“แหม นี่ถ้าไม่บอกว่าหนูน้อยคนนี้เป็นลูกคุณพริม ริษาคงคิดว่าเป็นลูกพี่ภีมแน่เลยค่ะ ดูสิคะ คล้ายกันอย่างกับอะไร”
ริษาพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร แต่นั่นทำเอาภาวัตถึงกับอึ้งและหันไปมองหน้าพริมพิกาทันที
“สงสัยเพราะแพรวาขาวเหมือนกับคุณภีมมั้งคะ” พริมพิกาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เธอกลัวว่าภาวัตจะจับได้ว่าแพรวาเป็นลูกของเขาที่เกิดจากความไม่ตั้งใจในคืนนั้น
“ไหน มีขนมอะไรให้น้าชิมอีกไหมคะ” สาวสวยบุคลิกมาดมั่นหันไปพูดคุยกับเด็กหญิงร่างอวบ เพราะก็อดเอ็นดูเด็กน้อยไม่ได้ ด้วยว่าตนเองเป็นน้องคนเล็กจึงโหยหาที่จะมีน้องน้อยเล่นด้วยในวัยเด็กอยู่ลึกๆ
“มีเยอะเลยค่ะ คุณน้าลองทานนะคะ” แพรวารีบเดินไปหาริษาทันที ราวกับเด็กที่ได้เพื่อนเล่น
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพริมขอตัวสักครู่นะคะ น้ำค้างช่วยพี่ดูแลแขกสักแป๊บนะ” พริมพิกาได้จังหวะปลีกตัวจากการจับจ้อง เธออยากออกไปสูดอากาศหายใจข้างนอกเสียหน่อย จึงหันไปบอกให้น้ำค้างดูแลแขกแทน
“ได้ค่ะ” เด็กสาวรับคำพร้อมรอยยิ้มกว้าง ขณะมองตามร่างบางที่เดินผ่านตนเองไป ไม่ได้หันมามองเบื้องหลังอีกเหมือนเจ้าตัวมีธุระสำคัญต้องไปจัดการ
ภาวัตมองตามหญิงสาวที่เดินหายไปที่ด้านหลังร้าน เขาเคยดูรีวิวร้านนี้มาก่อนจึงพอจะรู้ว่าด้านหลังร้านมีสวนเล็กๆ ให้ลูกค้าได้ออกไปเดินเล่นได้ จึงมั่นใจว่าหญิงสาวคงออกไปเดินเล่นตรงนั้นอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวพี่มานะริษา” เขาหันไปบอกน้องสาวขณะเตรียมจะลุกขึ้น แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงมือไว้เสียก่อน
“คุณพริมเขามีครอบครัวแล้วนะ พี่ภีมจะตามเขาไปทำไม เขาไม่โสด หมดสิทธิ์แล้วพี่ภีม” ริษาออกปากเตือนทันที เมื่อรู้ว่าพี่ของเธอเตรียมจะลุกไปไหน แม้เธอจะอดเสียดายครูสาวสวยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรศีลธรรมก็ต้องมาก่อนเสมอ
“เรื่องนั้นรู้แล้วน่า”
ภาวัตตอบแบบปัดๆ น้องสาว แม้ภายในใจจะสะอึกกับคำเตือนของริษาก็ตาม แต่สิ่งที่ค้างคาใจก็ผลักให้ร่างสูงก้าวตามคนร่างบางไปทันที
พริมพิกาออกมาสูดอากาศด้านนอก แม้ว่าตอนนี้ยังคงมีแดดตกลงมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนแต่อย่างใด เนื่องจากว่ามีลมเย็นจากต้นไม้สูงใหญ่อยู่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้ออกมาเดินเล่นบริเวณนี้
“คุณสบายดีนะ”
เสียงของภาวัตดังขึ้นทำให้พริมพิกาตื่นจากภวังค์ทันที แล้วหันไปมองหน้าเจ้าของร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ
“คุณภีม”
“ผมเพิ่งกลับจากเมืองนอก” ภาวัตพูดขึ้นหลังความเงียบงันแผ่คลุมไปชั่วอึดใจ เขาหวังอยากได้ยินคำบอกเล่าชีวิตในช่วงที่ไม่ได้เจอกันของหญิงสาวบ้าง
“ค่ะ คุณล่ะ สบายดีนะคะ” พริมพิกาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา แม้จะมั่นใจว่าชีวิตของเขาคงมีความสุขและสบายเป็นไหนๆ ต่างจากเธอที่ก่อนหน้านี้ต้องดิ้นรนอยู่เพื่อเอาตัวรอด
“ชีวิตผมก็เหมือนเดิม แต่ผมอยากรู้ชีวิตคุณมากกว่า ตั้งแต่คืนนั้น เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ช่องทางติดต่อที่คุณเคยให้ไว้ ผมก็ติดต่อไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจ เพราะใช่ว่าเขาไม่เคยพยายามติดต่อพริมพิกา แต่ทุกครั้งที่ติดต่อไปกลับพบว่าเธอปิดเครื่องตลอด
“พอดี...พริมเปลี่ยนเบอร์ค่ะ”
