“ทั้งสองคนปะ กลับบ้านกัน เร็ว ๆ” ดาวเมื่อได้โอกาสที่จะหลีกหนี จึงรีบปรี่คล้องแขนเพื่อนสาวทั้งสองคนทันที เมื่อชายตัวใหญ่ที่นั่งตรงข้ามลุกออกไปจากโต๊ะทำงาน
“เดี๋ยว ๆ อะไรกันน้องดาว” น้ำร้องทักเพราะไม่ทันตั้งหลัก
“นั่นสิพี่ดาวอะไรเนี้ยะ” จอยก็เช่นกัน ทั้งสองยังงง ๆ กับการกระทำของดาวที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จอยบ่นอยากไปผับใช่ไหม? ไปสิไปวันนี้เลยพี่เลี้ยงเอง เคนะ” ดาวบอกอย่างรน ๆ เพราะกลัวอีกคนที่เดินออกไป จะกลับเข้ามาทันในเวลาที่เธอยังยืนอยู่ เธอจะต้องได้กลับบ้านคู่กับเขาแน่ ๆ และไม่แค่นั้นหากอีกคนเห็นเข้า เขาต้องเสียใจอีกตามเคย
“เดี๋ยวพี่ นี่มันอะไร” จอยยังคงสงสัยไม่เลิก
“ก็ไม่อะไร พรุ่งนี้ก็หยุดแล้ว ไปปาร์ตี้ปลดปล่อยกัน” ดาวยั้งแรงในการดึงแขนสองสาว พร้อมกล่าวบอกด้วยเหตุผลลวง ๆ ที่แอบแฝง
“แปลก ๆ” จอยจ้องหน้ามองอย่างจับพิรุธ
“มีพิรุธ” น้ำเพื่อนรุ่นพี่ก็เช่นกัน
“เปล๊า!!” ดาวตอบปฏิเสธทันควัน ด้วยน้ำเสียงที่สูงลิบลิ่ว
“เสียงค่อนข้างสูง พุ่งทะยานหนักมาก” จอยพูดแขวะอย่างจับผิด เมื่อมองยังไงดาวก็ต้องมีอะไรแอบแฝงเป็นแน่
“นั่นสิจอย พี่ว่าต้องมีอะไร” น้ำเสริมทัพ
“ไม่มีจริง ๆ ไปดีกว่านะ ปะๆ” และในที่สุดดาวก็ลากสองสาวออกมาจากจุดนั้นได้สมดั่งใจ กว่าที่ไอจะมาเธอกับเพื่อนก็หายหน้าไปจากตรงนั้น และเธอก็ไม่ต้องลำบากใจกับสถานการณ์ที่แสนจะกดดัน หากเพื่อนสนิทที่คบกันมานานต้องมาผิดใจกันเพราะเธอ
...เสียงเพลงที่บรรเลงอย่างครึกครื้นพร้อมแสงสีของไฟ ที่ไม่ค่อยจะสว่างไสวสักเท่าไหร่ สามสาวต่างวัยที่เดินดุ่มเข้ามา ต้องชะงักขาหยุดนิ่งกับสิ่งตรงหน้า เพราะว่าสถานที่แบบนี้พวกเธอไม่เคยมา มีเพียงแค่บ่นว่าอยากมาเท่านั้นเพื่อให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง
“พี่ว่าเราเปลี่ยนไปร้านลาบด้านหน้าแทนดีไหมจอย” น้ำหญิงที่มีวัยวุฒิที่มากสุดเอ่ยขึ้น
“นั่นดิจอย เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมวะ พี่ตาลายฉิบหายเลย” ดาวที่เป็นคนเอ่ยปากเสนอชวนเพื่อน กลับเริ่มไม่ค่อยชอบกับสถานที่แบบนี้ เมื่อได้สัมผัสกับมันจริง ๆ “มันน่ามาตรงไหนวะเนี้ยที่แบบนี้ เสียงก็ดัง”
“แต่พี่ดาวเป็นคนชวนนะ” จอยย้ำเตือน
“มันก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะน่ารำคาญแบบนี้นี่หว่า คนก็เยอะ” ดาวบอกในสิ่งที่ตนคิด และสถานที่คนแน่นพลุกพล่านแบบนี้เธอก็ไม่ค่อยชอบเพราะดูวุ่นวาย
“ไม่เอามาแล้วต้องเข้า จะได้ไม่เสียเที่ยว” จอยพยายามลากแขนเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองอย่างบังคับ เพราะสถานที่แปลกใหม่วัยรุ่นที่ไหนก็อยากเข้าไปลองไปดูให้รู้ แต่คนที่รักสงบแบบดาวไม่เคยชอบสักนิด และที่พูดบอกไปเมื่อเย็นก็เพราะนึกอะไรไม่ออกในการหลอกล่อเพื่อนเท่านั้น
“จอย ไม่อาว กูไม่ไป พี่น้ำ ๆ ....เอ้า! จอยพี่น้ำวิ่งไปโน่นแล้ว” ไม่รู้ว่าอีกคนเดินหนีตอนไหน จนเมื่อดาวร้องออกไปอย่างต้องการความช่วยเหลือจึงได้รับรู้ ว่าอีกคนนั้นไม่อยู่เสียแล้ว
“โอ๊ย คนแก่สองคนอะไรวะเนี้ย” จอยสบถคำพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะวิ่งออกไปตามเพื่อนอีกคนโดยไม่ได้สนใจดาวสักนิด
