บทที่ 11 หยั่งเชิง
รามเปิดประตูห้องทำงานแล้วให้หญิงสาวเดินนำเข้าไปก่อน “หนูนิดรอพี่อยู่ในนี้ก่อนนะ พี่ขอตัวไปประชุมก่อนเพราะใกล้ถึงเวลาแล้ว”
“นิดขอใช้คอมได้ไหมคะพี่ราม”
“ได้เลย พี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ โชคดีค่ะ” เธอโบกมือลาแล้วนั่งลงที่โซฟา หยิบโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อนเพื่อสอบถามเรื่องรับปริญญาและเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ได้ใช้คอมอย่างที่ขอกับเขาไว้
ก๊อกๆๆ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะให้สัญญาณก่อนจะเปิดออก หญิงสาวหันไปมองแล้วคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะทำหน้างง เธอบอกวางสายกับเพื่อนแล้วยกมือสวัสดีอีกฝ่าย
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ ทำไมเร็วจัง”
“เขาประชุมฝ่ายบุคคลเท่านั้นจ้ะ ไม่ใช่ฝ่ายส่งออก”
“แต่พี่รามบอกนิดว่าพี่ราชเข้าประชุมด้วยนี่คะ”
“พี่รามพูดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
“จริงค่ะ ก็ตอนแรกนิดจะให้พี่ราชแวะไปรับที่บ้านเพราะเห็นพี่รามเขามีประชุม แต่พี่รามบอกว่าพี่ราชก็ต้องเข้าประชุมด้วยเหมือนกัน ให้นิดมาพร้อมกับเขาเลยทีเดียว”
ราชคลี่ยิ้มกว้าง เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจว่าทำไมพี่ชายถึงพูดแบบนั้น “พี่รามเขาคงกลัวพี่มาทำงานสายมั้ง แล้วหนูนิดมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“นิดจะไปหาที่เรียนต่อปริญญาโทค่ะ”
“อ๋อ พี่ก็เรียนอยู่เหมือนกันนะ แต่พี่เรียนปริญญาเอก เพิ่งสมัครไปเอง แล้วหนูนิดได้ที่เรียนหรือยังล่ะ”
“ยังค่ะ แต่ก็มีเลือกไว้บ้างแล้ว”
“ก็ลองไปดูก่อนนะ ถ้าไม่ถูกใจเราค่อยมาคุยกัน”
“ค่ะ หนูนิดสนใจที่นี่เพราะคุณแม่บอกว่าที่นี่หลักสูตรดี เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ นิดก็เลยอยากลองไปดูที่นี่ก่อนค่ะ”
“ดีจ้ะ แล้วหนูนิดจะเรียนภาคปกติหรือว่าภาคพิเศษล่ะ”
“ตั้งใจว่าจะเรียนภาคพิเศษนะคะ”
“ไม่ดีหรอกหนูนิด เรียนภาคปกติเถอะเชื่อพี่” ถ้าเธอเลือกเรียนภาคพิเศษ เธอกับพี่ชายของเขาก็คงจะห่างเหินกันไปอีกเพราะวันหยุดไม่ตรงกัน แล้วความหวังของมารดาก็อาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้
“ทำไมเหรอคะพี่ราช”
“พี่คิดว่าวันเสาร์อาทิตย์เป็นวันของครอบครัวนะ แต่ถ้าหนูนิดไม่กลัวว่าคนอื่นจะมาทำหน้าที่แทนพี่แก้ว หนูนิดจะเรียนภาคพิเศษก็ได้ ก็แล้วแต่หนูนิดนะ”
“ตกลงค่ะ นิดจะเรียนภาคปกติ ขอบคุณนะคะที่เตือนสตินิด ไม่งั้นนิดพลาดแน่ๆ”
ราชคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน รู้สึกภูมิใจตัวเองนิดๆ ที่ฉลาดหลอกล่อให้เธอคล้อยตามได้สำเร็จ
พวกเขาทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องเรียนกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจเวลาที่ผ่านไปมากกว่าครึ่งชั่วโมง
ขณะนั้นเองประตูห้องทำงานก็เปิดออกอีกครั้ง และคนที่เข้ามาก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นคนอื่นอยู่ในห้องอีกคน
“ทำไมไม่เข้าประชุมนายราช” รามทำทีเป็นตำหนิน้องชายหน้าตาเฉย
“ผมต้องเข้าด้วยเหรอพี่ราม ไม่เห็นมีใครแจ้งนี่”
“ทำไมต้องมีใครแจ้งด้วย ในเมื่อพี่เคยบอกนายแล้วว่าให้เข้าร่วมประชุมทุกครั้งในฐานะน้องชายของพี่”
ราชอ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว ครั้งนี้ไม่ใช่ประชุมผู้ถือหุ้นนะ มันแค่ประชุมฝ่ายบุคคลเองไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาต้องเข้าร่วมด้วยล่ะ
“นายคงไม่เข้าใจความหมายที่พี่เคยพูดกับนายสินะ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ให้เข้าร่วมด้วยทุกครั้งก็แล้วกัน”
