“อ๊ะ อ๊า....”
เสียงจัสตินร้องขึ้นอย่างรู้สึกปวดหนึบที่หัว ก่อนจะมองไปรอบๆห้องสีขาวที่พอเห็นสายระโยงระยางก็รู้ทันทีว่าเป็นโรงพยาบาล ก่อนเขาจะนึกได้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ร่างใหญ่รีบยกตัวขึ้นก่อนจะเห็นร่างบางที่เขาเป็นห่วงนอนฟุบอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจแล้วกลับไปนอนราบเหมือนเดิมเพราะรู้สึกปวดที่หัว
เขายังจำได้ว่าเขาขับรถมาจากบริษัทจนแทบเรียกว่าเหาะมาเลยก็ว่าได้ ก่อนจะมาเจอรถของหญิงสาวจอดเอาไว้ที่ประตูสองของโครงการ ไม่รีรอเขารีบวิ่งลงจากรถแล้วออกตามหาเธอทันที ก่อนจะเห็นว่าเธอกำลังวิ่งหนีคนกลุ่มใหญ่ ขายาวเร่งก้าวจนกระทั่งมองเห็นว่าไม้ท่อนใหญ่กำลังจะถูกฟาดลงบนร่างเล็ก ด้วยความตกใจร่างใหญ่กระโจนเข้าเพื่อบังอย่างไม่คิดชีวิตก่อนที่ทุกอย่างจะมอดดับไปหลังจากนั้น
“เฮ้อออออ”
ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อมองสำรวจร่างบางที่ยังคงหลับอยู่ แล้วพบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรและมีบาดแผลที่ไหนนอกจากเท้าเล็กที่ดูเปลือยเปล่า
“อื้อออออ”
ไม่นานลลินก็เริ่มรู้สึกตัว ก่อนจะยันตัวขึ้นเพื่อบิดเอาความเหนื่อยล้าออกไปจากร่าง ตากลมหันมามองดูคนเจ็บอย่างรู้สึกเป็นห่วง
“ทำไมยังไม่ตื่นอีก หรือว่าเป็นหนัก”
หญิงสาวพึมพำออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นอิงหน้าผากของชายหนุ่มเพื่อตรวจดูอุณหภูมิของร่างกายเขาเพราะกลัวเขาจะป่วย ก่อนจะพบว่าปกติดี เมื่อเช็คแล้วว่าเขาไม่ได้ป่วย ลลินจึงเดินออกจากห้องพักคนป่วยไปโดยไม่ลืมเดินไปหยิบรองเท้าหนังของเขามาใส่จนจัสตินที่ค่อยๆลืมตาแอบมองถึงกับแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวเพราะรองเท้าที่เธอใส่มันดูใหญ่โตเกินไปจนดูน่าตลก เมื่อลับร่างเล็กไป ชายหนุ่มจึงค่อยๆสำรวจตัวเองพบว่ามีแค่เพียงตรงหัวที่มีบาดแผลนอกนั้นยังปกติดีทุกอย่าง
ไม่นานหญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกที่บ่งบอกยี่ห้อร้านที่เธอพึ่งไปซื้อของมา ก่อนจะวางมันลงแล้วหยิบของใช้ไม่กี่อย่างเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ได้สังเกตว่าจัสตินนอนมองดูอยู่ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาแล้ว
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว...อ่าวคุณ! ฟื้นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
เสียงร้อนรนถามออกมาพร้อมกับรีบเดินเข้าไปหาคนป่วย ตากลมมองสำรวจไปทั่ว ทำเอาคนป่วยถึงกับอดประหม่าไม่ได้เมื่อเธอแทบจะเปิดเสื้อผ้าของเขาออกมาดูอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว หยุดสักที เดี๋ยวได้เป็นเพราะคุณนี่แหละ”
พอได้ยินที่เขาพูดลลินถึงกับชะงักมือทันที ก่อนจะเดินถอยห่างอย่างพึ่งนึกได้ว่าเธอทำอะไรลงไปบ้าง
“ฉันก็แค่...เป็นห่วง ถ้าคุณไม่ได้มาเจ็บแทนฉัน ฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก งั้นเดี๋ยวฉันไปเรียกพยาบาลก่อนนะ”
พูดจบลลินก็เดินออกจากห้องพักฟื้นไปทันที ก่อนที่จะกลับเข้ามาพร้อมพยาบาลและหมอเพื่อตรวจดูอาการของชายหนุ่ม
“ตอนนี้กลับบ้านได้แล้วนะคะ ร่างกายทุกอย่างปกติดี ส่วนแผลหมอจะให้น้ำยาล้างทำความสะอาดกับยาทำแผลไป หรือถ้าไม่สะดวกก็ไปทำแผลที่สถานพยาบาลใกล้บ้านก็ได้นะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
จากนั้นไม่นาน จัสตินก็แต่งตัวเพื่อที่จะออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่ลลินพยายามบอกให้เขาอยู่ต่ออีกสักคืนแต่ชายหนุ่มบอกต้องไปเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งสองเลยตัดสินใจกลับ โดยลลินได้ไปยืมรองเท้าแตะของพยาบาลมาใส่แทนรองเท้าหนังของจัสติน