“อ้าว แล้วกูล่ะ ทิ้งกูไม่ได้นะ รอด้วย!” ดาวรีบวิ่งตามหลังไป แต่ไอ้รองเท้าส้นสูงเจ้าปัญหาก็ทำให้การวิ่งสับขานั้นยากลำบากเหลือแสน “โอ๊ย รองเท้าบ้า จะทิ้งกูก็ซื้อแพง เสียดายวุ้ย” ดาวที่ยังคงวุ่นกับรองเท้าจนไม่ได้มองว่าเพื่อนสาวทั้งสองไปทางไหน “หายไปไหนแล้วล่ะ...โอ๊ยชีวิตอิดาว” ความกังวลใจและกลัวเริ่มกอบกินเมื่อการมาสถานที่แบบนี้ครั้งแรก แถมยังไม่ได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งกลับต้องมาตกตะลึงกังวลเพราะโดนทิ้งขว้าง เครื่องมือสื่อสารที่ติดตัวนี่แหละคือสิ่งที่จะช่วยเรียกเพื่อนกับมารับ “รับสายสิวะ” เมื่อโทรอยู่นานการไร้การตอบรับสาย ดาวก็เริ่มกังวลใจเมื่อสถานที่อโคจรแบบนี้เริ่มดูน่ากลัวในสายตาเธอเข้าทุกที “โอ๊ะ!! อะไรอีกวะเนี้ย” ด้วยความร้อนรนใจในการติดต่อหาเพื่อนจนไม่ทันระวัง ขาจึงสะดุดกับของแข็งบางอย่างจนล้มพับก้นกระแทกกับพื้น
((คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า))
เสียงหนึ่งเอ่ยถามดังขึ้นดาวที่นั่งก้มหน้า ขาพับกับพื้นต้องเงยหน้ามอง และก็ต้องตกใจเบิกตาโตเมื่อคนตรงหน้านั้นคือคนที่แสนจะคุ้นเคย
((“พี่นาย! / ดาว”))
“งื้อพี่นาย ช่วยดาวด้วย” เมื่อเห็นคนที่คุ้นเคย หญิงสาวจึงโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างลืมตัว เพราะความกลัวที่มีตอนนี้มันทำให้ลืมคิดไป “ดาวถูกทิ้ง”
“ดาวมาทำอะไรที่นี่” นายเอ่ยถามขึ้นอย่างฉงนใจ สงสัยในการมาสถานที่อโคจรของดาว มือหนาก็ลูบปลอบเบา ๆ ให้คลายความกลัว
“ดาวพาจอยกับพี่น้ำมา แต่ว่าพลัดหลงกัน” ดาวละออกจากอ้อมอกนั้นและเอ่ยบอก “ดาวกลัวแทบแย่ พี่นายดาวอยากกลับบ้านอ่ะ”
“ไหน ๆ ก็มาแล้วเข้าไปดูไหม” นายเอ่ยชวน
“..................” ดาวเงียบและกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
“ปะ ลุกก่อน” นายพยุงดาวให้ลุกยืน “แล้วแต่งตัวบ้าอะไรเนี้ย” เมื่อได้เห็นเต็มสองตากับการใส่เสื้อผ้าที่แปลกไปในอีกมุมที่เขาไม่เคยจะได้เห็น ความไม่ค่อยพอใจจึงได้เอ่ยออกไปแบบนั้น
“สวยใช่ไหมล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นที่แสนจะขัดตาคนมอง แต่อีกคนที่ใส่กลับชอบใจเพราะนานทีจะได้มีโอกาสใส่มัน
“สวยบ้าสวยบอ สั้นก็สั้น ไม่มียังอยากจะโชว์” นายจับมือเล็กเดินนำเข้าด้านใน พร้อมปากพร่อย ๆ ที่สบถออกไป
“นั่นปากเหรอพี่นาย” คนที่เดินตามหลังก็ทำหน้างอ เมื่อไม่ได้รับคำชมจากปากชายตัวโต
"ก็ปากสิ...ทำไมอยากลองจูบหรือไง?" นายหยุดเดินแล้วหันหน้ามาพูดกับดาว ที่ทำเอาชะงักขาหยุดแทบไม่ทันเกือบชนเข้ากับอกแกร่งนั้น
"บ้าเหรอ!" และอดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือเล็กลงแขนแกร่ง ไม่ใช่ว่าโกรธแต่เธอกำลังเขินข้างใน แค่ไม่แสดงความอายออกมาทางสีหน้าเท่านั้น
“ฮ่าฮ่า ทำหน้าตลกเชียว ไป ๆ รีบเดิน"
"เชอะ! ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้ง"
“เดี๋ยวหลง” เหตุผลของคนตัวโตเอ่ยบอก และตีมึนเดินนำหน้าต่อไปจนถึงที่หมาย
"นั่งรอก่อน เดี๋ยวสักพักไอ้ไอก็มา” เมื่อถึงโต๊ะที่ทำการจับจองไว้ นายจึงบอกถึงบุคคลที่สาม
