ตอนที่ 2

1453 Words
chapter 2 คิดถึงญาติของพ่อแล้วก็เซ็งจับจิต ตอนแรกที่ฟื้นมาแล้วเห็นพ่ออยู่ใกล้ ๆ เธอดีใจแทบตาย แต่ก็เบะหน้าออกแทบไม่ทัน เมื่อกวาดสายตามองไปทั่วห้องแล้วพบกับสายตารังเกียจเหยียดหยามจากบรรดาญาติของพ่อที่เฮโลขนพากันมาเป็นขบวน..ไม่ใช่มาเยี่ยมหรอกนะ แต่มาดูว่าเธอตายหรือยังมากกว่า ถ้าไม่ตายก็จะกระทืบซ้ำด้วยคำพูดถากถางซ้ำแบบ...ให้ตายไปเลยยิ่งดี เพราะตัวหารในทรัพย์สมบัติของพ่อจะได้น้อยลง ไม่รู้แต่ละคนจะงกและอยากมีอยากได้อะไรนักหนา ตัวเองก็รวยจนไม่รู้เอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว ตายไปก็ไม่เห็นจะมีใครเอาอะไรไปได้สักคน นอกเสียจากความดีความชั่วที่จะเหลืออยู่ให้คนข้างหลังได้รู้ ดีก็เอ่ยชม แต่ถ้าชั่วก็ช่วยกันประจานเท่านั้นเอง “เปล่านะคะพี่ใหญ่ สวย ๆ อย่างเปรมเนี่ยนะ อกหัก ค่า...ยอมรับก็ได้ว่าอกมันเดาะนิดหน่อย” ยิ้มแหย ๆ พยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ เมื่อเจอกับสายตาจ้องจับผิดจุดประกายสีแดงเพลิงวาววาบขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป จะว่าไป...วันนี้พี่ชายเธอมามาดโหด น่ากลัวชะมัดเลย “เอาน่าพี่ใหญ่ อกเดาะมันก็เรื่องธรรมดาจะตายไป ถึงจะเจ็บแปลบในใจก็...แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่กี่วันเปรมก็ทำใจได้แล้วละ ไม่บ้ากินเหล้าเมามาย คิดสั้นพาตัวเองไปวัดถนนตายหรอกค่ะ ชีวิตเปรมยังมีค่า ยังมีคนที่รักเปรมและเปรมก็รักเขา ต้องอยู่ดูแลเขา” เปรมมิกาอธิบายเสียยืดยาวเพื่อให้พี่ชายรู้ว่าเธอพูดจริง แม้ในอกจะเจ็บปวดรวดร้าวจนหัวใจแทบจะขาดรอน แต่เธอยังไม่บ้าพอที่จะเอาชีวิตทั้งชีวิตทุ่มลงไปเพราะอกหักจากผู้ชายห่วย ๆ ไม่จริงใจคนหนึ่งหรอกนะ แต่เมื่อถูกตอกย้ำให้หวนคิดย้อนหลังไป ในหัวใจก็ยังเจ็บปวดเหมือนเดิม แล้วในวันนั้นวันที่ถูกบอกเลิก ใช่! มันเจ็บปวดจนสุดแสนจะทน หัวใจเหมือนกับถูกกรีดออกเป็นริ้ว ๆ จากน้ำมือคนที่คบกันมานานหลายปี คนที่บอกว่ารักเธอสุดหัวใจ ไม่มีอะไรจะแยกระหว่างเธอและเขาได้อีก แต่เขากลับบอกเลิกเธอได้หน้าตายและง่ายดายเหลือเกิน ราวกับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่ออดีต ไม่เคยมีความหมายใด ๆ เลยสักนิด “ทำไมคะ ฉันไม่ดีตรงไหน?” ตอนนั้นเธอเอ่ยถามเสียงแหบพร่า น้ำตาไหลออกจากดวงตายังแทบจะไม่รู้สึกเลย ทั้งร่างหนาวเหน็บราวกับได้ลงไปยืนแช่อยู่ในลำธารน้ำแข็งเสียครึ่งตัว โอบแขนเรียวรัดรอบกายที่สั่นสะท้าน มองหน้าคนบอกเลิกด้วยแววตาอันเจ็บปวด ขณะขบกัดกลีบปากสั่นระสักจนฮ้อเลือด อยากรู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ทำไมเขาถึงได้บอกเลิกสั้น ๆ และง่ายดายมาก ทำราวกับไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน “เปล่าเลย เปรมไม่ได้ทำผิดตรงไหน แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มยื่นมือมาจับมือเล็กเรียวเอา แต่ก็เหมือนกับว่าเขาไม่ได้แตะต้องเธอเลยสักนิด ความเหินห่างมาจากไหนก็ไม่รู้ มากมายเหลือคนณานับ รอบกายแม้จะมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา แต่ก็เหมือนมีเพียงแค่เขานั่งอยู่เพียงลำพังกับเงาของคนที่เขาบอกว่ารักสุดหัวใจ “เพราะ...?” เปรมมิกาดึงมือออกช้า ๆ “เอ่อคือว่า...” คนบอกเลิกท่าทางกระอึกกระอัก มือเรียวสวยราวกับแท่งลำเทียนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือของผู้ชายยกขึ้นลูบไล้ต้นคอ เมินหน้าหลบหนีดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า ชายหนุ่มสูดลมหายใจอัดเข้าปอดเรียกความกล้า เขาเองใช่ว่าอยากจะเลิกกับเปรมมิกาเสียหน่อย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของเขา เป็นคนคอยให้กำลังใจยามเหนื่อยล้า ฉุดให้ลุกขึ้นสู้จนทำในสิ่งที่ไม่ค่อยชอบจนสำเร็จ แต่เพราะคำสั่งแกมขอร้องด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแม่...