“ว่ายังไงนะ เจ้าของบริษัทรับเหมาหนีไปพร้อมเงินอย่างนั้นเหรอ”
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลทั้งจัสตินและลลินก็พากันตรงมาที่โครงการทันที ก่อนจะถามถึงปัญหาที่แท้จริงจากผู้จัดการโครงการ และคำตอบที่ได้ทำเอาทั้งสองถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะเมื่อสองอาทิตย์ก่อนผู้รับเหมาพึ่งมาขอเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าไปทางบริษัทเห็นว่าทำงานด้วยกันมานานเลยยอมให้เบิก แต่ไม่นึกว่าจะหายตัวไปอย่างนี้ ทำให้พวกคนงานพากันไม่ได้รับเงินเลยมาประท้วงเอาที่โครงการ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณทำเรื่องขอเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าออกมาอีกก้อนแล้วเอามาจ่ายให้กับพวกคนงานก่อน เดี๋ยวผมเซ็นอนุมัติให้ ส่วนเรื่องการก่อสร้างผมขอเวลาอีกสองวันค่อยดำเนินการก่อสร้างต่อ”
จัสตินบอกออกมาอย่างพยายามยุติปัญหาตรงหน้าก่อน เพราะตอนนี้ปัญหาเรื่องการก่อสร้างมีหลายด้านเขาต้องคอยแก้ไปทีละด้าน
“ส่วนคุณกลับบริษัทไปก่อนก็ได้นะเรื่องแบบเดี๋ยวผมจัดการเอง ถ้ามีอะไรต้องแก้ไขผมจะส่งไปให้ที่โน่น”
เมื่อเคลียร์เรื่องคนงานเสร็จ จัสตินก็หันมาเคลียร์เรื่องลลินต่อ เพราะเขาแท้ๆเธอถึงต้องมาเจอเรื่องอันตรายแบบนี้
“ไม่ค่ะ มันเป็นงานของฉัน ฉันจะจัดการด้วยตัวเอง ส่วนคุณควรกลับเพราะคุณบาดเจ็บไม่ควรทำงานหนัก”
หญิงสาวบอกออกมาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ทำเอาจัสตินถึงกับเอนหลับพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ หญิงสาวไม่เคยคิดจะฟังคำสั่งของเขาเลยจริงๆ เมื่อตกลงกันไม่ได้สรุปแล้วทั้งลลินและจัสตินก็ต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ โดยใช้บ้านตัวอย่างของโครงการเป็นที่พัก เพราะไม่อยากเสียเวลาไปหาที่พักข้างนอกอีก
“คุณแน่ใจนะว่าจะพักที่นี่”
“แน่ใจ”
เมื่อเข้ามาในบ้านทั้งสองก็ไม่วายเริ่มเปิดศึกกันอีก เพราะก่อนหน้านั้นพากันเถียงกันจนพวกพนักงานรีบขอตัวเดินออกจากห้องประชุมแทบไม่ทัน
“คุณนี่มันดื้อจริงๆ”
เขาบ่นออกมาก่อนจะเดินไปหาที่นอนซึ่งบ้านตัวอย่างนั้นถูกจัดตกแต่งให้สวยงามพร้อมอยู่และหลังนี้ก็มีถึงสี่ห้องนอนด้วย พอตกเย็นจัสตินและลลินก็พากันไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในตลาดไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่
“เป็นอะไรคุณ ทำไมดูหน้าซีดๆล่ะ”
พอเดินซื้อของกันจนครบลลินก็สังเกตเห็นหน้าอันซีดเซียวของจัสติน ก่อนจะเผลอยกมือขึ้นจับหน้าผากพบว่าตอนนี้ตัวของเขาร้อนจี๋จนเธอต้องรีบเอามือออก หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอเอาแต่แสดงความเป็นห่วงเขาทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นคงลืมไปแล้วว่าเกลียดเขามากมายขนาดไหน
“คุณ...คุณไม่สบายนี่ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถเอง”
“ไม่...ผมไม่เป็นไร พักนิดนึงเดี๋ยวก็ดีขึ้น เรากลับกันเถอะ”
เสียงบอกขึ้นอย่างหมดแรงของจัสตินทำเอาลลินรีบเอากุญแจรถมาจากมือเขาก่อนจะเดินกันไปที่รถ ไม่นานก็มาถึงบ้านพักโดยระหว่างทางหญิงสาวได้แวะซื้อยามาให้เขาด้วย
“คุณออกไปเถอะ ผมต้องการพักผ่อน”
จัสตินบอกออกมาเมื่อตอนนี้ความรู้สึกปวดหนึบกำลังเล่นงานจนเขาแทบอยากหลับลงเสียให้รู้แล้วรู้รอด ลลินเมื่อป้อนยาล้างแผลให้เขาแล้วเธอก็เดินออกจากห้องพักของชายหนุ่มมาทั้งที่ในใจยังคงเป็นห่วงเพราะรู้ว่าที่เขาไข้ขึ้นคงเป็นผลพวงมาจากแผลบนหัวแน่นอน