chapter 4
“ทำไมละ...จะว่าไปตอนที่พี่โทรมาบอกเต็ม เขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะดูแลเราหรอกนะ บอกกับพี่ว่า ผู้หญิงเรื่องมาก จู้จี้จุกจิก ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ให้มาพักด้วยก็รังแต่จะเป็นภาระเขาเท่านั้นแหละ” การันต์เอ่ยเย้าน้ำเสียงรื่นรมย์ บอกให้รู้ว่าเปรมมิกาเองก็ไม่เป็นที่ปรารถนาของคนที่จะไปหาเช่นกัน
“พี่คิดไม่ถึง ยิ่งไม่เชื่อด้วยว่าเราจะกลัวเต็มถึงขนาดนี้” ชายหนุ่มเสริมทายไปอีกนิด อย่างรู้จุดอ่อนคนเป็นน้องดีว่า ไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย การัตน์เหลือบตามองหน้าน้องสาว รอยยิ้มแต้มที่มุมหนึ่งของปากหนา เมื่อเห็นประกายในดวงตาที่มันวามวาวและใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อขึ้นทันควัน
“อะไรนะคะ!” เปรมมิกาแผดเสียงสูงลิ่ว หันหน้ามาประจันกับพี่ชายแบบเต็ม ๆ “อีตาไม่เต็มสิบพูดแบบนั้นจริง ๆ หรือคะ” หญิงสาวเปลี่ยนชื่อของคนที่ถูกกล่าวถึงจากเต็มสิบเป็น...ไม่เต็มสิบที่เพราะและเหมาะสมกับอีกฝ่ายที่สุดแล้วล่ะ
“อือ...” การันต์พยักหน้ารับ สองมือประคองพวงมาลัยรถหลบหลุมขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของถนน “หรือว่าเราจะกลับกันเลยก็ดีนะ พี่ชักจะเห็นด้วยกับเราแล้วละ อยู่ด้วยกันไม่รู้จะถึงวันไหม เปรมกับเต็มคงได้ปะทะคารมจนสวนป่าปาล์มของพี่แตกแน่เลย แล้วเกิดเต็มทนปากเราไม่ไหว เผลอลงไม้ลงมือบีบคอเราจนตาย พี่ก็หาน้องสาวน่ารักๆ แบบนี้ไม่ได้อีกนะสิ”
“ไม่ค่ะ...” เปรมมิกาปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้านวลเชิดขึ้นสูงอย่างถือดี สองแขนเรียวยาวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก
“เปรมจะอยู่ที่นั่น แล้วก็จะทำให้ไอ้โอเลี้ยงปากเสียนั่นรู้ด้วย เปรมมีดีกว่าที่เห็น” เปรมมิกาพูดอย่างเข่นเขี้ยว นัยน์ตาเป็นประกายเกรี้ยวกราด จนไม่ทันฉุกใจว่าเธอกระโดดลงไปในหลุมที่พี่ชายขุดล่อเอาไว้อย่างเต็ม ๆ เลย
“ถ้าไม่อยากพักก็ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ เต็มเองก็คิดเอาไว้แล้วละ เป็นตายยังไงเปรมก็คงจะขอร้องให้พี่เปลี่ยนใจ ส่งเปรมไปพักที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่ที่นี่” การันต์ซ้ำไปอีกชุดพร้อมแอบกลั้นหัวเราะเอาไว้ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับเมื่อเห็นท่าทางตั้งมั่นไม่ยอมแพ้ของน้องสาว
“ไม่...เปรมจะพักกับนายโอเลี้ยงปากเสียนั่น แล้วพี่ใหญ่ก็หยุดพูดไปเลยนะ” เปรมมิกาห้ามพี่ชายเสียงแข็ง นัยน์ตาเป็นประกายมุ่งมั่น มาดหมาย เธอจะต้องทำให้ไอ้บ้าไม่เต็มสิบนั่นรู้ ดูถูกเธอเหรอ เดี๋ยวได้เจอดีแน่ไอ้ไม่เต็มบาด เธอจะปั่นป่วนอยู่ไม่เป็นสุขไปทั้งสวนป่าปาล์มเลย!