“ครับพี่ราม”
“มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ไปทำงานได้แล้ว”
“......” ราชงงเป็นรอบที่สอง เขามองไปที่หญิงสาวแล้วยักไหล่น้อยๆ “ครับพี่ราม พี่ไปก่อนนะหนูนิด แล้วค่อยโทรคุยกันนะ”
“ค่ะพี่ราช บายค่ะ” เธอโบกมือลาเขา
“หนูนิดสนิทกับราชมากเหรอ” รามรอจนน้องชายออกไปจากห้องแล้วจึงถามหญิงสาว เขาหรืออุตส่าห์รีบประชุมเพราะไม่อยากให้เธอคอยนาน แต่ก็ต้องเสียความรู้สึกเมื่อกลับมาเห็นแบบนี้
“สนิทค่ะ พี่ราชเป็นเพื่อนคนเดียวของนิดนี่คะ”
“แล้วทำไมไม่ให้ราชพาไปดูที่เรียนล่ะ”
“นิดอยากไปกับพี่รามมากกว่านี่คะ” ถ้าเธอไปกับราช ก็ไม่ได้ยั่วพินแพรน่ะสิ
รามเหลียวมองหญิงสาวด้วยสายตาเคลือบแคลง สงสัยว่าที่เธอพูดนั้นแค่ต้องการเอาใจหรือว่าเป็นเรื่องจริง
“จริงๆ นะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวได้แล้ว เราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ”
“ค่ะ” เธอตอบรับอย่างร่าเริง แล้วหยิบกระเป๋าเป้แฟชั่นแบรนด์ดังขึ้นสะพายหลังทันที ไม่นานทั้งสองก็เดินเคียงคู่กันออกไปจากห้อง ผ่านหน้าพินแพรที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะทำงานพอดี
รามหยุดยืนที่หน้าโต๊ะของเธอ แล้วบอกกับเธอว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก วันนี้ให้เลื่อนนัดลูกค้าไปก่อน
“แต่แพรเพิ่งรับนัดคุณปนัดดาไปเองค่ะพี่ราม วันนี้ตอนบ่ายสามโมง”
“โทรไปเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้แทนก็แล้วกัน”
“แต่ว่า..” พินแพรทำหน้าลำบากใจ เพราะในบรรดาลูกค้าของบริษัท แม่หม้ายทรงเครื่องวัยสี่สิบนามว่าปนัดดาคนนั้นเดาใจยากที่สุด และอารมณ์ร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่โทรไปบอกคุณนัดเธอเอง”
“แพรว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่าค่ะ” เธอยิ้มออกเมื่อได้ยินดังนั้น “แล้วพี่รามจะไปไหนเหรอคะ เผื่อคนในบริษัทถามแพรได้ตอบถูก”
ได้คืบจะเอาศอกจริงนะหล่อน สิริญ่าคิดในใจก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง และตอบแทนพี่เขยของตน
“นิดชวนพี่รามไปดูที่เรียนแถวคลองจั่น เสร็จแล้วจะเลยไปทำธุระแถวๆ ถนนโพธิ์แก้วด้วย ตอบไปตามนี้ก็แล้วกันนะคะคุณแพร”
“คุณนิดจะมาเรียนต่อที่เมืองไทยเหรอคะ”
“ค่ะ ทำไมคุณแพรทำหน้าแปลกๆ อย่างนั้นล่ะ” ไม่เก็บอาการเลยนะหล่อน
“ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ แต่การเรียนที่ออสเตรเลียน่าจะดีกว่าที่ไทยมาก แพรก็เลยแปลกใจที่คุณนิดเลือกเรียนที่ไทยก็เท่านั้น” ถ้าเธอตัดสินใจเลือกที่เรียนแบบนี้ แสดงว่าเธอจะอยู่ที่นี่ไปอีกอย่างน้อยๆ ก็สองถึงสามปีเลยสิ แบบนี้โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับรามก็ยิ่งยากไปอีกล่ะสิ
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่เท่าที่นิดรู้ที่นี่สอนดีพอๆ กับมหาวิทยาลัยที่เมืองนอกเลยค่ะ นิดจึงตัดสินใจจะไปดูเป็นที่แรก ขอบคุณคุณแพรมากนะคะที่เป็นห่วง นิดไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเลยไปทำธุระแถวโพธิ์แก้วไม่ทัน” เธอรู้สึกขัดเคืองใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายตกใจผิดเรื่อง จึงเน้นย้ำอีกครั้งเผื่อเธอไม่ได้ยิน
“ค่ะ” พินแพรตอบรับพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ เครียดจนไม่อยากได้ยินเรื่องอะไรจากปากสวยๆ ของสิริญ่าอีก
“นิดไปก่อนนะคะ” เธอก็รู้สึกหงุดหงิดไม่ต่างกัน ที่ไม่สามารถยั่วอารมณ์อีกฝ่ายได้สำเร็จ
“หนูนิดจะไปที่ไหนก่อน” รามถามหญิงสาวเมื่อนั่งอยู่ในรถด้วยกัน
“ไปหาที่เรียนก่อนดีกว่าค่ะ”