พริมพิกาตอบเสียงนิ่ง ความจริงแล้วเธอต้องการจะหนีหน้าภาวัต เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้อง กลัวว่านักธุรกิจอย่างเขาจะห่วงชื่อเสียงและบังคับให้เธอเอาเด็กออก วิธีเดียวที่จะหนีปัญหาพวกนั้นได้คือเลิกติดต่ออีกฝ่ายทุกช่องทาง
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณมีร้านอาหาร แล้วก็เป็นครูสอนทำอาหารกับขนมไทยด้วย” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ทำไมคะ พริมจะเปิดร้านเองไม่ได้หรือไง” สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ชอบใจนัก และอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากำลังดูถูกความสามารถของเธออยู่หรือไม่
“เปล่า ผมแค่ไม่เคยได้ยินคุณพูดว่าจะเปิดร้าน ว่าแต่คุณแต่งงานนานหรือยัง?” ภาวัตรีบถามเข้าเรื่องทันที แม้ว่าจะรู้สึกคุ้นเคยและถูกชะตากับเด็กน้อยที่ชื่อแพรวาอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อยากจะคิดอะไรไปเอง
“ก็…สักพักแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ เธอกลัวเหลือเกินว่าภาวัตจะจับได้ว่าแพรวาเป็นลูกของเขา
“สักพักนี่ก่อนหรือหลังที่เราจะนอนด้วยกัน”
“คุณภีม!” พริมพิกาหลุดเสียงดังใส่ เมื่อเห็นว่าเขาพูดถึงเรื่องอดีตที่เธอไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก
“ผมขอโทษถ้าพูดให้คุณไม่พอใจ ก็แค่อยากรู้” ภาวัตขอโทษจากใจจริง แต่ที่ถามออกไปคือสิ่งที่เขาอยากรู้และสงสัยอยู่ในใจว่า แพรวาเป็นลูกของใคร
“พริมแต่งงานกับพ่อของแพรวาหลังจากที่เราเจอกัน พอใจหรือยังคะ” พริมพิกาหันไปตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจมากนัก
“ถ้าอย่างนั้น สามีของคุณคงหน้าตาดีมากนะ ดูจากหน้าตาแพรวาแล้วน่ารักเชียว” ไม่รู้ทำไม ภาวัตถึงรู้สึกว่าเธอกำลังโกหกเขาอยู่
“คุณอย่าสนใจเรื่องของพริมเลยค่ะ อีกอย่าง เขาก็เสียชีวิตไปแล้ว” พริมพิการีบพูดเพื่อตัดปัญหาทันที เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาถามหาสามีของเธออีก
“อ้าว เหรอ ผมจะดูเลวไหมเนี่ย ถ้าบอกว่า ผมรู้สึกดีใจ” พูดออกมาพลางยิ้มๆ
ไม่รู้หรอกว่าคนตัวเล็กโกหกหรือไม่ แต่การที่พูดออกมาแบบนั้นเท่ากับว่า ตอนนี้ หญิงสาวโสดและยังไม่มีคนรัก ถ้าอย่างนั้น เขาก็มีสิทธิ์ อีกอย่าง ชายหนุ่มก็ยังอยากชดใช้ตราบาปที่สร้างไว้กับพริมพิกาในฐานะผู้ชายคนแรกของเธอ และถึงอย่างไร เขาก็จะต้องไล่ต้อนจนรู้ให้ได้ว่าเด็กน้อยแพรวาคือลูกสาวของตนเองหรือไม่
“คุณภีมคะ นี่คุณกำลังจะแกล้งพริมหรือไง” พริมพิกาหันไปจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาดุๆ แม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่ความกวนของเขายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“เปล่าสักหน่อย ผมพูดจริง ตอนนี้ คุณก็ไม่มีใครน่ะสิ” ภาวัตพูดด้วยน้ำเสียงสื่อความหมาย
“ไม่มีค่ะ และก็ไม่คิดจะมีความสัมพันธ์แบบที่คุณกำลังคิดด้วยค่ะ” หญิงสาวตอกกลับอย่างรู้ทัน ภาวัตคงคิดว่าเธอง่ายและอยากจะพูดเพื่อลองใจดู แต่เธอไม่มีทางเอาตัวเข้าแลกเพื่อความสนุกเพียงชั่วข้ามคืนกับเขาอีกแน่นอน
“งั้นเหรอ ก็ดีแล้ว เพราะคุณเองก็มีลูกแล้วด้วย”
เจ้าของร่างสูงพูดพลางกระตุกยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ขณะจ้องลึกไปในดวงตากลมโตอย่างคนหาคำตอบ เขาไม่ได้คิดอย่างที่หญิงสาวพูด แต่ที่ถามเพราะอยากสืบเรื่องแพรวาต่างหาก
“กลับเข้าไปข้างในเถอะค่ะ เราจะได้คุยเรื่องเรียนกับคุณริษาต่อ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ พริมพิกาก็รีบเดินหนีไปทันที ตอนนี้ หญิงสาวอดหนักใจไม่ได้ว่า ชีวิตต่อจากนี้จะต้องพบเจอกับภาวัตที่เข้ามาปั่นหัวเธอหรือไม่ และจะนานแค่ไหน...!