู่ริมทะเลของชาร์มา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังของเจ้าผู้ครองรัฐนัก
“ก็ดีเหมือนกัน ไปเถอะ ช่วยทหารเก็บของ” อัคคีขยับยกเท้าลงจากโต๊ะ เดินออกไปนอกกระโจมเพื่อดูทหารช่วยกันเก็บสัมภาระเมื่อการฝึกสิ้นสุดลงแล้ว
สิ่งของจำนวนมากถูกลำเลียงขึ้นรถบรรทุกลายพรางสีเทาเข้ม ที่จอดเรียงรายนับสิบคัน อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างขนใส่รถ รถถังตีนตะขาบที่ใช้ในการซ้อมรบทำหน้าที่ลำเลียงพลทหารบางส่วนกลับ เช่นเดียวกับรถบรรทุกลายทหารสีเทาเข้ม นายทหารของทั้งสองประเทศขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินล่วงหน้าไปก่อนพร้อมเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนตามเส้นทางที่รถจะวิ่งผ่าน
อัคคีตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง เมื่อพลทหารคนสุดท้ายขึ้นรถแล้ว เขาจึงก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์อีกลำที่ติดเครื่องหมุนใบพัดรออยู่ เพียงไม่กี่อึดใจค่ายทหารชั่วคราวแห่งนี้ก็ว่างเปล่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นทราย เพียงลมทะเลทรายพัดผ่าน หรือพายุโหมกระหน่ำเนินทรายลูกเล็กลูกน้อยก็แปรรูปร่าง จนกลายกลับเป็นสถานที่ไม่คุ้นตา