ตอนที่1
เวลาเที่ยงภายในโรงงานผลิตอาหารกระป๋องส่งออกต่างประเทศลำดับต้นของเมืองไทย ยังมีบุคคลบางกลุ่มนั่งประชุมกันอย่างเคร่งเครียด แม้ท้องจะร้องแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เมื่อไรคุณปริมจะด่าจบซะทีวะ แม่ งโคตรหิวข้าวเลย” หนึ่งในผู้นั่งร่วมประชุมกระซิบกระซาบกับเพื่อนที่นั่งติดกัน
“กูก็โคตรหิว เมื่อเช้าตื่นสายไม่ได้แดกข้าวมาด้วย ผู้จัดการแม่งก็ได้แต่ครับ ครับ ไม่ตัดจบซะที” คู่สนทนาบ่นไม่ต่างกัน
คุณปริม หรือ ปริมา ผู้จัดการฝ่ายขาย จบปริญญาโทจากต่างประเทศ อายุสามสิบเศษ ใบหน้าสวยเฉี่ยว กรีดตาคบกริบ ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเบอร์กันดี ผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนใหญ่ เพิ่มความเซ็กซี่ให้เธอเข้าไปอีก แม้จะสวยจนเหลียวหลัง แต่ก็ไม่มีใครอยากถูกเธอเรียกสักเท่าไรนัก ด้วยความที่เธอทำงานจริงจัง เห็นผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง ดังนั้น หากใครทำงานผิดพลาด เธอจะไม่ปล่อยไว้ กระทั่งผู้จัดการฝ่ายผลิตคนเก่าก็ถูกเธอปลดออกจนเป็นที่กล่าวขาน
นั่นยิ่งทำให้ข่าวลือที่ว่ากันว่า ปริมาคือเด็กในสังกัดของท่านประธาน ซึ่งแม้แต่ภรรยาตีทะเบียนของท่านยังไม่กล้าแตะต้อง เริ่มเข้าเค้ามากขึ้น แล้วเหล่าพนักงานจะมีใครกล้าบังอาจกับผู้จัดการฝ่ายขายคนนี้ได้อีก
และที่ต้องมานั่งประชุมอยู่ถึง ณ ตอนนี้ก็ด้วยเหตุว่า ลูกค้าต่างประเทศคอมเพลนสินค้าล็อตล่าสุดที่ส่งไปถึง
“ดิฉันหวังว่าจะไม่มีเหตุผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก หากมีอีกครั้ง ดิฉันจะรายงานให้ท่านประธานทราบ” เพียงแค่บอกว่าจะรายงานให้ท่านประธานทราบ ทำเอาแต่ละคนขนลุกซู่ นั่นหมายถึงว่า ไม่คนใดก็คนหนึ่งอาจได้หางานใหม่ และงานที่ไม่หนักมาก เงินเดือนดี โบนัสอิ่ม จะมีใครบ้างอยากให้หลุดมือไป
“มีใครมีคำถามอีกไหมคะ” แล้วคำถามที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ก็มาถึง เพราะนั่นหมายถึงว่า เวลากินข้าวจะมาถึงแล้ว สายตาผู้ร่วมประชุมทุกคนกวาดมองกันเอง โดยมีนัยส่งไปด้วยคือ ‘ถ้ามึงถามขึ้นมาเมื่อไร ออกไปกูเอาตายแน่’ และก็เป็นดังคาด ไม่มีใครมีคำถามอะไร จึงได้เวลาแยกย้ายไปพัก
เสียงพนักงานระดับหัวหน้าที่เข้าร่วมประชุมค่อย ๆ ทยอยเดินออกพร้อมกับเสียงบ่นเจื้อยแจ้วลอยเข้ากระทบโสตประสาทเธอ ทว่าปริมาหาได้สนใจไม่ รอจนทุกคนเดินออกไปหมดห้อง เธอจึงเริ่มเดินสำรวจไลน์ผลิตที่บัดนี้ไม่เหลือเงาพนักงานแม้สักคนเดียว เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยตามแบบฉบับเพอร์เฟ็กชันนิสต์