ตอนนี้ครอบครัวถึงคราววิกฤติแล้ว เขาจำเป็นต้องเลือกครอบครัวและฐานะอันมีหน้ามีตาในสังคม การแต่งงานกับใครสักคน เธอคนนั้นจะต้องสิ่งเสริมให้ฐานะเขาเป็นปึกแผ่น เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมได้โดยไม่เดือดร้อน “ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดี คุณดี แล้วก็ดีมากด้วย แต่ผมมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เปรมเข้าใจผมนะที่รัก ผมรักคุณจริง ๆ นะเปรม แต่ผมจำเป็นต้องทำตามความต้องการของแม่ ครอบครัวผมกำลังเดือดร้อน แล้วผู้หญิงคนนั้นและครอบครัวเขาช่วยพวกเราได้” ทินภัทรพูดอย่างตะกุกตะกักเล็ก กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองกับสายตาเศร้าสร้อย ตัดพ้อต่อว่า ทำเอาเขาเจ็บแปลบจนอึดอัดหายใจไม่ออก ยื่นมือไปคว้ากายบอบบาง แต่หญิงสาวกลับเบี่ยงร่างหนีและผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ไปยืนอยู่ไกล ๆ “ถ้าคุณไม่ว่า เราไม่เลิกกันก็ได้นะเปรม ขอแค่คุณอดทนไปสักหน่อย หลังจากผมเคลียร์ทุกอย่างลงตัวแล้ว” ใช่...เรื่องอะไรเขาจะต้องเลิกกับเปรมมิกาละ สู้เก็บหญิงสาวไว้ข้างตัว เป็นบ้านน้อยรอคอยเขามาหา ส่งส่วยตักตวงอย่างอิ่มหนำสำราญใจ แล้วค่อยกลับไปบ้านใหญ่ กับผู้หญิงที่พยายามยกตัวเองข่มเขาให้กลายเป็นหมาคอยเดินตามก้นนายอย่างพวกผู้หญิงที่แม่เลือกนะ เขาเลือกเก็บเปรมมิกา แต่ก็จะไม่ยอมทิ้งบ่อเงินบ่อทอง ฐานะและความมั่นคงในสังคมเป็นแน่ ทินภัทรยิ้มกริ่มเมื่อคิดได้ว่าควรจะทำเช่นไรดี “ผมรักคุณนะเปรม” ชายหนุ่มเอ่ยขณะลุกจากที่นั่งเดินไปหาเปรมมิกา และแม้ว่าเธอจะขัดขืนเพียงใด แต่สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาจนได้ “เราไม่ต้องเลิกกันก็ได้นะเปรม ผมจะหาบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังไว้อยู่ด้วยกัน เวลาเลิกงานผมก็จะแวะมาหาคุณ ทำอะไรกันตามประสาผัวเมีย ก่อนที่ผมจะต้องกลับไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญูตอบแทนพระคุณแม่ด้วยการทำตามคำขอของท่าน” ความเห็นแก่ตัวทำให้ทินภัทรเอ่ยออกไปแบบนั้น โดยไม่รู้ว่าคนที่ได้ยินกลับรู้สึกรังเกียจและสะอิดสะเอียน จนถึงกับถามตัวเองในใจว่าหลงรักผู้ชายคนนี้มาได้ยังไงตั้งนานสองนาน มีอะไรบังตาให้เห็นผิดเป็นชอบไปได้ถึงเพียงนี้ อยากตบอีกฝ่ายให้หน้าหัน ก็กลัวจะว่าจะเอามือไปเปรอะเปื้อนกับสิ่งโสโครก คงทำได้เพียงแค่ปลดแขนใหญ่ออกจากร่างและถอยไปยืนห่างๆ เท่านั้น “พี่ใหญ่ถามเหมือนกับไม่รู้นิสัยเปรมอย่างนั้นแหละ” เปรมมิกาสลัดเรื่องราวความหลังอันเป็นความจำที่เธอเก็บบรรจุกล่องล็อคกุญแจแบบปิดตาย ด้วยการโยนลูกกุญแจทิ้งไปข้างทางตอนมืด ๆ และเลือกที่จะลืมเลือนมันให้หมดสิ้น แรก ๆ เธอก็เจ็บอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ความเจ็บคลายลงไปมากโขแล้ว และเมื่อมองย้อนกลับไป ไม่อยากจะว่าตัวเองนะ แต่...เธอโง่จริง ๆ ที่มองผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี เหมาะที่จะร่วมสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้กัน โง่ที่หลงคบผู้ชายไม่จริงใจมาได้ตั้งนาน “อือ เพราะรู้นะซิ เลยได้ถาม” แม้ตอนแรกเขาจะเป็นคนปกป้องให้หญิงสาวได้เกิดมาดูโลก แต่ใช่ว่าเขาจะชอบน้องสาวคนนี้มากนัก ทว่าความรับผิดชอบบวกกับความน่ารักสนใสช่างออดอ้อน ทำให้ป้อมปราการแข็งแกร่งที่สร้างไว้ปริแตก หลงเอ็นดูและรักในตัวน้องสาวคนนี้มากจนกลายเป็นเงาติดตามตัว ความใกล้ชิดและล่วงรู้ถึงนิสัยของอีกฝ่าย ทำให้เขาเชื่อด้วยความมั่นอกมั่นใจ ไม่ว่าอย่างไรเปรมมิกาก็จะไม่ทำอย่างข่าวในหนังสือพิมพ์และอินเตอร์เน็ตแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD