บทที่ 6 ความเหมาะสม
“พี่ต้องขอโทษแทนหนูนิดด้วยนะแพร เธอยังเด็กและเธอก็รักพี่สาวมาก คงไม่รู้ว่าเราสนิทกันมากจนก้าวข้ามคำว่าชู้สาวแบบที่หลายๆ คนคิดไปแล้ว” รามเอ่ยขึ้นเมื่อถึงห้องทำงาน
มือเล็กที่กำลังเรียบเรียงเอกสารเข้าที่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มขยับต่อ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ราม แพรเข้าใจความรู้สึกของเธอค่ะ” เธอตอบโดยไม่ละสายตาไปจากงาน “ว่าแต่คุณนิดจะกลับออสเตรเลียเมื่อไหร่เหรอคะ” และถามต่อเหมือนถามเรื่อยเปื่อย แต่จริงๆ แล้วอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด
“ไม่มีกำหนด แต่ก็คงอีกนาน เพราะหนูนิดเขาอยากจะอยู่เลี้ยงน้องกายไปก่อน”
คำตอบที่ได้รับสร้างความไม่พอใจให้หญิงสาวยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือการพยักหน้าน้อยๆ และแสร้งทำเป็นเห็นด้วย
“ก็ดีนะคะ แต่สาวๆ สวยๆ แบบคุณนิดจะทนอยู่กับเด็กเล็กได้นานแค่ไหนก็ไม่ทราบนะคะ”
“ก็แล้วแต่เขา พี่ไม่ว่าอะไรหรอก หนูนิดเขาตั้งใจมาเรียนต่อโทที่นี่ก็เพื่อจะได้มีเวลาอยู่ดูแลหลานไปด้วย”
ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงต้องหาทางเข้ามาใกล้ชิดเขาให้มากกว่าเดิม เธอจะไม่ปล่อยให้หญิงสาวคนนั้นมาใกล้ชิดกับเขาเหมือนพี่สาวหล่อนอีก
“พี่รามคะ แพรรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมคะ” เริ่มหาอุบายมาหลอกเขา
“อะไรเหรอ”
“คือบ้านแพรกำลังซ่อมแซมชุดใหญ่ อีกประมาณสองอาทิตย์ถึงเสร็จ ถ้าไม่รบกวนพี่รามจนเกินไป แพรขอมาอาศัยอยู่ชั่วคราวได้ไหมคะ”
“ได้สิ พรุ่งนี้พี่จะบอกให้ป้าศรีให้เตรียมห้องให้นะ”
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะพี่ราม ความจริงแพรไม่อยากรบกวนพี่รามเลยค่ะ แต่ยิ่งซ่อมก็ยิ่งบานปลาย พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจรีโนเวตทั้งหลังเลย”
“แล้วคุณน้าทั้งสองจะไปพักอยู่ที่ไหนล่ะ มาอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้นะ”
“พ่อกับแม่กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดค่ะ ถือโอกาสกลับไปดูแลสวนยางด้วยเลย” เธอรวบรวมเอกสารใส่แฟ้มยื่นให้เขาแล้วหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่า “เสร็จงานแล้วแพรขอตัวกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” เมื่อสมดั่งใจหวังแล้วก็ไม่คิดจะอยู่ต่อให้เสียเวลา เพราะต้องกลับไปเตรียมเก็บเสื้อผ้าเพื่อย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
บ้านพิทักษ์ทรัพย์
“เมื่อคืนไปกินข้าวที่บ้านพี่รามมาเหรอลูก” มารดาถามลูกชายคนเล็กที่เดินเข้ามาหอมแก้ม
“ครับคุณแม่ คุณพ่อไปไหนเหรอครับ”
“วันนี้พ่อเขามีนัดออกรอบกับเพื่อนๆ ที่ประจวบ ก็เลยออกไปหลังกินมื้อเช้าเสร็จ”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่ไปด้วยล่ะครับ”
“แม่มีประชุมที่สมาคม ก็เลยปล่อยให้พ่อเขาไปคนเดียว”
“ไม่กลัวคุณพ่อพาอีหนูไปเหรอครับ” ราชแกล้งเย้ามารดา
“ไม่หรอกจ้ะ ลูกก็รู้ว่าพ่อเขานิสัยยังไง” ยุพาตอบอย่างมั่นใจในตัวสามีที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าสี่สิบปี “เล่าให้แม่ฟังบ้างซิว่า พี่รามของลูกเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”
“ก็ปกตินะครับ แต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน”
“ก็เมียตายทั้งคนนี่นะ แม่สงสารพี่รามเขาจริงๆ นะลูก”
“ให้เวลาพี่เขาสักหน่อยนะครับ”
“แล้วหลานล่ะลูกเป็นอย่างไรบ้าง แม่คิดว่าวันนี้หลังจากประชุมเสร็จจะแวะไปเยี่ยมหลานสักหน่อย”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ หลานมีหนูนิดคอยดูแลอย่างดี”
“หนูนิดยังไม่กลับออสเตรเลียอีกเหรอลูก” นางแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าน้องสาวของลูกสะใภ้ยังอยู่ที่บ้านของลูกชายคนโต