หญิงสาวเดินสำรวจไปรอบบริเวณ ผ่านเครื่องจักรนับสิบเครื่องที่หยุดพักไปพร้อมกับพนักงาน แต่แล้วก็มีเสียงบางอย่างดังแว่วเข้ามา เธอจึงก้าวขาช้า ๆ ไปตามต้นเสียง มือเรียวบางค่อย ๆ ผลักบานประตูห้องเก็บสินค้าตัวอย่างที่ไม่ได้มีกลอนหรือลูกบิดเข้าไป ภายในห้องนั้นไม่ได้กว้างนัก ไฟทุกดวงถูกปิดหมดแล้ว มีเพียงแสงสลัวจากช่องกระจกด้านบนเท่านั้น ทว่านั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นภาพภายในห้อง
“อืม อ้า ลึกอีกนิด” ชายหนุ่มยืนพิงผนังหันหน้าออกมาทางประตู หลับตาพริ้ม ครางเสียงกระเส่าออกมา มือสองข้างจับอยู่ที่ศีรษะหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าหันหน้าเข้ากลางกายของร่างที่ยืนอยู่ขยับโยกเข้าโยกออก
“พอแล้ว” เขาดันศีรษะออกจากหว่างขา ล้วงกระเป๋ากางเกงที่ถูกปลดกระดุม ขอบเอวกางเกงค้างอยู่ที่สะโพก หยิบซองสีเงินออกมาฉีกแล้วรูดอุปกรณ์ป้องกันสวมเข้าที่แก่นกาย ในขณะที่หญิงสาวลุกขึ้นยืน ถอดกางเกงและชั้นในลงไปกองที่พื้น
“อื้อ ซี๊ดส์” หญิงสาวสูดปากเมื่อนิ้วเย็นปาดและแยงเข้าไปในรูที่มีน้ำเอ่อพร้อมแล้ว
“แฉะแบบนี้ เอาเลยนะ”
แขนแกร่งข้างซ้ายช้อนเอาข้อพับขาขวาของคนตัวเล็กกว่าจนต้องทรงตัวด้วยขาซ้ายเพียงข้างเดียว มือขวาจับท่อนเอ็นสอดใส่ร่องรักที่พร้อมพรัก “โอว กิ๊บ อ้า” เสียงทุ้มร้องครางพร้อมกับกระแทกสะโพกเข้าออกรุนแรง
“พี่คิว เบาหน่อย กิ๊บจุก” หน้านิ่วด้วยความจุก ทว่าเขาไม่ไยดีต่อเสียงร้องขอของร่างเล็กเลย วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันมา ย่อมรู้ดีว่า ยิ่งร้องจุก เธอยิ่งเสียวแค่ไหน
“โอ้ว อ้า อ๊ะ อ๊ะ” เสียงร้องครางของหญิงสาวยังเปล่งออกมาไม่ขาด
ในขณะที่หน้าห้องปริมายื่นมองหนังสดตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง แต่ไม่ได้ส่งเสียงไปขัดจังหวะ เธอค่อย ๆ ปล่อยให้ประตูปิดลงอย่างช้า ๆ เดินถอยออกมาอย่างสติเลื่อนลอย กลางกายรู้สึกร้อนวูบวาบ หากให้ยืนนานกว่านี้เธอคงระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ภายในห้องที่ผู้จัดการคนสวยผละจากไปยังอบอวลไปด้วยกลิ่นราคะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อ พร้อมเสียงครวญคราง ที่ไม่กลัวเลยว่าคนผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน ชายหนุ่มปล่อยขาลง ขยับตัวมาด้านหลัง ดันร่างหญิงสาวโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย จับท่อนเอ็นดันเข้าร่องรักอีกครั้งจากด้านหลัง
“กิ๊บ ถ่างขาหน่อย” เธอก็ว่าง่าย กางขาย่อตัวลงเล็กน้อย ฝ่ามือค้ำไปที่ฝาผนัง
“อ๊ะ พี่คิว กิ๊บเสียว ซี้ดส์” หญิงสาวเกร็งไปทั่วร่าง เริ่มครวญครางไม่เป็นภาษา “อื้อ อ้ะ โอว อิ๊ อู้”