"พี่ไอ ?" ดาวเอ่ยอย่างเป็นคำถาม
"อืม เห็นบอกว่าจะมากับเพื่อนอีกคน" นายบอกกล่าวให้สาวเจ้ารับรู้
"ดาวกลับได้ไหมอะ" เมื่อราตรีนี้ไม่ได้มีแค่คนสนิท ความเคอะเขินจึงทำให้ดาวนั้นเริ่มประหม่าและไม่กล้าจะอยู่ต่อ
"จะกลับยังไงถูกเพื่อนทิ้งไม่ใช่เหรอ?" นายย้ำเตือนจนทำเอาคนฟังนั้นแทบสะเทือนใจ
"โหปาก มันแค่หลงค่ะ เดี๋ยวดาวนั่งแท็กซี่กลับ"
"ไม่ได้! เป็นห่วง” (แค่ห่วงห่าง ๆ ในฐานะอะไรก็ยอม=พูดได้เพียงในใจเท่านั้น) เสียงหนักสั่งห้ามพร้อมคำท้ายที่บอกห่วงใย จนทำให้ดาวนั้นต้องมองหน้า และสายตาสองคู่ก็สบจ้องมองกัน อีกคนจ้องอย่างเป็นคำถาม แต่อีกคนตรงข้ามจ้องมองอย่างสื่อความหมายเป็นนัย ๆ
“................” คำพูดทิ้งท้ายที่ทำเอาดาวถึงกับเงียบกับประโยคหลังที่นายเอ่ย
“มันอันตราย” นายรีบขยายความให้ชัดเจนถึงแม้จะไม่ชัดแจ้งแก่ใจก็ตาม
“ก็ได้” ดาวรีบตอบรับเมื่ออ่อนไหวต่อสายตาที่มองมา สายตาที่อ่อนโยนและแสดงถึงความห่วงใย
“นั่นไง ไอ้ไอมาพอดี” นายที่สายตามองเห็นเพื่อนสนิทที่เดินมา พร้อมกับอีกคนที่เคียงข้าง เงาเลือนลางที่ไม่ชัดเจนด้วยความสว่างของดวงไฟที่ไม่เพียงพอ
“มานานแล้วเหรอวะ” ไอถามทันทีแม้จะยังไม่ได้หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้
“สักพักแล้วล่ะ” นายตอบกลับ
“นี่พราว” ไอแนะนำคนที่ควงมา แต่กลับไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครนั่งข้างนาย หรือว่าจำไม่ได้เพราะความมืดสลัวในสถานที่แห่งนี้มันกลบสายตา
“สวัสดีครับ” เป็นนายที่เอ่ยทักทายก่อน
“ค่ะ” พราวที่นั่งเคียงข้างไอตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“พราวดื่มอะไรดี” ไอเอ่ยถาม
“เหมือนเดิมนะ” พราวตอบกลับอย่างคนคุ้นเคย พร้อมกับซบหัวลงอิงกับไหล่หนาของไอและเขาก็ไม่ได้ผลักไสออกแต่อย่างใด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของอีกคนอย่างชัดเจน
“มีเด็กมาด้วยเหรอมึง ร้ายว่ะ” ไอแซวเมื่อมองเห็นคนที่นั่งข้าง
“ไอ้ไอ” นายเอ่ยเรียก พร้อมส่งสัญญาณทางสายตาให้รับรู้ถึงคนที่นั่งข้าง ๆ แต่ไอกลับเดาทางของเพื่อนไม่ออก
“พี่นายดาวไปห้องน้ำแป๊บนะ” ดาวบอกให้รับรู้กับการที่จะออกไปจากตรงนี้เพราะการที่อยู่แบบนี้เหมือนไร้ตัวตน (“ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะดาว”) จนต้องย้ำเตือนตัวเองในใจและขอตัวหลีกห่างออกมาด้วยการบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ
“พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” นายเอ่ยถาม ส่วนเพื่อนที่นั่งตรงข้ามนั้นได้แต่นิ่งงันตะลึงตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่นั่งข้างกับนายจะคือหญิงที่ตัวเองมีใจ ใครจะคิดว่าใช่เธอ เพราะเธอไม่เคยมาในสถานที่แบบนี้เท่าไหร่
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่บอกทางก็พอเดี๋ยวดาวไปเอง” ดาวส่งยิ้มอ่อนเพื่อไม่ให้คนที่เสนอตัวไปเป็นเพื่อนนั้นห่วง ไม่อยากจะเป็นภาระให้ใคร
“ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายห้องน้ำอยู่ทางขวามือ”
“ค่ะ” ดาวส่งยิ้มให้นายก่อนจะเดินมุ่งตรงไปทางห้องน้ำ ตามที่นายบอกกล่าว