“ทำไมคุณแม่ต้องทำท่าแปลกใจอย่างนั้นด้วยครับ หรือว่าคุณแม่ไม่ชอบหนูนิด” ราชถามจริงจัง
“แม่จะไปรังเกียจเขาเรื่องอะไรล่ะลูก หนูนิดเขาก็น่ารักดีออก แม่แค่แปลกใจเท่านั้นเอง”
“แล้วระหว่างหนูนิดกับคุณแพรแม่ชอบใครมากกว่ากัน”
“ทำไมมาถามแม่แบบนี้ล่ะราช” ยุพาแปลกใจหนักจนต้องชักสีหน้า
“ก็ผมอยากรู้ความคิดของคุณแม่”
“แม่ก็ชอบทั้งคู่นั่นแหละ หนูนิดก็น่ารัก หนูแพรก็น่ารัก นิสัยเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีทั้งคู่”
“ถ้าให้เลือกได้คนเดียวคุณแม่จะเลือกใครครับ”
“ตอบยากจัง หนูแพรก็ดีนะ แม่รู้จักกับหนูแพรมานานกว่า แม่คิดว่าแม่รู้จักนิสัยเธอดีกว่าหนูนิดเยอะนะ”
“ต่างกับผมนะครับ ผมว่าหนูนิดเธอดูจริงใจกว่าคุณแพร ดูไม่สร้างภาพดีครับ ส่วนคุณแพรเธอดีเกินไปจนเหมือนฝืน” แล้วยังเรื่องข่าวคาวที่ได้ยินเข้าหูที่บริษัทอีก ถ้าเขาพูดออกไปมารดาจะรู้สึกอย่างไรนะ
“คิดมากน่าราช ถ้าหนูแพรเธอสร้างภาพอย่างที่ลูกว่า ป่านนี้ที่บริษัทคงมีข่าวในแง่ลบของเธอกับรามให้เราได้ยินบ้างแล้ว”
“ผมก็แค่คิดไปเรื่อยเปื่อยแหละครับคุณแม่”
“ในเมื่อลูกพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว แม่ก็ขอปรึกษาลูกเลยละกัน เพราะปรึกษาคุณพ่อแล้วไม่ได้เรื่อง”
“เรื่องอะไรเหรอครับคุณแม่”
“เรื่องพี่รามกับหลานนั่นแหละ”
“พี่รามทำไมเหรอครับ”
“ลูกมีความคิดเห็นอย่างไรถ้าแม่จะหาแม่เลี้ยงให้น้องกาย”
“ทำไมคุณแม่ต้องหาด้วยล่ะครับ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่รามไม่ดีกว่าเหรอครับ” ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด แต่เขาก็พูดกับมารดาอย่างใจเย็น
“แม่ไม่อยากรอให้ตากายโตจนรู้ความ อยากให้พี่ชายเราแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนเพื่อมาทำหน้าที่แม่ให้ตากาย” นางไม่อยากให้หลานรับรู้ว่าเป็นเด็กกำพร้า อยากให้เขาโตมาอย่างครอบครัวอบอุ่น ที่มีพร้อมทั้งบิดาและมารดามากกว่า
“ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณแม่เรื่องหลานนะครับ แต่เรื่องจะหาพี่สะใภ้คนใหม่นี่ผมไม่เห็นด้วยสักนิด และผมก็มั่นใจว่าพี่รามคิดไม่ต่างจากผมเหมือนกัน”
“แต่ถ้าเป็นหนูแพร พี่เขาอาจจะยอมก็ได้นะ”
“คุณแม่!” ราชอุทานด้วยความตกใจกับความคิดของมารดา เพราะไม่คิดเลยว่าท่านจะนึกถึงพินแพร “ถ้าพี่รามมองคุณแพรเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พี่รามก็คงไม่แต่งงานกับพี่แก้วหรอกครับ ผมว่าคุณแม่ควรจะคิดเรื่องนี้ใหม่นะครับ”
“ไม่รู้แหละ แม่ว่าหนูแพรนี่แหละที่เหมาะสมจะเป็นแม่ของตากาย ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเธอแล้ว”
“ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ผมคิดว่าหนูนิดเหมาะสมกว่าคุณแพรอีกครับ เพราะหนูนิดเป็นน้าแท้ๆ ของตากาย ส่วนคุณแพรเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ความรักความผูกพันที่มีต่อตากายผมว่าหนูนิดมีให้เต็มร้อยกว่านะครับคุณแม่” ในเมื่อท่านดื้อดึง เขาก็จะเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้กับหลานเหมือนกัน
“แต่หนูนิดยังเด็ก ความรักความเอาใจใส่จะไปเหมือนหนูแพรได้อย่างไรตาราช”
“เรื่องแบบนี้ไม่ได้วัดกันที่อายุหรอกนะครับคุณแม่”
“แม่ว่าหนูนิดเขาไม่เหมาะสมกับตารามหรอก หนูแพรสิเหมาะสมกว่า อายุอานามก็ใกล้เคียงกัน น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า”
“สรุปว่าคุณแม่จะหาแม่ให้หลาน หรือจะหาเมียให้ลูกกันแน่ครับ ผมชักสับสนกับคุณแม่แล้วนะ”
“ตาราช” มารดาใช้น้ำเสียงปรามลูกชายแล้วค้อนใส่อย่างมีแง่งอน
“ก็ผมสงสัยนี่ครับ ตอนแรกบอกว่าไม่อยากให้หลานกำพร้าแม่ แต่คุยไปคุยมาแล้วทำไมลงเอยที่ความเหมาะสมกับพี่รามล่ะครับ”