“วันนี้น้ำเยอะจัง” มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อ ขยำก้อนเนื้อที่เด้งสู้มือผ่านบราตัวบาง
“สะ เสียว มะ ไม่ ไหวแล้ว เร็วหน่อยพี่ คะ คิว”
เจ้าของชื่อขยับสะโพกเข้าออกเร็วขึ้น มือก็เค้นเนื้อนุ่มเต็มแรง “ขมิบหน่อยกิ๊บ” เขาใกล้จะเสร็จแล้ว แต่รูเข้าออกเปียกลื่นจนความเสียวลดลง “แรงอีก”
“อื้อ พี่ คะ คิว อ๊าย” หญิงสาวเกร็งร่องรักสุดแรง พร้อมกับกระตุกถี่ยิบ อันบ่งบอกว่าเธอไปถึงจุดหมายแล้ว
“โอ้ว อืม...” ท่อนเอ็นถูกตอดรัดแน่นจนเสร็จสมตามเธอไป ชายหนุ่มรูดถุงยางที่ภายในเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นมัดปลายแล้วโยนลงถังขยะ ดึงกางเกงที่คาอยู่ตรงสะโพกขึ้นติดกระดุม ก่อนจะออกจากห้องไปก็หันไปบอกหญิงสาวที่กำลังยืนขาสั่นสวมกางเกงอยู่ “พี่ไปก่อนนะ”
เขาเป็นเช่นนี้เสมอ เมื่อเสร็จสมต่างคนก็ต่างแยกย้าย เธอก็สุขเขาก็สม ต่างคนต่างได้ประโยชน์ แล้วเขาจะแคร์อะไร หรือหากหญิงคนใดเรียกร้อง เขาก็พร้อมจะตีตัวจากทันที
คิว หรือคิระ หนุ่มพนักงานคอมพิวเตอร์ประจำบริษัท อายุสามสิบสอง ต้นตระกูลโล้สำเภามาจากจีน แต่ใบหน้าคมเข้มออกไปทางแขกขาว ซึ่งน่าจะเป็นผลพลอยได้จากยีนส์ไทยแท้ของมารดามาผสมกับความขาวของบิดา ใช้ชีวิตได้อิสระเสรี ด้วยความที่เป็นหลานรักของอาม่า ทว่ากลับยังยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แม้อาม่าจะนัดดูตัวสาว ๆ ให้หลายรอบแล้ว ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจสาวเหล่านั้น เพียงแต่ว่าเขากินไม่กี่ครั้งก็เบื่อแล้ว จำต้องคายทิ้ง
คิระ ยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน เพราะมัวแต่ไปกินตับน้องกิ๊บเด็กใหม่ในไลน์ผลิตที่เขาเพิ่งลองกินได้ไม่กี่ครั้ง แต่ก็เริ่มเบื่อแล้ว เขาก้าวเท้ายาว ๆ ออกจากจากฝ่ายผลิตไปที่ตึกบริหารอันเป็นสถานที่ทำงานของเขา และก่อนที่จะไปถึงห้องทำงานของเขา ซึ่งอยู่ในซอกไกลสุดกู่ของชั้น เขาจะต้องเดินผ่านฝ่ายขาย
สายตาคมเข้มเหลือบไปเห็นไฟในห้องผู้จัดการคนสวยที่เขาว่ากันว่าเป็นเด็กของท่านประธานเปิดสลัวอยู่ แต่ภายนอกกลับไม่มีพนักงานของฝ่ายนั่งอยู่เลย ซึ่งนั่นก็เป็นปกติของฝ่ายนี้ที่จะต้องออกไปกินข้าวกลางวันข้างนอกบริษัท แล้วกลับมาในช่วงบ่าย อาจเลทบ้างเล็กน้อย ปริมาก็ไม่ได้ว่าอะไร หากทำยอดขายได้ตรงตามเป้า
ชายหนุ่มไม่รอช้าเบี่ยงตัวเลี้ยวเข้าฝ่ายขาย เดินตรงไปยังห้องผู้จัดการ จะว่าเขาลองดีมันก็ถูก อยากรู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เช่นเขา กับชายวัยใกล้เกษียณอย่างท่านประธานที่แม้จะร่ำรวยเงินทองจนเขาไม่อาจเทียบ ใครมันจะเร้าใจผู้หญิงอย่างเธอมากกว่ากัน