“วันนี้ไม่ไปไหนหรือลูกผิง” บัลลังก์ทักอย่างแปลกใจ ด้วยวัน ๆ มัญชิษฐาไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย เขาออกไปแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่ตื่น ตกกลางคืนก็ไม่รู้ว่าใครจะกลับเข้าบ้านก่อนใคร ด้วยตัวเขาเองถ้าไม่ไปเล่นกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนฝูง ก็แวะเวียนไปหาพวกน้อยๆ ที่เลี้ยงไว้ดูเล่นประดับบารมีและอวดความเก่งว่ายังมีไฟในเรื่องพวกนี้อยู่
“แล้วนี่ใครทำอะไรให้โกรธอีกละ ไหนนางคนไหนทำให้ลูกสาวพ่อไม่สบายใจบอกมา ชักกำแหงใหญ่แล้วนะนางพวกนี้ เดี๋ยวพ่อไล่ออกให้หมดทุกคนเลย” คนเป็นพ่อเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นลูกสาวคนสวยนั่งหน้าตาบูดบึ้ง นัยน์ตาเข้มจัดอันเนื่องมาจากการการตกแต่งจนดูเกินงามไปมีท่าทางขุ่นขวาง
แม้จะเห็นแบบนั้นแทนที่บัลลังก์จะทรุดตัวลงนั่งใกล้กับบุตรสาว ชายวัยกลางคนแต่ยังรักษาสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีและคงความสง่างามสมวัยกลับทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้ามแทน ด้วยไม่อยากให้เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ยับย่น ไหนจะกลิ่นน้ำหอมที่ลูกสาวใช้อีกละ ติดตามตัวไปแม่หนู ๆ ของเขาก็กระเง้ากระงอดไม่พอใจอีกนะซิ เขาอยากได้ความบันเทิงเริงใจ ไม่ใช่ต้องคอยงอนง้อเอาอกเอาใจ พร้อมเสียเงินมากมาเกินความจำเป็น เงินทองต้องแลกมาให้ได้ซึ่งความต้องการนะ ใช่อยู่... แต่ถ้ามากมายเกินไป มันก็ไม่คุ้มค่าจะเสีย
ใบหน้าขาวนวลหงิกงอมากยิ่งขึ้น นัยน์ตาเข้มขุ่นเหลือบขึ้นเล็กน้อย พร้อมกลีบปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดเบะออก เพลิงโทสะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เมื่อบิดานอกจากจะไม่ใส่ใจแล้วยังใช้อำนาจบาดใหญ่ จะไล่ใครออกก็ได้ เห็นเงินเป็นพระเจ้า อะไร ๆ เงินก็ซื้อได้หมด
“ตามใจพ่อซิคะ หนูมันก็แค่คนอาศัย ไม่มีปากมีเสียงอะไรอยู่แล้วนี่น่า” มัญชิษฐาพูดจาประชดประชัน ไหล่กว้างเลิกขึ้นอย่างไม่คิดจะสนใจ ใครจะอยู่ใครจะไปก็ช่างหัวซิ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อยนี่น่า อย่ามาเจ๋อมายุ่งกับเธอแล้วกัน แม่ไล่ตะเพิดไม่ทันก็แล้วกัน!
“ไม่ใช่คนในบ้าน แล้วเป็นใครกันนะที่ทำให้ลูกสาวพ่อไม่สบายใจ ถ้าพ่อจัดการได้ พ่อจะรีบจัดการให้ทันทีเลย”
มัญชิษฐาเบะปาก “พ่อว่างหรือคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงประชดประชัน แรกเมื่อยังมีแม่อยู่ พ่อก็ดูดำดูดีเธอบ้าง แต่นับตั้งแต่ผู้เป็นแม่เซ็นใบหย่าและเก็บกระเป๋าออกจากบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ได้ และอีกส่วนเพราะได้เจอกับผู้ชายคนใหม่ ไปมีครอบครัวกับผู้ชายที่แสนจะอบอุ่นและเอาอกเอาใจกับผู้ชายคนใหม่ยังต่างประเทศ พ่อก็ไม่เคยหันมาดูดำดูดีเธอเลย สิ่งที่หยิบยื่นให้เห็นจะมีเพียงแค่เงินเท่านั้น
“ทำไมถามแบบนี้ละ หนูก็รู้ พ่อทำงานหนักเพื่อใคร เพื่อทำให้หนูสบายนะ” เกือบจะหลุดชื่ออีกคนออกไปจากปาก แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้วเป็นสิบปี ทว่าเขากลับยังคงมีความรู้สึกรักและห่วงใยคนที่เป็นแม่ของลูกอยู่เสมอ
“แปลกนะคะ เพราะหนูคิดว่าพ่อทำทุกอย่างเพื่อตัวพ่อเอง เพื่อชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในสังคม” เคยเชื่อ...เชื่อในคำพูดของบิดา ทว่าตอนนี้โตพอที่จะรู้แล้วว่า พ่อเห็นเธอเป็นเพียงแค่ไม้ประดับบ้าน ที่สามารถใช้หน้าตาอันสะสวยโดดเด่นช่วยทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ดีเท่านั้นเอง สายใยระหว่างพ่อกับลูกดูจะมีเพียงแค่น้อยนิด แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน แต่กลับเหมือนคนแปลกหน้าที่ต้องมาเจอกันตามงานเลี้ยงหรูๆ คุยกันประเดี๋ยวประด๋าวก็แยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง
บัลลังก์ยกมือขึ้นโบก เมื่อลูกสาวทำปฏิกิริยางอดแงดใส่ ไหนจะน้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างระเบิดเวลาที่ถูกจุดชนวนเอาไว้รอเวลาระเบิด “ตกลงว่าใครที่ทำให้ลูกสาวพ่อไม่สบายใจ”
“พ่อไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวหนูก็จัดการได้แล้วล่ะ” เรื่องยุ่งยากมาก็หนีไปเที่ยวสักอาทิตย์สองอาทิตย์ อาจจะเลยไปเยี่ยมแม่ด้วยก็ได้ เป็นปีแล้วที่เธอได้แต่คุยกับท่านทางโทรศัพท์ แต่...เมื่อคิดว่าจะแวะไปหาแม่ เธอก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ครอบครัวใหม่ของแม่อบอุ่นเหลือเกิน น้อง ๆ ของเธอก็น่ารักอยู่นะ แต่คนเป็นพ่อเลี้ยงกลับชอบมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ เห็นแล้วไม่ถึงกับขยะแขยง แต่ก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ไม่รู้ซิ อาจจะไม่อะไรก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ แต่มีอะไรก็บอกนะ พ่อจะได้จัดการให้” บัลลังก์ก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือแล้วก็รีบลุกขึ้น “เกือบได้เวลานัดแล้ว พ่อไปก่อนนะ หนูก็เหมือนกัน อย่าเที่ยวให้มันดึกมากนัก เป็นผู้หญิงไปไหนดึกดื่นคนเดียวบ่อย ๆ มันอันตราย ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”