เรียวนิ้วแตะลงตรงริมฝีปากที่ถูกโฉบฉวย ด้วยคนขี้แกล้ง จนหญิงสาวมีพวงแก้มแดงระเรื่องเขินอาย
"ไหนบอกมีเรื่องจะคุย" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายคือการพูดคุย แต่ไหนล่ะสิ่งที่ชายหนุ่มบอก "พี่ไอ! ไหนบอกมีเรื่องจะคุยไง พี่ไอ!" สาวตัวเล็กตะโกนตามหลัง "รอดาวด้วย!" และวิ่งขวักไขว่ไล่ตามแผ่นหลังหนาที่มองเห็น ชายตัวโตหันกลับมามองเป็นนัยๆ อย่างสงสัย ตามเสียงเรียกที่ทำให้เขานั้นมีรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้มองเธอ
"วิ่งทำไม?" ชายตัวใหญ่เอ่ยถามทันทีที่เธอนั้นวิ่งตามจนทัน
"พี่ไอ ดาวเหนื่อย แฮ่ก ๆ" หญิงสาวโก่งตัวสองมือค้ำหัวเข่าพ่นแรงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
"เหนื่อย แล้ววิ่งทำไม ขายิ่งสั้น ๆ" ชายตัวโตเอ่ยแซว
"ไม่เถียง...เหนื่อย ไปละ" เมื่ออาการเหนื่อยหอบเริ่มทุเลาดาวจึงบอกกล่าวแล้วเดินนำหน้าออกมา
"เด็กน้อยเอ๊ย!" ชายตัวใหญ่เอ่ยสบถด้วยรอยยิ้ม และรีบจ้ำขาเดินตามหลังมายีหัวของหญิงสาวจนฟู่ฟ่องอย่างเอ็นดู
"ผมเสียทรงหมดพี่ไอ" หญิงสาวต่อว่าก่อนจะสางผมจัดทรงให้เข้าที่ดังเดิม
"ดาว...คุณนายเรียกไปพบนะ" เมื่อหญิงสาวเดินมาจะถึงโต๊ะทำงานประจำ น้ำจึงบอกกล่าวให้รับรู้ และผู้ชายตัวใหญ่ที่เดินตามหลังมาก็ฉงนสงสัย ทำไมเพื่อนสนิทถึงต้องเรียกดาวไปพบ...มีเรื่องอะไรกัน ?
"ตอนนี้เหรอ ?" หญิงสาวย้อนถาม
"จ๊ะ" น้ำตอบรับก่อนจะสนใจงานตรงหน้าต่อ
“มีอะไรเหรอ” ไอที่เดินตามหลังมาเอ่ยถามเมื่อเห็นดาวเดินสวนออกไป
“พี่นายบอกให้ไปหา” ดาวบอกกล่าว
“ทำไม” ชายตัวใหญ่แสดงสีหน้าและใช้น้ำเสียงถามห้วน ๆ
“ดาวก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปละ” ดาวบอกให้รับรู้และรีบเดินจากไป
“อืม” แม้จะสงสัยในการที่เพื่อนสนิทเรียกหาหญิงสาวที่แอบรักเหมือนกัน แต่ในเวลาแบบนี้คงไม่มีอะไรมากนอกจากเรื่องงานในบริษัท เมื่อสลัดความออกจึงนั่งลงโต๊ะทำงานประจำและตั้งหน้าทำงานต่อ “ไอ้นายเรียกทำไมนะ” แม้จะพยายามไม่คิดมากแต่คนขี้หวงและอารมณ์ร้อนแบบไอก็อดไม่ได้ที่จะคิดอยู่ดี แม้ว่าจะยังไม่สิทธิ์ที่จะคิดฝันแบบนั้นก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เมื่อหยุดยืนตรงประตูหนาทึบหน้าห้องของชายที่เรียกพบ มารยาทที่มีจึงยกมือเคาะประตูอย่างขออนุญาต
“ดาวมาพอดี” เสียงนุ่มนวลของนายบอกกล่าว ในห้องทำงานที่ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวแต่กลับมีถึงสามคนที่ดาวนั้นคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะคุณนาย” ดาวยกมือไหว้อย่างดูเป็นทางการ เมื่อการที่ไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังแค่คนสนิททำให้การพูดจานั้นต้องปรับเปลี่ยนไป
“นั่งสิ”
“ค่ะ” คำตอบรับจากหญิงสาวตัวเล็กพร้อมการมองหน้านายผู้ชายที่แสนอบอุ่นอย่างงุนงงและสายตาของการถามคำถามอย่างสงสัย ว่านี่มันคืออะไรกัน ? หญิงสาวสองคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา สองมือประสานกันบนหน้าตัก “ทำไม?”
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ” นายเอ่ยสวนขึ้นเมื่อดาวนั้นสงสัยในสิ่งตรงหน้า “พวกคุณสองคนก็อายุมากแล้วและวุฒิภาวะก็น่าจะมีมากพอ”
สองคนที่นายหมายถึงคือนุชและแพนหญิงสาวที่เคยมีเรื่องกับดาวเมื่อหลายวันก่อนในห้องน้ำหญิง....จนหญิงสาวที่เสมือนน้องสาวได้รับบาดเจ็บ แม้เขาจะไม่ถามให้มากความในครั้งก่อนแต่ก็ใช่ว่าเขาจะนิ่งเฉย ๆ หรือละเลยไป เขาต้องการจัดการกับคนที่ทำให้เธอนั้นได้รับบาดเจ็บ และลึก ๆ ในใจแล้วคำว่าน้องสาวที่เอามาแอบอ้างเพื่อให้ได้ใกล้ชิด สิ่งที่คิดในใจมันมากกว่าคำว่าน้องสาว
...แอร์ในห้องที่แสนจะเย็นฉ่ำ หรือที่พนักงานทั่วไปเรียกว่าห้องเย็น หญิงสาวสองคนนั่งก้มหน้าไม่มองสบตา ใบหน้าซีดเผือดเมื่อหากใครที่ได้เข้ามาพบกับนายในห้องนี้นั้นคือต้องมีปัญหาเท่านั้น และน้อยนักที่ใครจะได้เข้ามาหากไม่เป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการจริง ๆ
“คุณนาย ดาวว่า.....” เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของสองคนที่เป็นรุ่นพี่ มีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดี ดูหวาดกลัว ดาวจึงเอ่ยสวนขึ้นอย่างนึกเห็นใจ
“ผมยังไม่ได้บอกให้คุณพูด” และนายก็พูดเสียงเข้มอย่างออกคำสั่ง ว่าเขายังไม่ได้อนุญาตให้ใครปริปากพูดทั้งนั้น
“ค่ะ” ดาวถึงกับหุบปากแทบไม่ทันเมื่อนายคนที่คุ้นเคยตอนนี้กำลังสวมบทโหด
“พวกคุณรู้ใช่ไหมว่าการทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน มันบ่งบอกถึงพื้นเพและนิสัยของพวกคุณ พวกคุณไม่ได้ให้เกียรติต่อสถานที่สักนิด” นายร่ายยาวเสียงเข้ม
((ค่ะ)) หญิงทั้งสามตอบรับพร้อมกันเสียงละห้อย
“คุณแพน คุณนุช” นายเอ่ยเรียกพร้อมสายตาที่มองไปยังสองคนนั้น
“คะ?” นุชผู้ที่อาวุโสสุดตอบรับ
“พวกคุณสองคนก็ไม่ใช่เด็ก ๆ ทำไมถึงผลีผลามใช้กำลังแบบนั้น”
“นุชเปล่านะคะ”
“อย่างนั้นเหรอ?” นายพูดขึ้นพร้อมกับเลื่อนหน้าจอโน้ตบุ๊กหันไปทางหญิงสาวทั้งสามคน ภาพที่ตรงหน้าคือภาพของการทะเลาะตบตีของผู้หญิง ที่เผยให้เห็นใบหน้าชัดเจนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงปฏิเสธได้ พร้อมกับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ “อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมขอเตือนพวกคุณทั้งสามคน”
((ค่ะ)) หญิงสาวทั้งหมดตอบรับพร้อมกัน
“และคุณสองคนควรขอโทษคุณดาว” นายเอ่ยบอกเสียงเรียบ พร้อมกับการนั่งเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ เสี้ยวสายตามองมาที่ดาวพร้อมรอยยิ้มอ่อนที่หากใครไม่สังเกตคงไม่ทันเห็น แต่ดาวเห็นพร้อมกะพริบตาข้างเดียวใส่อย่างยียวนแต่แอบน่ารัก มันคือการส่งสัญญาณขอบคุณในแบบฉบับของดาวหากอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
“........................” ทั้งสองคนยังคงเงียบ
“ไม่เป็นไรค่ะ” และดาวก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเธอขอโทษอะไร ไม่อยากเซ้าซี้เรื่องมาก เพราะจากกิริยาตอนนี้พวกเธอไม่ได้อยากทำ และดาวก็ไม่ชอบบังคับใจใคร หากจะทำก็ควรทำด้วยใจจริงและสำนึกเอง
“งั้นคุณสองคนก็ไปทำงานได้ครับ” นายบอกกล่าวอย่างจำยอมเมื่อดาวบอกแบบนั้นไป เพราะเขาไม่อยากบังคับใครเหมือนกัน
สองสาวลุกจากเก้าอี้ และจังหวะที่เลื่อนชิดเก้าอี้ยังส่งสายตาไม่พอใจมองมาที่ดาวก่อนจะเดินจากไปทันที
“พี่นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” ดาวสวนทันทีเมื่อสองคนนั้นเดินออกจากห้องไป
“แล้วไง ? แค่ทำในสิ่งที่ควร” นายแย้งขึ้น
“ดาวไม่อยากมีปัญหากับใคร”
“ดาวไม่ได้เริ่มก่อนนี่” นายยังคงสวนกลับทันควัน
“มันก็ใช่พี่ แต่แค่นี้คนก็หมั่นไส้ดาวจะแย่แล้ว”
“ทำไม?”
“เพราะพี่และเพื่อนพี่แหละ ทำให้ดาวโดนหมั่นไส้ เพราะมีผู้ชายที่หน้าตาดีมาก...........ถึงสองคนขนาบข้างทุกเย็น” ดาวพูดลากเสียงยาวพร้อมกรอกตามองบน
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างนั้นเหรอ” จนคนที่ได้มองท่าทางของเธอนั้นอดที่จะขบขันไม่ได้ “ไปทำงานได้แล้วไป เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปส่ง”
“เอ่อ...ไม่ต้องค่ะดาวมีนัดกับพี่น้ำและจอยแล้ว ดาวลืมบอกก่อนขอโทษด้วยนะคะ” เมื่อประโยคหลังที่ได้ยินทำให้ดาวนั้นต้องนึกถึงคำสั่งที่แสนจะเอาแต่ใจของอีกคน จนต้องหาทางหนีทีไล่ด้วยการป้ายสีใส่โกหกว่ามีนัดที่อื่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ชวนไอ้ไอไปดื่มดีกว่า”
“โอเคค่ะ...ดาวไปทำงานก่อนนะ” เมื่อประโยคบอกกล่าวที่ได้ยินทำให้เธอนั้นใจโล่ง และเธอคงจะลำบากใจหากต้องปฏิเสธใคร และคนใดคนหนึ่งก็ต้องทำหน้าละห้อยเสียใจ และมันก็ทำให้เธอไม่ชอบสถานการณ์ที่กดดันแบบนั้น และก็รู้ดีว่าที่ทั้งสองคนทำนั้นเพื่ออะไร แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อผู้หญิงมีตำหนิเช่นเธอ ยังไม่อยากเปิดใจรับใครเข้ามาสานต่อ...
...ไม่อยากเจ็บซ้ำ!...
“ไปไหนก็ไป ไป๊”
“ชิ! มีไล่ด้วย!?”
“หยอก”
ชายหนุ่มส่งยิ้มก่อนที่หญิงสาวตัวเล็กจะเดินออกไป แม้จะพยายามเข้าหาแค่ไหนแต่เธอก็ยังปิดกั้น แม้คำพูดสุดท้ายในวันที่เธอเสียใจปากพร่ำบอกว่าเธอนั้นเหมือนน้องสาว ทำไมเวลาเจอหน้ามันอยากเป็นมากกว่าพี่ชาย ตำแหน่งที่ตนเป็นคนมอบมันให้กับเธอ....